บทที่10
เข้าใจผิดทุกอย่าง
2สัปดาห์ผ่านไป
สองอาทิตย์เต็มๆ ที่ธันวาไม่กลับมาบ้านเลยแต่วันนี้เขาต้องเดินทางไปงานแต่งของเพื่อนสนิทที่จัดในโรงแรมหรู มาถึงเขาก็รีบเดินเข้าไปหาครอบครัวของเขาแต่เขาไม่เห็นข้าวปั้นจึงแอบมองหาเธอ จะถามพ่อกับแม่ก็ไม่กล้า
“ธันวาคะ”
เสียงหวานเอ่ยเรียก ดารุณีและพิสุทธิ์รีบหันไปมอง ลูกชายมีสาวหมวยเดินมาทักทายเขาจึงแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จัก
“พ่อครับแม่ครับนี่มินตรา”
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
“จ้ะ” ดารุณีไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ เธอกำลังมองหาข้าวปั้นจนสาวน้อยเดินกลับเข้ามาในงาน เธอสวมใส่เดรสสีฟ้าแต่งหน้าทำผมสวยจนจำแทบไม่ได้
ธันวามองคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ยากจะอธิบาย ไม่เจอกันแค่สองอาทิตย์เธอสวยขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ ผิวขาวผ่องหุ่นดีขึ้นผิดหูผิดตา
“ตามสบายนะธันวาแม่จะพาข้าวปั้นไปรู้จักกับเพื่อนๆ แม่ก่อน”
“ครับ”
ตอนนี้เหลือเพียงธันวากับพ่อของเขาที่นั่งมองแขกในงาน เขามองตามข้าวปั้นและมองสายตาพวกผู้ชายทั้งหลายทั้งเด็ก วัยรุ่นคนชราไม่มีใครไม่มองเธอเลย
“ธันวาไม่กลับมาอยู่บ้านแล้วใช่ไหม”
“ผมยังยุ่งๆ ครับพ่อ”
“ข้าวปั้นมาคุยกับพ่อนะ เธออยากไปอยู่หอ”
หึ! อยากไปอยู่กับผู้ชายสิท่าเขามองเธอในแง่ดีไม่ได้เลย ภาพที่เธออยู่กับผู้ชายยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หาย ตลอดงานเลี้ยงข้าวปั้นอึดอัดที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ธันวาไม่คุยกับเธอไม่ถามไม่มองมีแต่เธอที่คอยมองเขา
คอนโดทวีสุข
ผมกลับมาพร้อมมินตราเธอพักอยู่ชั้น11 ผมไม่ได้สนใจอะไรเธอนักหนาหรอกครับเบื่อเมื่อไหร่ผมก็ทิ้ง ผมหยิบขวดไวน์มาเปิด ดื่มมันอยู่คนเดียววันนี้ผมเห็นข้าวปั้นแล้วรู้สึกใจหาย เธอเหมือนคนจะร้องไห้แต่ผมขอกลับมาก่อนเลยไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง เธอจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกจริงหรือเปล่า
“อาจารย์!! สวัสดีค่ะ” เฟย์เดินออกมาริมระเบียงกับแฟนหนุ่ม แถมยังใส่เสื้อคู่กันด้วยธันวามองแล้วมองอีกเฟย์จึงต้องแนะนำแฟนหนุ่มของเธอให้ธันวาได้รู้จัก
“แฟนเธอจริงๆ เหรอเฟย์”
“จริงค่ะ หนูคบกันมาตั้งแต่ม.5แล้ว”
โอเคผมเข้าใจผิดไปเอง
“อ๋อ ทำไมยังไม่นอนกันอีกดึกแล้วนะ”
“พวกหนูไปดูหอให้ข้าวปั้นมาค่ะอาจารย์”
เหี้ยแน่! ผมเนี่ยเหี้ยแน่ ผมไม่ได้ฟังเด็กสองคนนั้นพูดต่อเพราะผมรีบคว้ากุญแจรถเพื่อขับกลับบ้าน กว่าจะมาถึงรถแม่งโคตรติดเลยมันต้องผ่านเส้นหลักคือหน้าโรงแรมงานแต่งไอ้เฟรม แม่มันชวนทั้งจังหวัดมาเลยมั้งรถติดฉิบหาย
กว่าจะถึงบ้านก็เที่ยงคืนทุกคนในบ้านคงหลับไปแล้วผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองแต่ผมไม่ได้กลับห้องผม เป้าปลายทางที่ผมจะไปคือห้องของข้าวปั้น
แกร๊ก!
“กลับบ้านถูกด้วยเหรอลูก” ดารุณีได้ยินเสียงรถลูกชายดังสนั่นอยู่ที่โรงรถเธอจึงตื่นมาถามไถ่
“ผมขี้เกียจกลับคอนโดครับ”
“แล้วมีอะไรกับข้าวปั้นหรือไง”
“เปล่าครับ ผมไปนอนก่อนดีกว่าฝันดีครับแม่”
ธันวาถอยหลังกลับไปนอนห้องตัวเองเขานอนไม่หลับกระสับกระส่ายทั้งคืนเขาผิดเองที่ไม่มีเหตุผล ยังไงเขาก็เป็นผู้ปกครองเธอแต่กลับมาทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้มันดูไม่เป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย
เช้าวันต่อมา
ธันวาลงมาจากห้องเขาคลาดกับข้าวปั้นอีกแล้วเธอขึ้นรถแท็กซี่ก่อนเขาออกมาแป๊บเดียว พอจะตามออกไปก็ดันถูกพ่อเรียกเข้ามาคุยเรื่องหอพัก
“พ่อจะวานให้แกช่วยดูหอพักที่มันมีระบบความปลอดภัยเข้มงวดหน่อย”
“ทำไมไม่ให้อยู่บ้านจะเพิ่มค่าใช้จ่ายทำไม”
“ก็เพราะแกนั่นแหละธันวา”
ชายหนุ่มหยุดชะงักเขาหันไปมองหน้าพิสุทธิ์ด้วยความตกใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาข้าวปั้นถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะความงี่เง่าของเขานี่แหละ
“แกดูไม่สบายใจที่ข้าวปั้นอยู่ที่นี่ เธอเลยขอแยกออกไปอยู่ข้างนอกจะทำงานจ่ายค่าเช่าเอง เพื่อนเธอชวนไปทำงานที่ร้านหมูกระทะช่วงกลางคืน พ่อเห็นว่าไม่น่าหนักหนาเท่าไหร่จึงอนุญาต”
“ผมว่าให้อยู่ที่บ้านนี่แหละ ผมไม่ได้ไม่พอใจผมแค่งานเยอะพ่อก็รู้ว่าผมเป็นคนทุ่มเทกับงานมากแค่ไหน”
“เออพ่อรู้ แต่ถ้าแกอึดอัดที่มีข้าวปั้นอยู่ในบ้านพ่อก็ต้องให้ข้าวปั้นออกไปอยู่ข้างนอก มีอะไรก็บอกพ่อ”
“ครับ แต่พ่อไม่ต้องห่วงผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นผมก็คือผมถึงเวลาต้องล่าก็จะหายไปแบบนี้พ่อยังไม่ชินอีกหรือไง”
“เหอะ ระวังจะพลาดทำผู้หญิงท้องมาล่ะ หาเมียเป็นตัวเป็นตนได้แล้วธันวาเพื่อนแกก็แต่งงานกันหมดแล้วเหลือแต่แกนี่แหละ”
“ผมไม่รีบยังไม่เจอคนที่ใช่ ผมอยากอยู่กับคนที่ผมอยู่แล้วสบายใจรู้จักเอาใจไม่ใช่เอาแต่ได้ คนอย่างผมถ้ารักใครผมให้หมดใจมีเท่าไหร่ผมให้หมด”
“ขอให้เจอเร็วๆ ก็แล้วกัน”
“กลัวผมจะขายไม่ออกหรือไง ผมเนี่ยระดับไหนแล้ว”
“เออพ่อขุนแผนใครหยุดแกได้พ่อจะโอนเงินสดให้ล้านนึงเลย แรดฉิบหายลูกใครวะ”
“ลูกแม่ไง”
สองพ่อลูกหัวเราะลั่นจนเวลาผ่านไปครึ่งวันข้าวปั้นก็กลับมา เธอเดินกลับเข้ามาพร้อมถุงผลไม้เมื่อเช้าเธอเอาขนมไปฝากขายที่ร้านกาแฟเสร็จแล้วก็ไปหาดูหอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัยแต่ก็ยังไม่เจอที่ไหนถูกใจ
-----------------------------------
เป็นไงล่ะน้องจะไปอยู่ข้างนอกแล้วนะอิป๋า