คนมองทำหน้าอึ้ง ๆ ไปเล็กน้อย ขณะที่พวกร็อบบ์ทำหน้าเย้ยราวกับผู้ชนะ ก่อนที่รถฮัมวี[1]คันเขื่องจะเคลื่อนออกมาจากหลังกำแพงใหญ่ตรงหน้า และมาหยุดนิ่งตรงหน้าพวกเรา คนบนรถทิ้งตัวลงมายืนบนพื้น เครื่องแต่งกายอย่างเป็นทางการ บ่งบอกยศนายพลทำให้รอยยิ้มของร็อบบ์หายไปทันที ยิ่งเห็นใบหน้าดุดันของชายวัยกลางคนคนนั้นด้วยแล้ว บรรยากาศรอบข้างก็เงียบสนิทราวกับสุสาน
“กล้ามากนะร็อบบ์ที่ยิงยาสลบเจ้าหน้าที่เวรยามแล้วขโมยอาวุธกองทัพไปใช้โดยพลการแบบนี้ รู้ใช่มั้ยว่ามีโทษยังไง” นายพลคนนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้ามายืนตรงหน้าร็อบบ์แล้วว่าเสียงแข็ง
ผมรู้ในตอนนี้เองว่าเจ้าพวกนี้เอาของเจ๋ง ๆ ออกมาข้างนอกได้เพราะอะไร
“แค่ยาสลบเองน่าพ่อ ไม่อันตรายสักหน่อย” ร็อบบ์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย และนั่นทำให้ใบหน้าดุดันของฝ่ายตรงข้ามดูเคร่งเครียดมากขึ้นไปอีก
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่แกจะใช้ปืนยาสลบหรือปืนอะไร แต่มันอยู่ที่ว่าแกขัดคำสั่งของกองทัพ!”
คนอื่น ๆ ในหน่วยของร็อบบ์ดูหน้าเจื่อนมากขึ้นเมื่อพ่อของร็อบบ์ตวาด ผมรีบขยับเข้าหาเนวิลล์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วกระซิบถามเขาเบาๆ
“ฉันไปรอในรถถังได้มั้ย”
เนวิลล์เหลือบมองผมเล็กน้อย แล้วเมินใส่ราวกับว่าคำถามของผมเป็นเสียงแมลงหวี่แมลงวันก็ไม่ปาน ผมจึงกระซิบถามใหม่อีกครั้ง
“ตกลงได้มั้ย ฉันไปนั่งรอในรถถังนะ”
“หุบปาก” เนวิลล์ว่าเสียงเรียบ ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ แต่ออกคำสั่งแทน งั้นผมถือว่ามันเป็นการปฏิเสธก็แล้วกัน
“แกเป็นถึงหัวหน้ากองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์สำรองรุ่นใหญ่ แต่กล้าทำอุกอาจถึงขนาดนี้ ใครมันจะไปศรัทธาในตัวแก! อย่างนี้จะไปบัญชาการใครที่ไหนได้ในเมื่อผู้นำยังไม่รู้จักคำว่ากฎระเบียบอย่างนี้!” คุณพ่อนายพลยังคงตวาดไม่เลิก
ทว่าร็อบบ์กลับฉีกยิ้มหวานใส่ “ไม่เอาน่าพ่อ จะหงุดหงิดไปทำไม ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง”
“กลับมาแล้วยังไง! รอดชีวิตกลับมาได้นี่คิดว่าเก่งนักหรือไง!”
“ก็พอตัวน่ะครับ” ร็อบบ์เล่นลิ้น ทำเอาพ่อของเขาโกรธขึ้งจนหน้าแดง ก่อนจะตะคอกใส่หน้าลูกชายลั่น
“ไอ้ร็อบบ์!”
“ใจเย็น ๆ ก่อนพ่อ ผมก็แค่ล้อเล่น อย่าเครียดน่า” พอเห็นว่าพ่อของเขาเอาจริง ร็อบบ์ก็รีบห้ามทัพก่อนที่จะโดนรองเท้าคอมแบทของพ่อฟาดปาก “ผมไม่ได้รอดชีวิตมาอย่างเดียวนะพ่อ ที่ผมออกไปคราวนี้ ผมไปถล่มซอมบี้ที่คลังสินค้ามา ไม่อยากจะบอกเลยว่าหน่วยผมเป็นหน่วยแรกที่ไปบุกเบิกพื้นที่ตรงนั้นได้”
เขาว่าอย่างภูมิใจ ขณะที่พ่อของเขาย่นคิ้วยู่จนแทบผูกเป็นโบว์
“คลังสินค้า... อย่าบอกนะว่าคลังสินค้าที่อยู่ห่างไปแปดสิบกิโลเมตร”
ร็อบบ์พยักหน้ารับ ทำเอาคนเป็นพ่อโกรธจนตัวสั่นด้วยรู้ว่าพื้นที่ที่ลูกชายไปนั้นคือพื้นที่สีแดงซึ่งเป็นเขตหวงห้าม
“แกคงจะลืมไปแล้วมั้งว่าซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองอย่างแกออกนอกพื้นที่ได้ไม่เกินรัศมียี่สิบกิโลเมตรจากเขตควบคุมโรค! แล้วนี่ยังออกลาดตระเวนแค่หน่วยเดียวอีก แกจะแหกกฎทุกข้อที่มีเลยใช่มั้ย!”
“ถึงผมจะแหกกฎ แต่ผมก็ได้ผลงานมานะพ่อ ดูนี่สิ” ร็อบบ์รีบออกปาก พลันล้วงซองบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อส่งให้ผู้เป็นพ่อรับ “ผมได้มันมาจากคลังสินค้า ยังเหลืออยู่ในนั้นอีกเป็นโกดัง รอให้พ่อส่งคนไปขนกลับมาอยู่เนี่ย จะเป็นยังไงนะถ้าพวกซอมบี้ฮันเตอร์ของพ่อรู้ว่านายพลเอาขนมหวานพวกนี้มาให้”
เขาปิดท้ายด้วยการพูดทีเล่นทีจริง หัวคิ้วของคุณพ่อนายพลค่อย ๆ คลายออก พลางยื่นมือมารับซองบุหรี่จากลูกชาย ดูท่าทางเขาคงจะพอคลายความโกรธลงมาได้บ้าง
“แค่ได้บุหรี่เต็มโกดังมา มันไม่ได้คุ้มค่ากับอาวุธที่พวกแกเอาไปถลุงเล่นเลยสักนิด”
“มีไฟแช็กด้วยพ่อ ไม่ได้มีแค่บุหรี่” ร็อบบ์ว่ายียวน ก่อนจะหันมาทางผม ผมรู้ทันทีว่าถึงคราวผมออกโรงแล้ว และก็จริงเสียด้วยเมื่อเขาพูดขึ้นมาอีก “แล้วก็มีผู้รอดชีวิตมาด้วย”
พ่อของร็อบบ์เบิกตาโพลง หันมามองผมพลัน “ผู้รอดชีวิต? พระเจ้า ยังมีคนรอดจากนรกหลงเหลืออยู่อีกหรือเนี่ย”
ผมยกมือขึ้น ยิ้มแหย และร้องว่า ‘ไง’ เบา ๆ อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการทักทายให้กับนายพลของเขต สาบานได้เลยว่าสายตาที่ท่านนายพลมองมายังผม ทำให้ผมเกร็งไปทั้งตัวจนตะคริวแทบจะกินเลยทีเดียว
“หมอนี่ชื่อไบรอัน บรู๊ค เป็นซอมบี้ฮันเตอร์กองร้อยสำรองจากเขตควบคุมโรค หมายเลข 13” ร็อบบ์จัดการอธิบายตัวผมเสร็จสรรพ
นายพลแทบจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ลูกชายพูด ตรงเข้ามาหาผม แล้วจัดการดึงแขนเสื้อเครื่องแบบที่ผมใส่อยู่ไปดูสัญลักษณ์อาร์มของกองทัพ
“จริงด้วย... มาไกลนี่”
ผมยิ้มแห้ง ไม่รู้หรอกว่าไอ้เขตควบคุมโรค หมายเลข 13 อะไรนี่มันอยู่ไกลแค่ไหน ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ก็คงจะไกลจากที่นี่พอสมควร ก่อนเขาจะหรี่ตาลงอย่างจับผิด
“หน่วยก้านดี ดูแข็งแรง แต่ท่าทางนายไม่เหมือนซอมบี้ฮันเตอร์เลย”
“ผะ...ผมเพิ่งจะเข้ากองทัพน่ะครับ” ผมโกหกออกไปคำโตพลางกลืนน้ำลาย ในใจภาวนาขอให้เขาเชื่อ ผมก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าคนที่เห็นซอมบี้ฮันเตอร์มามากมายอย่างนายพลคนนี้จะสามารถมองออกว่าผมเป็นซอมบี้ฮันเตอร์จริงหรือไม่
เคราะห์ดีที่เขาไม่ใส่ใจนัก นอกจากพยักหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่องถาม
“พวกนายไปลงพื้นที่ตรงนั้นรึ”
ผมพยักหน้ารับพลัน
“แล้วคนอื่น ๆ ในหน่วยนายล่ะ”
“ไม่เหลือครับ” ผมว่า จริง ๆ ไม่ตอบ เขาก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วล่ะว่าพวกนั้นถูกเขมือบไม่เหลือซากไปเรียบร้อยโรงเรียนซอมบี้แล้ว
“นายมีครอบครัวอยู่ที่เขต 13 มั้ย”
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถามอย่างนั้น แต่ผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป เพราะผมพอจะเดาได้ว่าพ่อกับแม่ของผมก็คงจะหนีไวรัสซีไม่รอด ป่านนี้คงจะไปหาคนกินอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วล่ะ
คำตอบของผมทำให้ใบหน้าของนายพลดูผ่อนคลายขึ้นมาจากตอนแรก ก่อนที่เขาจะตบบ่าผมเบา ๆ
“นายมันดวงแข็งที่รอดมาได้”
ผมยิ้มแหยอีกครั้ง ก่อนที่ร็อบบ์จะร้องถามแทรกขึ้นมา
“ตกลงมันคุ้มค่ากับอาวุธที่ผมยืมไปถลุงเล่นหรือเปล่า”
“ไม่คุ้ม แต่พอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ ได้คนจากเขตอื่นมาอยู่ด้วยก็ดี กำลังอยากได้กำลังพลเพิ่มพอดีถึงจะเป็นกำลังพลหน้าใหม่ก็เถอะ” ว่ากับลูกชายจบก็หันมาพูดกับผม “ยินดีต้อนรับเข้าสู่กองทัพ... ทหาร”
ฮะ...เฮ้ย! นี่จับเข้ากองทัพกันง่าย ๆ อย่างนี้เลยดิ? ไม่คิดจะถามความสมัครใจกันหน่อยหรือไง
“แต่ว่า... ผมมาจากเขต 13” ผมร้องท้วงก่อนที่นายพลจะเดินกลับไปที่รถฮัมวี
เขาหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะว่าอย่างไม่ยี่หระ “มาจากเขตไหนไม่สำคัญ แต่ถ้านายอยากจะกลับไปที่เขตของนายล่ะก็ ฉันก็ไม่ห้าม หวังว่านายจะเดินเท้ากลับเขตของนายได้โดยสวัสดิภาพ”
พูดมาอย่างนี้ ก็หมายความว่าถ้าผมอยากจะไป ก็ให้เดินไปเองสินะ บ้าชะมัด! ใครจะบ้าเดินไปกัน เขาพูดมาอย่างนี้คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมคงไม่เสี่ยงเอาตัวเองไปฝ่าดงศพกินคนพวกนั้นแน่นอน
“ถ้าไม่อยากกลับ กองทัพของฉันก็ตอนรับเสมอ” พอเห็นผมเงียบ นายพลก็ว่าขึ้น ก่อนจะขึ้นรถไป แล้วร้องบอกลูกชายอีกครั้ง “ฝากน้องใหม่เข้าหน่วยแกด้วยแล้วกัน หน่วยแกยังขาดคนนี่ แล้วก็จัดการเก็บข้าวของที่ยืมไปเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย ส่วนแก กลับบ้านมาเมื่อไหร่ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว”
ร็อบบ์ทำท่าวันทยาหัตย์ใส่คนเป็นพ่อ ก่อนที่รถฮัมวีจะแล่นกลับเข้าไปข้างใน ทิ้งให้ผมยืนอึ้งงันกับสถานะใหม่ที่ได้รับมาโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อกี้นี้
กำลังพลของกองร้อยซอมบี้ฮันเตอร์... นี่มันเรื่องบ้าชัด ๆ !
“เอ้า ทีนี้ก็ถอยกันไปได้แล้วสาว ๆ ได้เวลาพระเอกกลับเข้าบ้านแล้ว” พอเรื่องราวกลับเข้าสู่ความสงบ แพทริกก็เป็นคนแรกที่พูดขึ้น พลางโบกมือไล่ซอมบี้ฮันเตอร์คนอื่นที่ยืนขวางอยู่ให้หลบไป แล้วกลับมาที่รถถัง สอดตัวลงไปในนั้น นั่งประจำการในตำแหน่งเดิม
ร็อบบ์ แอนนาเบล และเนวิลล์กลับเข้าไปในรถถัง ทำให้ผมที่ยืนเอ๋ออยู่ต้องตามเข้าไปบ้าง และพอนั่งประจำที่ได้ ร็อบบ์ก็ตบบ่าผมไม่แรงนัก
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่หน่วยของฉัน ไบรอัน”
นี่ก็ยัดเยียดให้ผมอีกละ เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก! รู้อย่างนี้ผมไม่โกหกว่าเป็นซอมบี้ฮันเตอร์ตั้งแต่แรกก็ดีหรอก
“คืนนี้นายไปนอนที่โรงนอนกับหน่วยเราได้เลยนะ นอนที่ฉันไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันให้คนมาจัดการเสริมเตียงให้” ร็อบบ์ว่าเองเออเองเสร็จสรรพ
ผมพยักหน้ารับไปตามเรื่อง เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว จะแก้อะไรก็คงไม่ทันแล้วล่ะ เล่นตามน้ำไปแล้วกัน
และมันจะดีมากถ้าหากร็อบบ์ไม่หันไปหาเนวิลล์ แล้วออกคำสั่งขึ้นมา
“ฝากนายดูแลน้องใหม่ด้วยนะ ฉันคงโดนพ่อเทศน์หูชายันพรุ่งนี้แน่ คงจะไม่มีเวลามาดูแล”
“เดี๋ยว! จะให้หมอนี่มาดูแลฉันจริงเหรอ” ผมร้องขัดทันที ทำเอาทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว
“ก็ใช่น่ะสิ นายมีอะไรหรือเปล่า” ร็อบบ์ถาม
นี่ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ! เห็นที่หมอนั่นเอาเข็มฉีดยาปักบั้นท้ายผมก็น่าจะรู้แล้วนี่! นี่ยังไม่รวมตอนที่ผมถูกหมอนั่นหนีบหัวเป็นตุ๊กตาในตู้คีบให้ออกจากรถถังนะ คิดดีจริง ๆ แล้วเหรอที่จะให้มาดูแลผม!?
“สงสัยน้องใหม่คงจะกลัวถูกเนวิลล์รับน้องล่ะมั้ง” แพทริกว่าอย่างรู้ทัน พลางกลั้วหัวเราะขณะที่เขาขับเคลื่อนรถถังเข้าไปด้านใน ให้แอนนาเบลพูดเสริม
“งั้นก็คงต้องจัดหนัก ๆ ให้แล้วล่ะมั้ง ใช่มั้ยเนวิลล์”
ผมเหลือบมองยัยนั่นที่หัวเราะปากกว้าง เหอะ ไม่ต้องมาทำเป็นยุเลย ยัยผู้หญิงไร้เสน่ห์!
เนวิลล์เหล่มองผมครู่เดียว แล้วเมินหนีหน้าตาเฉย พลางขยับริมฝีปากบางเฉียบ
“ฉันไม่ทำอะไรไร้สาระแบบนั้น”
แอนนาเบลส่งเสียงเหมือนเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย แล้วสาธยายแผนการรับน้องกับผมร่วมกับแพทริกอย่างสนุกสนาน โดยมีร็อบบ์คอยหัวเราะและปรามอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่จริงจังนัก ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ นอกจากชำเลืองมองเนวิลล์ที่นั่งขัดถูปืนประจำกายตัวเองเป็นระยะ
ดูท่าทางเขาจะชอบปืนแฮะ แต่จ้องได้แป๊บเดียว เขาก็เปล่งเสียงขึ้นมา
“มองอะไร มีปัญหาอะไรกับหน้าฉันมากหรือไง”
ผมไม่ตอบ หันหน้าหนีแทน สาบานได้เลยว่าตอนผมหันหน้าหนี ผมแอบเห็นเขายิ้มเย้ยใส่ด้วยล่ะ
เออ! นายมันเก่งนี่ ฉันไม่กล้าหือเลยได้ใจใช่มั้ย!
ไม่สบอารมณ์เลยแฮะ ถูกยัดเยียดให้เข้ากองทัพยังไม่พอ ยังต้องมาอยู่ในการดูแลของหมอนี่อีก นี่มันซวยซ้ำซวยซ้อนชัดๆ!
[1] รถฮัมวี (Humvee: High Mobility Multi-purpose Wheeled Vehicle) เป็นรถที่ใช้งานทางทหารที่กองทัพสหรัฐและชาติอื่นๆ ใช้งานยาวนานมาตลอด 20 ปี มีหลายรุ่นและสะดวกต่อการดัดแปลงทำหน้าที่ต่างๆ ตั้งแต่ใช้งานธุรการไปจนถึงติดอาวุธหนักให้เป็นยานรบ รถฮัมวีถูกพัฒนามาใช้แทนรถจี๊ป (Jeep) ในการลาดตระเวน