คุณเลขา 2

1455 คำ
“ครับ ใจดีมากกก” โดยเฉพาะกับผู้หญิงตรงหน้าเขาในตอนนี้ ถือว่าเป็นบุญของเธอที่ได้มาพบเจ้านายใจดีเช่นเจ้าของไร่พันแสงไวน์เนอรี่ และโชคดียิ่งกว่าได้เงินเดือนหลักแสนคือการที่ได้พาลูกชายมาอยู่ด้วย “โชคดีของเพลงจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “ไม่เป็นไรครับ” เขายื่นสัญญาให้เพลงรักเซ็นตามที่พันแสงบอก “นี่สัญญาการทำงานครับ คุณเพลงรักลองอ่านดูนะครับ ติดขัดตรงไหนสามารถแจ้งได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรติดขัดก็สามารถเซ็นได้เลยครับ” เพลงรักอ่านสัญญาการทำงานจบก็ลงมือจรดลายเซ็นตัวเองลงไปในกระดาษแผ่นนั้นทันทีโดยไม่ได้คิดระแวงอะไร “เรียบร้อยค่ะ” “วันจันทร์เจอกันนะครับ อ้อ! แล้วคุณเพลงจะย้ายเข้าบ้านพักตอนไหนครับ ผมจะได้ให้คนไปทำความสะอาดให้” “วันเสาร์ก็ได้ค่ะ วันนี้เพลงจะพาลูกเที่ยวแล้วกลับไปเก็บของใช้จำเป็นที่บ้านก่อน” “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมพาไปดูบ้านพักก่อน บ้านพักจะอยู่ใกล้กับบ้านเจ้าของไร่ บรรยากาศดีแถมยังเงียบสงบอีกต่างหาก” “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เพลงรักค้อมศีรษะให้ผู้จัดการไร่แล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปหาลูกชายที่กำลังนั่งจ้องหน้าจอโทรทัศน์ดูการ์ตูนที่คุณป้าแม่บ้านเปิดให้ “น้องพีทครับเดี๋ยวคุณลุงผู้จัดการไร่จะพาเราไปดูบ้านพักนะครับ” ถึงการ์ตูนที่คุณป้าแม่บ้านเปิดให้ดูจะสนุกมาก กระนั้นเด็กชายอิษวัตก็ยินดียิ่งกว่าหากได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก “น้องพีทจะได้ขี่ม้าตอนไหนครับ” หนูน้อยเอ่ยถามแม่ คนเป็นแม่เริ่มลำบากใจ ด้วยว่าก่อนหน้านี้ได้แอบสอบถามจากคุณป้าแม่บ้านว่าทางไร่ให้คนนอกขี่ม้าได้หรือไม่ คำตอบที่ได้รับก็คือไม่ได้ ทำได้เพียงให้อาหารและถ่ายรูปกับม้าเท่านั้น “เออคือ.. เอาอย่างนี้ดีไหมครับน้องพีท เดี๋ยวแม่พาไปดูพี่ม้าก่อน แล้ววันหลังเราค่อยไปหาที่ขี่พี่ม้ากัน” เด็กชายอิษวัตเบะปากทำท่าจะร้องไห้ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เพลงรักเห็นแล้วรู้สึกสงสารลูกจับหัวใจ ด้วยรู้ว่าหนูน้อยตั้งความหวังเอาไว้มาก อิษวัตน้ำตาหยดแหมะ “น้องพีทอยากขี่ม้า ไหนแม่บอกว่าจะพาน้องพีทไปขี่ม้าไง” “โอ๋ๆ เดี๋ยววันหลังแม่พาน้องพีทไปหาที่ขี่ม้านะครับ พี่ม้าที่นี่ให้น้องพีทขี่..” “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ให้ผมพาน้องไปขี่ม้านะครับ” ยังไม่ทันที่เพลงรักจะพูดกับลูกจบประโยคก็มีเสียงใครบางคนแทรกขึ้นมาเสียก่อน เขาคนนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่สมกับเป็นชายชาตรี สวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ ส่วนล่างเป็นกางเกงยีนและรองเท้าบูต กลิ่นกายที่ลอยมากระทบปลายจมูกก็หอมเย้ายวนเป็นที่สุด เสียดายที่ชายนิรนามผู้นี้สวมหมวกปีกคลุมหน้า จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเขาหน้าตาเป็นเช่นไร ปวรรุจหันมองเจ้าของเสียงแล้วยกยิ้มมุมปาก คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าของไร่ผู้ไม่เคยพ่ายให้กับหญิงใดจะแต่งตัวราวกับจะไปปล้นชิงทรัพย์ชาวบ้านชาวช่องมาหาแม่ของลูกกับลูกชาย เป็นเรื่องที่น่าบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของไร่พันแสงไวน์เนอรี่เสียจริง เพลงรักทำหน้างงงวย ส่วนเด็กน้อยที่ยืนข้างเธอนั้นจากที่ร้องไห้ตาแดงกลับกลายเป็นว่ายามนี้ยิ้มแฉ่งสดใสแทบจะทันทีทันใด “เย้ๆ คุณลุงจะพาน้องพีทไปขี่ม้าจริงๆ เหรอครับ” พ่อของเด็กชายอิษวัตนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าลูกชาย ยิ่งเขาได้มาเห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองใกล้ๆ เช่นนี้ ความปลื้มปีติยินดียิ่งมากล้นท่วมท้นอกจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ “จริงสิครับ ถ้าคุณแม่ของสุดหล่ออนุญาตนะ” ว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก หัวใจพันแสงเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อดวงตาสองคู่สบประสานกัน พลันความทรงจำแสนหวานในวันวานก็ไหลแล่นเข้ามาในหัวชายหนุ่มอีกครั้ง ภาพเหล่านั้นเด่นชัดราวกับทุกอย่างพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทั้งที่ความจริงเวลาผันผ่านมาเนิ่นนานถึงหกปี แม้ดวงตาของผู้ชายคนนั้นถูกปิดบังเอาไว้ด้วยแว่นกันแดดสีชา แต่ราวกับว่าเมื่อครู่เธอรู้สึกได้ถึงความลึกซึ้งที่เขาส่งมาตอนเราบังเอิญสบตากัน ทำไมกันนะ.. ทำไมถึงได้รู้สึกเช่นนั้น “แม่เพลงคร้าบ ให้น้องพีทไปขี่ม้ากับคุณลุงนะคร้าบ” เด็กชาย อิษวัตเขย่าแขนแม่แล้วส่งสายตาออดอ้อน เพลงรักสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงเขย่า เสียงของลูกทำให้เธอหลุดจากภวังค์ เพียงไม่นานหญิงสาวก็เรียกสติตัวเองกลับมาได้ เจ้าหล่อนก้มมองอิษวัตสลับกับหนุ่มนิรนาม แม้สงสารลูกชายเพียงใด กระนั้นก็รู้สึกเกรงใจชายหนุ่มแปลกหน้าเช่นกัน “นายใหญ่ของไร่เราใจดี อนุญาตให้นายพาลูกชายของคุณเพลงรักไปขี่ม้าเถอะครับ” ปวรรุจที่เงียบมาสักพักเอ่ยปากขึ้น “นายใหญ่.. เหรอคะ” เพลงรักแทบจะยกมือทาบอกเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มนิรนามรูปร่างราวกับนายแบบนั้นคือนายใหญ่แห่งไร่พันแสง แม้ไม่เห็นหน้า แต่คาดเดาได้จากลักษณะท่าทางแล้วคิดว่าผู้ชายคนนี้อายุน่าจะอยู่ที่เลขสาม ไม่คิดเลยว่าเจ้าของไร่ใหญ่โตแห่งนี้จะอายุยังน้อย “สวัสดีค่ะ ดิฉันเพลงรักที่มาสมัครตำแหน่งเลขาฯ นายใหญ่ค่ะ” เธอยกมือไหว้และรีบบอกลูกชาย “น้องพีทสวัสดีครับเจ้านายแม่เร็วลูก” หนูน้อยรีบทำตามที่แม่บอกอย่างไว “สวัสดีคร้าบนายใหญ่” พร้อมทั้งเรียกพันแสงหรือพ่อแท้ๆ ว่านายใหญ่ ยังไม่พอ.. อิษวัตยังส่งยิ้มหวานบาดใจไปมัดใจเจ้าของไร่พันแสงอีกต่างหาก ฉายแววเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเหมือนพ่อไม่มีผิด “สวัสดีครับสุดหล่อ” อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูกชายเบาๆ “คุณลุงจะพาน้องพีทไปขี่ม้าจริงๆ ใช่ไหมครับ” “จริงสิ ถ้าคุณแม่ของน้องพีทอนุญาตนะ” พีท.. เพลงรัก.. พันแสง.. ขนาดชื่อยังคล้องจอง แล้วจะไม่ให้พี่คนนี้ถูกน้องคล้องใจได้อย่างไร พันแสงเงยหน้ามองเพลงรักแล้วพูดกับเจ้าหล่อน “ไปขี่ม้าด้วยกันนะครับคุณเลขาฯ นี่ก็ใกล้เวลาที่พระอาทิตย์ตกแล้ว ท้ายไร่ของเราสวยมาก แต่ไกลจากที่นี่หน่อย ประมาณสองกิโล” หญิงสาวลังเล “จะดีเหรอคะ” เธอขี่ม้าไม่เป็น แถมยังกลัวโดนม้าถีบอีก แล้วจะให้ไปขี่ม้าได้ยังไง “นะครับคุณแม่ น้องพีทอยากขี่ม้า” เด็กน้อยเริ่มปฏิบัติการอ้อนแม่ “ให้น้องพีทขี่คนเดียวได้ไหมครับ” เธอพูดกับลูกชาย จะบอกลูกเช่นไรดีว่าแม่กลัวม้าถีบ เมื่อเห็นแววกังวลในสายตาเพลงรัก หนุ่มเจ้าของไร่จึงเอ่ยปากถาม “คุณเพลงมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” “คือ.. เพลงขี่ม้าไม่เป็นแล้วก็กลัวม้าด้วยค่ะ” ภายใต้หมวกปีกคลุมหน้ามีรอยยิ้มบางผุดพรายขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบของเพลงรัก “งั้นเอาอย่างนี้ไหมครับ ให้น้องพีทขี่กับผู้จัดการไร่ ส่วนคุณไปกับผม ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะพวกผม.. ควบม้าเก่ง” ปวรรุจรู้สึกทะแม่งๆ กับคำพูดท้ายประโยคซะเหลือเกิน กระนั้นก็เห็นด้วยกับพันแสงที่ว่าพวกเขา ‘ควบม้าเก่ง’ “จะดีเหรอคะ” แม้จะขี่ม้าไม่เป็น แต่ท่านั่งบนม้าเป็นเช่นไรเธอรู้ดี “นะครับแม่ พาน้องพีทไปขี่ม้านะ” สุดท้ายเพลงรักก็ต้องยอมตกลงเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนระคนจะร้องไห้ของลูกชาย “ก็ได้ครับน้องพีท” ลูกชายกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นได้แต่กัดฟันข่มอาการแล้วร้องไชโยภายในใจเงียบๆ พันแสงเหลือบมองคนที่กำลังทำหน้าเหมือนอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียตรงนี้แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มพลางคิดว่า.. ‘เสร็จพี่แน่น้อง’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม