งานเลี้ยงต้อนรับภายในพระราชวังเป่ยฉีที่ประดับประดาไปด้วยธงหลากสีและโคมแสงสวย
ค่ำคืนนี้เฉินลี่หลินแต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงลวดลายดอกเหมยกุ้ยสีสดตามที่ฮองเฮาทรงให้คนเตรียมเอาไว้ให้ กระทั่งเกล้าผมทรงใดล้วนเป็นคำสั่งของว่าที่แม่สามี
นางได้รับเครื่องประดับทองแท้ระยิบระยับหลากหลายประโคมใส่ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจากฮองเฮาจนตนเองดูสง่างามสูงค่ามากมายและแต่งแต้มใบหน้าเอาไว้เป็นอย่างดีจนเผยความสวยเฉิดฉันท์เป็นโฉมสะคราญล่มเมืองล่มแคว้นโดยมิได้ใช้ผ้าโปร่งปิดบังใบหน้าเฉกเช่นเมื่อยามกลางวัน เนื่องจากนางมีเวลามากพอในการเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงยามนี้และยังจำได้ดีกับคำครหายามอยู่ในท้องพระโรง
หญิงสาวถูกจัดที่นั่งเยื้องลงมาจากตำแหน่งสูงสุดขององค์จักรพรรดิและฮองเฮาโดยได้นั่งเคียงคู่กับฉีเล่อที่อยู่ในอาภรณ์สูงค่างามสง่าเฉกเช่นปกติ
ส่วนนายทหารติดตามรวมถึงพี่ชายทั้งสองของนางจำต้องถูกกันตัวเอาไว้ให้อยู่ในบริเวณส่วนเฉพาะแค่ภายนอกงานจัดเลี้ยงที่ห่างออกไป
ฉีเล่อจึงคอยดูแลเฉินลี่หลินไม่ห่างกายทั้งยังคอยแนะนำบรรดาสมาชิกในราชวงศ์ของเขาให้นางได้รู้จัก
“ตรงข้ามที่นั่งของพวกเราคือพี่ใหญ่ร่วมอุทรหนึ่งเดียวของข้าซึ่งก็คือรัชทายาทนามว่าฉีหย่งเหอ”
เส้นเสียงทุ้มต่ำน่าฟังของฉีเล่อเอ่ยคำเรียบเรื่อยแนะนำบรรดาพี่น้องของเขาให้หญิงสาวข้างกายได้รับฟัง “ที่นั่งเคียงข้างกับพี่ใหญ่คือท่านหญิงหลี่ลี่เหมย นางเป็นว่าที่ชายาของพี่ใหญ่และเป็นว่าที่ฮองเฮาในภายภาคหน้าเมื่อพี่ใหญ่ของข้าขึ้นครองราชย์”
เฉินลี่หลินมองตามคำบอกเล่าตามทิศทางนั้นๆ อย่างเชื่อฟังและรับรู้เป็นอย่างดี
นางเห็นองค์รัชทายาทนามว่า ฉีหย่งเหอ เป็นบุรุษหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลาท่าทางเย็นชาเช่นเดียวกับฉีเล่อและที่นั่งเคียงข้างกันกับรัชทายาทคือท่านหญิงนามว่า หลี่ลี่เหมย สตรีผู้งดงามอย่างหาตัวจับได้ยาก กลิ่นอายสูงศักดิ์ไม่ธรรมดาแผ่กำจายฉายชัดออกมาอย่างเข้มข้น หากแต่ใบหน้าได้รูปของนางเผยความร้ายกาจมากนักโดยเฉพาะดวงตาที่ทอประกายโฉบเฉี่ยวร้ายลึกอย่างชัดแจ้ง ท่วงท่าดั่งนางพญาก็ไม่ปาน สตรีนางนั้นแลดูเหนือชั้นมากนักหากเปรียบเทียบกับสตรีทุกนางภายในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้
ฉีเล่อยังคงแนะนำองค์ชายและองค์หญิงที่นั่งเรียงรายตามลำดับไปเรื่อยๆ เฉินลี่หลินเพียงลากสายตาสวยเฉี่ยวของตนมองตามการบอกเล่าไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
นางสังเกตได้ว่าตำแหน่งที่ฉีเล่อนั่งอยู่นี้เป็นรองเพียงฮ่องเต้ ฮองเฮาและองค์รัชทายาทก็เท่านั้น นับได้ว่าฉีเล่อค่อนข้างมีอำนาจเหนือองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆ มากนัก
ทั้งนี้ทั้งฉีเล่อและองค์รัชทายาทคือพี่น้องสายตรงที่ถือกำเนิดจากฮ่องเต้และฮองเฮานั่นเอง
แต่เดี๋ยวก่อนนะ! ว่าที่พระชายาหรือ?
เฉินลี่หลินลากสายตากลับมาที่สตรีท่าทางร้ายกาจฉายชัดนางหนึ่งนามว่า หลี่ลี่เหมย
ฉีเล่อแนะนำว่าสตรีนางนี้เป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แสดงว่ายังมิใช่ชายาขององค์รัชทายาท ทั้งๆ ที่ตำแหน่งที่นั่งอันสูงศักดิ์แห่งนั้น เป็นตำแหน่งของพระชายา ทำไมหนอ?
ในขณะที่เฉินลี่หลินกำลังให้ความสนใจกับสตรีนามว่า หลี่ลี่เหมย ฉีเล่อก็กำลังสนใจสายตาขององค์ชายและบุรุษหนุ่มภายในงานเลี้ยงทั้งหลาย
เขาสังเกตเห็นได้ว่าพี่น้องของเขาและขุนนางหนุ่มแน่นหลายคนจ้องมองเฉินลี่หลินแบบไม่วางตา บางคนอมยิ้มกรุ้มกริ่ม บางคนมองด้วยนัยน์ตาพราวระยับ และบางคนแสดงออกฉายชัดว่าชมชอบนางแบบเปิดเผย
ฮึ่ม! มันใช่หรือไม่!?
“ลี่หลิน” ฉีเล่อเรียกขานหญิงสาวข้างกายเสียงเย็น
“หืม...”
“หันหน้ามา”
เฉินลี่หลินหันหน้าเข้าหาฉีเล่อตามคำแต่กลับต้องชะงัก เนื่องจากถูกเขาเอาผ้ามาปิดบังใบหน้าแล้วผูกเอาไว้อย่างเร็ว
“...!?”
ในขณะที่ทางฝั่งของฉีเล่อกำลังเกิดปรากฏการณ์น้ำส้มเปรี้ยวไหใหญ่ส่งกลิ่นฉุนจนชายหนุ่มถึงกับสะกิดสตรีข้างกายให้ผูกผ้าปิดบังใบหน้างดงามจนเหลือเพียงดวงตาเรียวสวย
ทางฝั่งเยื้องออกมาไม่ไกลกันกำลังเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกได้ว่ากลุ่มโจรราคะจ้องจะเด็ดบุปผาของผู้อื่น
พวกเขามิคาดคิดว่าองค์หญิงแคว้นเฉินนางนี้จะงดงามสวยเฉี่ยวถึงเพียงนี้ เนื่องจากว่าในท้องพระโรงยามกลางวันนั้นนางปิดบังอำพรางใบหน้าด้วยผ้าโปร่งสีแดงจนเห็นเพียงดวงตาสวยเฉี่ยว แต่ยามนี้นางได้เปิดเผยใบหน้างดงามให้ได้ยลโฉม
อา...น่าเสียดาย
พวกเขานึกเสียดายองค์หญิงรูปงามนามว่าเฉินลี่หลินยิ่งนัก หากเป็นไปได้พวกเขาอยากจะแต่งงานกับนางเสียเอง
เหล่าบุรุษในงานเลี้ยงต้อนรับคิดการได้อย่างนั้นกันอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะองค์ชายสามนามว่าฉีเซียนเช่อ ผู้ที่เอ่ยคำเรื่องที่เฉินลี่หลินปิดบังอำพรางใบหน้าในท้องพระโรงวันนี้
ฉีเซียนเช่อกำลังนั่งมองเฉินลี่หลินด้วยความพึงใจ เขาคิดเอาไว้แล้วเชียวว่านางต้องเป็นสตรีที่งดงามมาก เห็นเพียงดวงตาที่สวยเฉี่ยวปานนั้นเขาย่อมแน่ใจ
มิน่าเล่า! สัญญาสงบศึกฉบับเก่ายังไม่ทันได้หมดลงพี่ชายของเขาก็รีบปิดผนึกการเจรจาด้วยการตกลงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ในทันที พี่รองเจอหยกงามในป่าใหญ่แต่กลับคิดรวบรัดครอบครองอย่างรวดเร็ว ฮึ! ร้ายกาจเสียจริง
อันว่าสตรีนั้นไม่ต่างอันใดกับเสื้อผ้าแลเครื่องประดับ หากผู้ใดแตะต้องจับจองได้ก่อนย่อมต้องเป็นของคนผู้นั้น
เมื่อฉีเซียนเช่อคิดการได้อย่างนั้น ริมฝีปากของเขาจึงค่อยๆ ยกโค้งขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
นางก็แค่สตรีบรรณาการจะแต่งให้องค์ชายคนใดของเป่ยฉีก็มีค่าเท่ากัน เห็นทีเขาคงต้องหาทางเชยชมโฉมงามของพี่รองเสียหน่อย หากนางติดอกติดใจเขาแล้วเปลี่ยนจากพี่รองเป็นเขาสัญญาเชื่อมสัมพันธ์กับต่างแคว้นก็ยังคงมีผลสมบูรณ์ได้อยู่ดี
หึหึ!