หลังจากเก็บข้าวของที่เจ้าพวกนี้ยืมออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นที่เรียบร้อย ร็อบบ์ก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปรับฟังคำเทศนาของพ่อ ระหว่างทางที่เดินไปยังโรงนอน แพทริกกับแอนนาเบลก็รับหน้าที่อธิบายเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของเขตให้ผมฟัง สองคนนั้นไม่ได้อธิบายอะไรละเอียดนักหรอก เพราะเข้าใจว่าผมเป็นซอมบี้ฮันเตอร์อย่างที่กล่าวอ้างก็เลยอธิบายคร่าว ๆ ว่าสถานที่ฝึกของกองทัพในแต่ละแห่งอยู่ส่วนไหนบ้างก็เท่านั้นด้วยเห็นว่าน่าจะต่างจากเขตที่ผมมาอยู่ ผมเลยต้องสังเกตเอาเองว่าในเขตควบคุมโรคมันเป็นอย่างไร เท่าที่สังเกต เหมือนในเขตควบคุมโรคจะแบ่งออกเป็นโซนพื้นที่ใหญ่ ๆ สองโซน คือโซนสำหรับกองทัพ และโซนสำหรับพลเรือน
แน่นอนว่าโซนสำหรับพลเรือนก็เป็นพวกที่อยู่อาศัยของพวกพลเรือน ส่วนโซนของกองทัพก็เป็นพื้นที่สำหรับใช้สอยทางการทหาร รวมถึงพื้นที่สำหรับหน่วยสำคัญต่าง ๆ ของเขต อย่างเช่นอาคารสำหรับผลิตอาหารผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อาคารทดลองอะไรเทือกนี้ด้วย ผมเห็นอาคารเหล่านั้นตอนที่นั่งรถเข้ามา จริง ๆ แล้วยังมีมากกว่านี้อีกหลายสิบอาคาร แต่ผมไม่ได้สนใจนักนอกจากเครื่องแบบของซอมบี้ฮันเตอร์แต่ละกองร้อยที่สวมใส่ ผมเพิ่งจะสังเกตเอาตอนนี้ว่าซอมบี้ฮันเตอร์ที่มาจากกองร้อยหลักและกองร้อยสำรองจะใส่เครื่องแบบไม่เหมือนกัน ของพวกซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยหลักจะเป็นชุดลายพรางเหมือนทหารทั่วไป แต่มีตราประจำที่เปลี่ยนจากกองทัพบกสหรัฐไปเป็นตราของซอมบี้ฮันเตอร์และเขตที่สังกัด ส่วนซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองจะเป็นชุดสีเขียวแก่เรียบ ๆ ไม่มีลายพรางอะไร แต่มีเครื่องหมายซอมบี้ฮันเตอร์และเขตที่สังกัดเหมือนกับกองร้อยหลักเช่นกัน
“ก็ดีนะที่มีนายเข้ามาอยู่ในหน่วย ร็อบบ์กับฉันก็กำลังกังวลกันอยู่พอดีว่าถ้าพวกฉันถูกย้ายไปกองร้อยหลัก จะไม่มีสมาชิกมาเพิ่ม” เสียงของแพทริกเรียกความสนใจของผมไป ก่อนแอนนาเบลจะว่าสมทบอย่างเห็นด้วย
“นั่นสิ ช่วงนี้พวกเด็ก ๆ กองร้อยฝึกหัดก็ไม่มีเข้ามาเพิ่มแล้ว แถมพวกกองร้อยหลักก็ออกไปตายกันตั้งหลายคน นี่ยังไม่นับกองร้อยสำรองของเรานะ กองทัพเรานี่เหลือพวกมีฝีมืออยู่แค่หยิบมือเดียวเองมั้ง ได้คนจากเขตอื่นมาบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องถึงขั้นไปเกณฑ์พลเรือน”
“หมายความว่าไงที่ไม่มีคนเข้ามาเพิ่ม” ผมถามอย่างสงสัย เนวิลล์ที่เดินนำหน้าอยู่พูดโดยไม่หันมามอง
“ก็หมายความว่าไม่มีผู้รอดชีวิตให้ได้เอามาเข้ากองทัพน่ะสิ นายเป็นซอมบี้ฮันเตอร์ประเภทไหนเนี่ยถึงได้ไม่รู้เรื่องนี้” แอนนาเบลว่าเสียงขุ่น
ผมยิ้มแก้เก้อ ก่อนแพทริกแทรกขึ้นช่วยชีวิต
“ก็หมอนี่เพิ่งจะเข้ามาเป็นซอมบี้ฮันเตอร์ไม่ใช่เหรอ ไม่รู้อะไรมากก็ไม่แปลกหรอกน่า” ว่ากับแอนนาเบลเสร็จก็หันมาทางผม อธิบายเพิ่มเติม “คืองี้ไบรอัน ก่อนที่ไวรัสซีจะระบาดในอเมริกา นายรู้ใช่มั้ยว่าทางกองทัพมีการประกาศรับสมัครเยาวชนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมฝึกเป็นซอมบี้ฮันเตอร์”
ผมพยักหน้า เหมือนจะเคยเห็นผ่านหูผ่านตาอยู่บ้าง เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเองก็สมัครเข้าร่วมกันอยู่หลายคนเหมือนกัน มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่ได้สนใจอะไรกับชาวบ้านเค้า
“ช่วงนั้นก็มีเยาวชนมาสมัครเรื่อย ๆ แต่พอไวรัสนรกนั่นระบาด พวกเราก็อพยพไปอยู่ประจำการที่เขต มีพลเรือนบางส่วนเท่านั้นที่ยอมสมัครเข้ากับกองทัพตอนที่พวกเราเริ่มลดจำนวนลง จนตอนนี้ในเขตของเราค่อนข้างอยู่ในภาวะวิกฤต เพราะเยาวชนที่อยู่เข้าร่วมกับกองทัพจนหมดตามคำร้องขอของกองทัพ จนตอนนี้เหลือเพียงพวกผู้ใหญ่ที่เกินแกงจะเข้ากองทัพเท่านั้น”
“แล้วตอนนี้กองทัพของเขตนี้มีประมาณกี่คน”
“ประมาณห้าพันกว่าคนได้มั้ง รวมทุกกองร้อยนะ”
ผมครางรับ ฟังดูเหมือนจะเยอะ แต่เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าเทียบกับจำนวนซอมบี้นอกเขตแล้วล่ะก็ ถือว่าไม่ถึงหนึ่งในสี่ของพวกมันด้วยซ้ำ
“มิน่าล่ะ ทำไมท่านนายพลถึงได้ยัดเยียดให้ฉันเข้ากองทัพนัก” ผมว่าให้แพทริกหัวเราะ
“ท่านนายพลดูดีใจนะแม้ว่านายจะไม่ใช่พวกฝีมือดีก็ตาม แต่ก็เพราะนาย พวกฉันเลยไม่ถูกลงโทษ มีแต่ร็อบบ์ที่ต้องไปแก้ตัวกับพ่อแทน”
“ร็อบบ์ก็รับเคราะห์อย่างนี้ทุกทีแหละ” แอนนาเบลพึมพำ ก่อนแพทริกจะตัดบท
“เอาเถอะน่า หมอนั่นเป็นหัวหน้าหน่วยนี่นา รับผิดชอบแทนสมาชิกหน่วยหน่อยจะเป็นไรไป ฉันว่าพาไบรอันไปที่โรงนอนเถอะ ใกล้จะได้เวลานอนแล้ว”
แอนนาเบลไม่พูดอะไรต่อจากนั้น นอกจากเดินคู่กับแพทริก นำผมไปยังโรงนอนซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่สำหรับซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองรุ่นใหญ่ ส่วนโรงนอนของซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองรุ่นเล็กนั้นอยู่คนละฟากกัน และทันทีที่เข้ามาด้านใน เสียงจ้อกแจ้กจอแจของบรรดาซอมบี้ฮันเตอร์จูเนียร์ทั้งชายและหญิงก็ดังเข้าหูผมทันที
แพทริกกับแอนนาเบลทักทายคนอื่น ๆ ที่เข้ามาทักเรื่องวีรกรรมที่พวกเขาไปทำมาตลอดทาง ปล่อยให้ผมได้สำรวจภายในอาคารแห่งนั้นด้วยตัวเอง จากที่ผมเห็น เดาว่าแต่ละชั้นถูกเป็นออกเป็นห้อง ๆ หลายร้อยห้อง โดยใช้ม่านสีเขียวเข้มกั้น ภายในห้องนั้นมีเตียงสองชั้นอยู่สองเตียงและชั้นวางของอีกนิดหน่อย ห้องหนึ่ง ๆ คงจะถูกจัดสรรให้สำหรับซอมบี้ฮันเตอร์หนึ่งหน่วย
“ห้องของหน่วยเราอยู่ชั้นห้า” เนวิลล์เดินเข้ามาบอกผมข้าง ๆ หู
ผมสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็เห็นเขาโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงทั้งที่เมื่อกี้ก็ไม่ได้เดินมากับผมด้วย เขามองหน้าตื่น ๆ ของผมเล็กน้อย ก่อนออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ตามมา”
“แล้วแพทริกกับแอนนาเบล...” ผมมองหาสองคนนั้นเลิ่กลั่กเพราะไม่อยากไปกับเนวิลล์เพียงสองคน แต่พอหันไปอีกที สองคนนั้นก็หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“กว่าจะเล่าวีรกรรมเสร็จก็อีกนาน ช่างหัวพวกนั้นเถอะ” เนวิลล์หันมาว่าเสียงเรียบแล้วเดินนำไป
ผมได้แต่ปรายตามองไปยังกลุ่มคนที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่ ก็เดาได้ว่าต้นเหตุคงจะเป็นสองคนนั้น เลยได้แต่ตัดใจ แล้วเดินตามเนวิลล์ไปอย่างว่าง่าย
ไม่นานนัก เนวิลล์ก็พาผมมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งซึ่งอยู่ด้านในสุดของชั้นห้า ระหว่างทาง มีคนพยายามเข้ามาทักทายเขามากมาย แต่เขากลับเมินเฉย แล้วเดินผ่านไปราวกับคนพวกนั้นเป็นอากาศธาตุ ยิ่งพอมีใครบางคนเข้ามาขอให้เขาเล่าวีรกรรมให้ฟัง เขากลับตอบแสกหน้าไปว่า ‘ถ้ายิงปืนได้ดีเท่าการแส่เรื่องคนอื่น ฉันจะดีใจมาก’ ผมก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีนัก จริง ๆ ก็พอจะรู้อยู่จากการถามคำตอบคำแล้ว และดูท่าทางน่าจะมีอำนาจมากพอสมควรเสียด้วย เพราะไม่อย่างนั้น คนที่มาถามนั่นคงไม่ดูจ๋อยเป็นหมาหงอยอย่างนั้น
“เตียงของร็อบบ์อยู่ด้านล่างฝั่งขวา” เนวิลล์ว่าขึ้นหลังจากกระชากม่านเปิดให้ผมเห็นด้านใน ผมตั้งท่าจะเข้าไปนั่ง ทว่าเนวิลล์ก็ขัดขึ้นอีก “แต่ฉันแนะนำให้นายนอนที่เตียงล่างฝั่งซ้าย”
“ทำไม”
“ฉันไม่ชอบเห็นใครมานอนที่เตียงร็อบบ์”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็คิดไปทันทีเลยว่าเนวิลล์เป็นพวกรักเพศเดียวกัน และเขาก็คงจะชอบร็อบบ์อยู่ด้วยล่ะมั้งถึงไม่อยากให้ผมไปยุ่มย่ามกับที่นอนของคนที่ชอบ ผมเองก็ไม่อยากจะมีปัญหาเลยได้แต่ยักไหล่ แล้วย้ายฝั่งมานั่งที่เตียงนั้นตามที่เขาบอก
“แล้วนี่เตียงใคร”
“เตียงฉัน”
“อ้อ นายให้ฉันย้ายมานอนเตียงนาย เพราะนายจะย้ายไปนอนเตียงร็อบบ์แทนน่ะสินะ” ผมมั่นใจได้ก็ตอนนี้ว่าเขามีรสนิยมอย่างที่ผมคิดในตอนแรก ทว่าคำตอบของเขากลับผิดคาด
“มันว่างอยู่ ฉันเลยให้นายนอน เพราะฉันไม่ได้นอนที่นี่”
“เอ้า แล้วนายนอนที่ไหน”
“บ้าน”
ผมย่นคิ้วพลัน “หมายความว่าไงที่ว่านอนที่บ้าน”
“พวกซอมบี้ฮันเตอร์ที่ยังมีครอบครัวหรือมีบ้านอยู่ในโซนพลเรือน บางคนก็ชอบกลับไปนอนที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่มักจะมานอนกันที่โรงนอน เพราะกลัวจะตื่นมาฝึกไม่ทัน” เขาอธิบายสั้น ๆ
“แล้วนายไม่กลัวตื่นมาฝึกไม่ทันหรือไง” ผมแสร้งว่าพลางทิ้งตัวลงเหยียดกายบนเตียงนุ่มนั่น
นานแล้วนะที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้ สบายชะมัด
“ไม่” เขาตอบเสียงห้วน แล้วเดินเข้ามาค้นอะไรบางอย่างที่ตู้เหล็กปลายเตียงของร็อบบ์อยู่ครู่หนึ่ง
“สักวันเถอะ นายจะตื่นมาฝึกไม่ทัน” ผมแกล้งหยอก กะว่าจะหาเรื่องชวนคุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์
“ฉันไม่เคยมีประวัติแบบนั้น” เนวิลล์ไม่สน รื้อเอาเครื่องแบบชุดใหม่ออกจากตู้เหล็กแล้วโยนมาให้ผมรับ “นี่ชุดใหม่ของนาย เปลี่ยนซะ เสื้อนายเหม็นเกินทนแล้ว และฉันก็ทนเห็นกางเกงแดงรัดรูปนั่นของนายไม่ไหวแล้วด้วย รำคาญสายตา ส่วนรองเท้า นายก็เลือกเอาแล้วกันว่าใส่คู่ไหนได้ ถ้าไม่มีไซส์ก็บอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเบิกให้”
ว่าจบก็เปิดประตูตู้เหล็กอ้าออกให้กว้างขึ้น เผยให้เห็นรองเท้าคอมแบททั้งใหม่และเก่าเรียงรายอยู่ด้านใน ผมพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกไปดู เนวิลล์ก็จัดการตัดบททันควัน
“เลือกเสร็จแล้วก็รีบนอน ไม่งั้นพรุ่งนี้นายจะตื่นไม่ทัน พรุ่งนี้มีฝึกลาดตระเวนในที่ราบที่สนามรบจำลอง แพทริกกับแอนนาเบลจะพานายไปที่จุดรวมพล”
“บอกตัวเองเถอะพ่อหนุ่มติดบ้าน วิ่งจากบ้านมาให้ทันแล้วกัน” ผมได้ที ย้อนเขาคืนบ้าง
เนวิลล์เหลือบมองผมเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะรูดม่านปิดแล้วจากไปในเสี้ยววินาที