ตอนที่ 3.1

1848 คำ
[ ซายูริ ] ร่างกายฉันเพลียกว่าที่คิด ลืมตาตื่นอีกทีก็พบว่าล่วงบ่ายสองเข้าไปแล้ว เรื่องไปมหาลัยไม่ต้องคิดเลยตอนนี้ฉันควรตั้งสติให้ได้ก่อน เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วฉันควรแก้ปัญหาต่อจากนี้ยังไง ความรู้สึกเจ็บลึกในท้องน้อยย้ำเตือนความทรงจำที่ชวนให้หดหู่ใจ ใบหน้าของตัวต้นเหตุทอวาบเข้ามาในหัว ฉันกำหมัดแน่น ทุบลงบนเตียงด้วยเจ็บใจจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือ  คาวะ ...ไอ้เลว! ก๊อกๆ  “ท่านซายูริ... ตื่นแล้วเหรอคะ” หัวหน้าแม่บ้านเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องได้จังหวะพอดี รอยยิ้มอบอุ่นนั่นเห็นแล้วพลอยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลง ฉันสูดหายใจเข้าลึกก่อนระบายออกมายาวเหยียด  “อืม ระหว่างที่หลับมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” “มีคนของแก๊งเรามาเยี่ยมคุณหนูเยอะเลยค่ะ และก็คุณทาโร่แวะเอาตารางงานมาให้คุณหนูด้วยค่ะ”  ทาโร่เสมือนเลขาของซูซาคุกรุปส์ เป็นทั้งคลังข้อมูล คนจัดระเบียบ และตัวประสานงาน ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงซูซาคุนั่นแหละ มีอิทธิพลรองลงมาจากดาไซ จะเรียกว่าเป็นมือซ้ายของคุณพ่อก็ได้ “ทาโร่กลับไปแล้วเหรอ” “กลับไปแล้วค่ะ เห็นว่าที่บริษัทกำลังยุ่ง” “อืม” ฉันพยักหน้า กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอย่างใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะกลั้นใจลุกขึ้นอาบน้ำ สมองยังรู้สึกเอื่อยไม่หาย เช่นเดียวกับความรู้สึกระบมด้านใน ย้ำเตือนให้ฉันนึกถึงใบหน้าของตัวต้นเหตุ  คาวะ ไอ้คนสารเลว! “จะให้ป้าตั้งโต๊ะ หรือให้คนเอาอาหารขึ้นมาทานบนห้องคะท่านซายูริ” แม่บ้านที่ยังยืนรออยู่ที่เดิมเอ่ยถามหลังจากฉันออกมาจากห้องน้ำ  “ให้คนยกไปรอที่ห้องนั่งเล่นติดกับสวน” “ได้ค่ะ” แม่บ้านค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนหมุนตัวเดินออกไป ฉันเบือนหน้ากลับมาจ้องตัวเองในกระจก เส้นผมสีเงินถูกมัดรวบไว้ข้างบนกันเปียก นัยน์ตากลมใสสะท้อนภาพตัวเองอยู่ข้างใน ฉันหลับตาลงก่อนจะถูกความเศร้าซึมกลืนกิน พยายามไม่นึกถึงเรื่องบาดจิตเมื่อคืน รีบเดินมาเลือกเสื้อผ้าใส่แล้วลงไปข้างล่าง สั่งให้คนเอาตารางงานมาให้ที่ห้องนั่งเล่นระหว่างทานข้าวมื้อแรกของวัน  ปกติจินจะเป็นคนอ่านและแจ้งฉันอีกที แต่ตอนนี้ไม่มีจินฉันไม่มีทางเลือกนอกจากอ่านเอง ระหว่างที่กำลังคิดถึงจินอยู่นั้น แฟ้มในมือก็ถูกฉวยไปอย่างถือวิสาสะ ฉันตวัดสายตาขึ้นมองอย่างไม่พอใจ เพราะปกติไม่เคยมีใครกล้าแย่งของจากมือมาก่อน นึกว่าเป็นลูกน้องกำลังจะต่อว่าแต่เสียงฉันกลับเลือนหายไปทันทีที่ปะทะสายตาเข้ากับคาวะ “นาย...” “เย็นวันพรุ่งนี้มีร่วมงานเลี้ยงวันเกิดสส. วันศุกร์ประชุมที่ซูซาคุกรุปส์ วันอาทิตย์ต้องไปกินข้าวกับคู่ค้า วันจันทร์เข้าไปเคลียร์งานในบริษัท...” คาวะก้มลงอ่านตารางงานอันยาวเหยียดโดยไม่สนใจสายตาทิ่มแทงของฉัน ความรู้สึกรังเกียจพวยพุ่งออกมาจนอยากจะพุ่งเข้าไปหักคอเมื่อนึกถึงเรื่องบัดสีเมื่อคืน  แค่คิดว่ามันเกือบจะ... ฉันก็ขยะแขยงขึ้นมาทันที เชิดหน้าไปอีกทางอย่างไม่อยากฟัง แต่หมอนั่นก็อ่านต่อจนจบ แล้ววางแฟ้มลง “หน้าที่ผมมีอะไรบ้างครับท่านซายูริ” น้ำเสียงสุภาพเอ่ยขึ้น ฉันอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามอง ใบหน้าของคาวะที่ยื่นเข้ามาใกล้ๆ ในระดับไหล่ทำฉันผวาเฮือก ลนลานถอยกรูดออกมาหัวใจสั่น หมอนั่นยิ้มยะเยือก ฉันรู้ทันทีว่าโดนกลั่นแกล้ง เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บใจ เหลือบมองไปรอบๆ ด้วยกลัวว่าจะมีใครเห็น แต่โชคดีที่แถวนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย “อย่าทำแบบนี้ ฉันไม่ชอบ” “แล้วแบบไหนที่ท่านซายูริชอบ หืม?” ไอ้เวรนั่นเอามือจับขอบโซฟาโน้มลำตัวยาวๆ เข้ามาคร่อมร่างฉันเอาไว้  “บ้า! ออกไปนะ” ฉันดันแผ่นอกที่น่าขยะแขยงออก สายตาเลื่อนลงมองเป้ากางเกงอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวแล้วก็โดนจับได้ รอยยิ้มเยาะผุดขึ้นบนใบหน้ากวนๆ  “หืม... คิดอะไรอยู่เหรอ” แก้มฉันร้อนวูบ มองสบสายตาลามกของคาวะอย่างเดือดดาล “ไม่ได้คิด! ถอยไปนะเดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” “กลัวอะไร นี่มันบ้านของท่านซายูริไม่ใช่เหรอ จะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครว่า” “ฉันบอกให้ออกไป” ฉันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นดันแผ่นอกคาวะออกห่างแต่เขากลับดื้อด้านไม่ยอมถอยออก หนำซ้ำยังจับต้นขาฉันลูบไล้อย่างไม่ยำเกรง ฉันรู้สึกโกรธจนควันออกหู ไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้สารเลวจิตหื่นตรงหน้าดี จะร้องให้คนช่วยก็ไม่ได้ ความร้อนรนที่กดทับอยู่ในอกบีบให้ฉันเอ่ยขอร้องเขาด้วยเสียงอ่อนไหว “อย่าทำแบบนี้คาวะ ขอร้อง ออกไปก่อน... เอ๊ะ!” ใบหูรู้สึกร้อนวูบ ฉันสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นระรัวเมื่อฝ่ามือหนาล้วงลึกเข้าใต้กระโปรง เอื้อมลงไปจับท่อนแขนกำยำเอาไว้แน่น มองอีกฝ่ายด้วยสายตากระวนกระวาย ทำไมกัน... ทั้งที่ฉันอุตส่าห์ขอร้องแล้วแท้ๆ “คาวะหยุด...” “หือ ...แฉะอยู่ไม่ใช่เหรอ” “อึก” “อะไรกัน หรือว่าเห็นหน้าแล้วมีอารมณ์” ฉันเม้มปากแน่นด้วยความอับอาย ทุบแขนกำยำของคาวะรัวๆ พลางจ้องเขาด้วยสายตาดุกร้าว “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย... อือ อย่าย้า” “ชู่ว!~ เสียงดังไปเดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก” “อึก หยุด...” นิ้วของคาวะกดเน้นย้ำ สะกิดหยอกเย้าอย่างมีชั้นเชิง มันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่...ความวาบหวามที่ได้รับทำให้ฉันหนีบขาแน่น นั่งบิดเบี้ยวอยู่ไม่สุข ลมหายใจหอบกระชั้นถี่แทบจะลงไปนอนดิ้นแต่ต้องฝืนใจเอาไว้  “พอ... แล้ว อ๊ะ~” ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้ แม้จะรู้เต็มอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแต่อารมณ์ที่แผดเผาอยู่ข้างในกลับร้อนรุ่มเกินระงับ  ฉันหลับตาลงแน่นซึมซับเอาความเสียวซ่านราวกับโดนมอมเมา ลมหายใจหอบกระเส่าขณะที่ริมฝีปากรู้สึกแห้งผาก สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่แทรกผ่านขอบแพนตี้เข้ามาดุนดันตรงช่องทางเข้าอันอุ่นชื้น ค่อยๆ ชำแรกเคลื่อนลึกเข้าไปเรื่อยๆ กระดกขึ้นลงราวกับจะหยอกล้อ ฉันขมวดคิ้วร่างกายเกร็งอย่างรู้สึกเจ็บ ช่องทางรักบีบรัดนิ้วคาวะแน่น กัดริมฝีปากอย่างอดกลั้นแต่ก็ยังมีหลุดครางออกมาอย่างหวิวไหว สายตาคมกริบที่จ้องมองลงมาราวกับบันทึกภาพทำผิวกายฉันร้อนจัด รู้สึกเร้าใจจนอยากร้องไห้ออกมา ฉันรู้สึกหดหู่ใจอย่างถึงที่สุด  “อ๊ะ... อื้อ!~ คา... อ๊ะ” นิ้วหมอนั่นรูดรั้งเข้าออกเร็วและรัวขึ้น ฉันดิ้นพรวดพราด อ้าขาออกอย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มือคว้าท่อนแขนที่ขยับไปมาของเขาไว้แน่น ได้ยินเสียงดังเฉอะแฉะยามนิ้วขยับใส่ ร่างกายเหยียดเกร็งเมื่อพายุอารมณ์พุ่งถึงขีดสุด แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความสุขสมแต่ยังพอมีสติ ทำให้เสียงร้องดังสะท้อนเบาๆ ในลำคอ ฉันนอนหายใจเหนื่อยหอบบนโซฟา ดวงตาเหม่อลอย คาวะถอนนิ้วออกแล้วเช็ดลงที่แก้มฉัน หัวใจฉันกระตุกวูบ แววตาลุกวาวด้วยความโกรธ เด้งผึงขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างเดือดๆ “หยุดนะ!” ฉันจับแก้มที่โดนเช็ดอย่างเลือดขึ้นหน้า คราบเหนียวๆ ที่ติดอยู่ยิ่งทำให้ฉันแทบคลั่งเมื่อรู้ว่ามันคือร่องรอยของความสุขสมที่น่าสะอิดสะเอียน “รังเกียจของตัวเองทำไม ออกจะน่ารักและหวานขนาดนี้” คาวะยิ้มเยาะก่อนไล้เลียนิ้วตัวเอง สายตาคมกริบจับจ้องฉันนิ่ง ใบหน้าฉันร้อนวาบ มองการกระทำเสื่อมทรามของคาวะอย่างอึ้งๆ แทนที่จะโกรธจนเนื้อตัวสั่นกลับรู้สึกถึงความเย้ายวนน่าประหลาด อึก! แล้วนี่ฉันจะมายืนมองหมอนั่นทำแบบนั้นทำไม  “ไปให้พ้น ไอ้บ้า!” อยู่ดีๆ ก็สติแตกขึ้นมา คว้าหมอนขึ้นฟาดคาวะเป็นบ้าเป็นหลัง  พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! “เฮ้ หยุด!” คาวะคว้าหมอนเอาไว้อย่างรำคาญเพราะของแค่นี้ไม่ระคายผิวเขาหรอก  “จะโวยวายทำไม เมื่อกี้ก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ” กรี๊ด! ฉันแทบจะชักดิ้นชักงอลงตรงนี้ คาวะ ไอ้หมอนั่นแสยะยิ้มหยัน แววตาคมกริบไหวระริกอย่างคนที่กำลังถากถางฉันอยู่  “หุบยิ้มเดี๋ยวนี้นะ” “หึ” “ไอ้...” “ท่านซายูริคะ” ฉันกำลังจะพุ่งเข้าไปข่วนหน้าคาวะแต่สาวใช้ดันโผล่เข้ามาซะก่อน ทำเอาเสียอารมณ์หมด ฉันหันไปจ้องสาวใช้ตาขวาง เธอสะดุ้งรีบก้มหน้างุดลงอย่างตกใจ ละล่ำละลักบอกธุระของตนเสียงสั่น เป็นสาวใช้ที่ขวัญอ่อนอะไรอย่างนี้ “คะคือ หัวหน้าแม่บ้านฝากมาถามเรื่องชุดที่จะไปงานเลี้ยง ...ท่านซายูริจะเลือกชุดใหม่หรือใช้ชุดเดิมที่มีอยู่แล้วคะ” งานเลี้ยง... จริงสิ พรุ่งนี้นี่นา ลืมไปเลย เพราะไอ้โรคจิตข้างๆ นี่คนเดียวทำฉันหัวหมุนไปหมด “อืม ชุดเดิม” “แล้ว... เอ่อหัวหน้าแม่บ้านให้มาถามด้วยว่าจะให้เตรียมชุดสำหรับคุณหนูอัยย์ด้วยไหม” ทันทีที่ได้ยินชื่ออัยย์ สีหน้าคาวะก็สะท้อนความสงสัยออกมา “ทำไมต้องมีชุดให้อัยย์” เขาถาม  “ก็ เผื่อท่านซายูริจะอยากพาไป...ด้วย”  สาวใช้รีบก้มหน้างุดเมื่อสบสายตาบาดลึกของคาวะ  “ไม่ต้อง!” “เตรียมชุดให้อัยย์ด้วย!” ฉันกับคาวะเอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกัน สาวใช้เงยหน้าขึ้นอย่างสับสนไม่รู้จะฟังคำใคร ระหว่างเจ้านายอย่างฉันหรือพี่ชายของอัยย์  “อัยย์ไม่มีเหตุผลต้องออกงาน เพราะงั้นชุดก็ไม่จำเป็น” คาวะเหมือนพูดกับสาวใช้แต่สายตาจับจ้องฉันเขม็ง ฉันรับรู้ได้ถึงความกังวลในน้ำเสียงของเขา พลันในใจฉันก็บังเกิดความต้องการที่จะเอาชนะ  คนมีชนักปักหลังอย่างคาวะ คงไม่อยากให้น้องสาวโดนคนอื่นจับจ้อง ฉันแค่อยากเห็นสีหน้าทุกข์ร้อนของคาวะไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายต่ออัยย์เลย หันไปบอกสาวใช้เสียงเฉียบขาด “บอกแม่บ้านให้เตรียมชุดเผื่ออัยย์ด้วย อัยย์จะไปกับฉันในฐานะเพื่อนคนสนิท” ฉันเน้นย้ำคำว่า ‘สนิท’ เป็นพิเศษ มองสบสายตาลุกวาวของคาวะอย่างไม่หวั่นไหว ไกด์ไลน์ ทาโร่ : เลขาของกลุ่ม มือซ้าย คอยจัดระเบียบต่างๆ ในซูซาคุ ส่วนมากจะขลุกตัวอยู่ที่บริษัท หัวหน้าคนงาน มีข้อมูลลูกน้องทุกคน ช่วงอายุ 35-40  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม