บทที่9
ห่างกันสักพัก
คอนโดทวีสุข
เฟรมเข้ามาหาเพื่อนชายที่คอนโดด้วยความเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไรแต่สาวสวยที่พึ่งกลับออกไปบอกว่าธันวามีอารมณ์รุนแรงมากเธอเกือบตายคาเตียง แต่เฟรมเขารู้ดีเวลาเพื่อนเครียดหรือมีปัญหามักจะกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน
“มึงไหวไหมไอ้ธันวา”
“อืม”
“แดกเหล้าแต่วันเลย แม่มึงกลับมาแล้วไม่ใช่เหรออย่าบอกว่ามึงโดนจับแต่งเหมือนกูนะไอ้ธันวา”
“ส้นตีนนี่ไง ไม่ใช่โว้ย แต่กูแค่เครียด สับสนไม่รู้ว่าเป็นเหี้ยอะไรเหนื่อยใจฉิบหาย”
“สาเหตุมาจากอะไรบอกมา”
“กูก็ไม่รู้ว่าทำไม กูรู้ว่ามันไม่ควรแต่กูยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึก กูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันนะแต่กูกลับไม่อยากห่างไปไหน ไม่อยากให้เขาหายไปจากชีวิต กูพยายามตั้งสติคิดทบทวนทั้งเรื่องอายุ ความเหมาะสม แม่งเครียดฉิบหาย!”
ธันวาเขาเครียดจริงสมาธิไม่อยู่กับตัวเหมือนคนกำลังสับสนไปต่อไม่ถูกจนต้องยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม อึก อึก อึก!
“สาเหตุมาจากเด็กที่ชื่อข้าวปั้นใช่ไหม” เฟรมรู้ทันเขามองอะไรไม่เคยพลาดครั้งก่อนเขาเห็นเพื่อนแอบมองข้าวปั้นอยู่บ่อยๆ
“เฮ้ออ” ธันวาเอนหลังพิงโซฟาเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะตัดใจจากเธอได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิดของเขากับเธอด้วยเลยทำให้เขาเป็นแบบนี้
“กูว่ามึงก็ลองห่างๆ กันดูก่อนบางทีความน่ารักสดใสของเด็กมันทำให้ความด้านชากระชุ่มกระชวยเฉยๆ ลองหาที่ลงก่อนเผื่อมันจะดี”
“กูลองแล้วเอาจนฉีกไม่เห็นดีขึ้นเลย”
“สัดเอ๊ย!! กูถึงว่าเดินขาถ่างเป็นเป็ดเลย”
“เฮ้อออ”
“เอาน่า เชื่อกูสิลองห่างกันไปก่อนหรือไม่มึงก็ลองจริงจังกับใครสักคนดูบางทีมึงอาจจะแค่รู้สึกดีกับน้องเขาเฉยๆ”
“อืม”
“อะนี่” เฟรมหยิบการ์ดแต่งงานออกมาให้เพื่อนรักแถมยังจ่าหน้าซองว่า ธันวา+ปัณณลักษณ์ ธราสกุลวาณิชย์ เหมือนเป็นการตอกย้ำเพื่อนเข้าไปยิ่งกว่าเดิม
“มึงนี่กวนตีนกูจัง สรุปกับลูกสาวเพื่อนแม่เป็นไงโอเคไหม”
“กูทดลองแล้วใช้ได้เครื่องฟิตที่สำคัญเด็ดสัด ตอนแรกกูคิดว่าจะเป็นยัยแว่นเฉิ่มๆ ที่ไหนได้อยู่บนเตียงอย่างร่าน กูจัดจนฟ้าเหลืองเลย”
“เลวขั้นสุด”
เมื่อตัดสินใจดีแล้วธันวาจึงเลือกอยู่คอนโดเขาอ้างว่าช่วงนี้มีงานที่ปรึกษาต้องจัดการเลยไม่อยากขับรถไกล เขาทิ้งกายมองวิวผ่านกระจกใสมือนึงก็ถือแก้วน้ำสีอำพัน หัวใจสับสนว้าวุ่น จากนี้ไปต่างคนต่างอยู่เถอะแยกย้ายกันไปเติบโต
ด้านข้าวปั้นเธอรู้เรื่องจากดารุณีว่าธันวาขอแยกออกไปอยู่ข้างนอกเธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีหรือเป็นเพราะเธอทำให้เขาอึดอัด อาการคิดมากเริ่มก่อตัวขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเขาแต่พอสายถูกตัดเธอจึงมั่นใจว่าเธอคือสาเหตุนี้
เธอรู้ว่าเธออ่อนแอแต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้เธอรู้สึกใจหาย เธอรีบโทรหาเพื่อนๆ เพื่อขอคำปรึกษา เพื่อนๆของเธอจึงนัดมาคุยกันที่คอนโดของเฟย์ ข้าวปั้นไม่รู้เลยว่าคอนโดของเฟย์คือคอนโดเดียวกับคอนโดของธันวาแถมทั้งสองยังอยู่ห้องติดกัน
ข้าวปั้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สองสาวฟังและอีกหนึ่งคน นั่นก็คือแฟนของเฟย์ อาทิตย์ แฟนหนุ่มต่างสถาบันของเฟย์นั่งฟังก็ยิ้มกริ่มเขาพอเดาสถานการณ์ออกว่าทางฝ่ายชายที่ข้าวปั้นพูดถึงน่าจะแอบมีใจไม่รู้ตัว
“เฮ๊ยมึงชุดที่กูสั่งมาแห้งแล้วนะอยู่ที่ระเบียงกูซักตากให้แล้ว ตัวเองพาข้าวปั้นไปเลือกหน่อยฝากเก็บผ้าด้วยนะคะ”
“คร้าบบบ”
ข้าวปั้นเดินออกมาที่ระเบียงเธอหยิบชุดแฝดสามพับเก็บให้เรียบร้อยส่วนอาทิตย์กำลังรวบผ้าใส่ตะกร้า
“ข้าวปั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวเราเก็บเอง เข้าไปข้างในเถอะแดดมันร้อน”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราช่วยผ้าเยอะจะตาย”
เสียงที่คุ้นหนูทำเอามือของธันวาสั่นเทา เขานั่งเปิดประตูกระจกริมระเบียงให้ลมหวนพัดเข้ามาแต่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงแว่วๆ เข้ามา เสียงนั้นเหมือนเสียงเธอเลย
(ฮ่าๆๆ ยกไหวไหมข้าวปั้นเดี๋ยวเรายกเอง)
(หนักมากแต่ไหวอยู่)
ชัดเจนเสียงเธอกับผู้ชาย
ธันวารีบกระโดดข้ามโต๊ะกระจกออกไปที่ระเบียงเขาเห็นหลังไวๆ ของเธอ สีผมที่เธอพึ่งไปทำมาเขาจำได้ดีไหนจะชุดที่แม่เขาซื้อให้อีกแต่เด็กผู้ชายที่เดินตามหลังเธอเป็นใคร
เธอมีแฟนแล้ว?
อาการคนเมาหายไปปลิดทิ้งตอนนี้ธันวาเขากำลังจะคลั่ง นั่งกัดฟันกรอดมองกำแพงหนาที่กั้นห้อง เอาหูแนบก็ไม่ได้ยินออกไปที่ระเบียงก็ไม่มีแม้แต่เงา
“พอฉันไม่อยู่ก็ระริกระรี้มาหาผู้ชายเลยนะข้าวปั้น!”
ธันวาตัดสินใจโทรหาข้าวปั้นเธอรับสายเขาแต่เสียงรอบข้างเงียบมากหรือเธอจะทำอะไรกันอยู่ เธอคงนอนอยู่ด้วยกันสินะ เขากดวางสายเอามือยีหัวลูบหน้าเรียกสติตัวเองกลับมา อยากจะบุกเข้าไปนักแต่หวนคิดอีกทีก็ไม่ควร ข้าวปั้นโตแล้วจะมีแฟนก็ไม่แปลกเธอสวยขนาดนี้
“ทำไมรีบมีแฟน ทำไมไม่ตั้งใจเรียนก่อน”
เขาพร่ำบ่นอยู่คนเดียวจนเสียงข้าวปั้นดังมาหน้าห้อง เขารีบวิ่งไปส่องตาแมวเพื่อดูว่าเธอกำลังทำอะไร เธอลงลิฟต์ไปกับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“ไปส่งกันด้วยคงได้กันไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิ....”
---------------------------------
ป๋าธันวาขี้มโนจังเลยนะคะ ขี้หึงด้วยรู้ตัวไหม