หลังจากงานงานเลี้ยงต้อนรับจบลง องค์หญิงแคว้นเฉินยังคงพำนัก ณ ตำหนักรับรองของเป่ยฉี
ในระหว่างรอเข้าพิธีอันเป็นมงคลสมรสที่จะเกิดขึ้นในอีกเกือบสองเดือนเฉินลี่หลินเพียงนั่งๆ นอนๆ รอเวลาก็เท่านั้น แต่ทว่าในทุกๆ วันมักจะมีองค์หญิงและองค์ชายรวมถึงขุนนางหนุ่มแน่นเข้ามาเยี่ยมเยือนผูกมิตรฉันท์สหายกับหญิงสาวไม่ขาดสาย
หนึ่งในนั้นมีองค์ชายสามนามว่าฉีเซียนเช่อรวมอยู่ด้วย
เขามักจะมากับองค์หญิงนามว่าฉีหลันที่เป็นพี่น้องร่วมอุทรจากสนมคนเดียวกันและทำทีเป็นผูกมิตรเป็นเพียงสหายกันกับเฉินลี่หลิน
หากแต่นัยน์ตาคู่คมบนใบหน้าหล่อเหลาของฉีเซียนเช่อ กลับกรุ้มกริ่มทอประกายเจิดจ้าเปิดเผยความนัยฉายชัด เขาเป็นบุรุษหนุ่มเจ้าสำราญและมั่นใจในตนเองยิ่งนัก ทำเอาเฉินลี่หลินต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา
เหตุการณ์นั้นเฉินลี่หลินมิได้นึกกลัวเกรงอันใด นางเพียงรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เมื่อเห็นสายตาคมดุของฉีเล่อที่มองมา
และวันนี้ก็เช่นกัน...
องค์หญิงสูงศักดิ์จากต่างแดนกำลังนั่งทอดอารมณ์ชมความงามของสระบัวขนาดใหญ่ที่ตกแต่งรอบสระด้วยหมู่แมกไม้และมวลบุปผานานาพันธุ์ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน
ในขณะที่เฉินลี่หลินกำลังนั่งจิบชาชิมขนมอยู่ในศาลาเสียงขององค์หญิงนามว่าฉีหลันพลันดังเข้ามาขัดจังหวะความสำราญของนาง
“อยู่ที่นี่เองหรือ ข้าเดินตามหาเจ้าเสียนาน” ฉีหลันเอ่ยคำพร้อมรอยยิ้มหวานล้ำที่ไปไม่ถึงดวงตา ภายใต้ใบหน้างดงามของนางแฝงไปด้วยความริษยา นางเดินมาแล้วเห็นองค์หญิงนางนี้สวยงามบาดตาบาดใจเหลือเกิน ภาพที่นางนั่งนิ่งๆ มองดอกบัวในสระช่างงดงามดั่งภาพวาดกระนั้น
หึ! งามถึงเพียงนี้หากเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกครหาทั่วแคว้นคงหมดสิ้นความงามไปตลอดกาล
ฉีหลันคิดการอย่างชั่วร้ายภายใต้ใบหน้าใสซื่อรอยยิ้มอ่อนหวาน “ข้ากับพี่สามมาเยี่ยมเยือนเจ้าด้วยเกรงว่าเจ้าจะเหงาและไม่คุ้นชินกับต่างเมือง” นางกล่าวพลางเดินมานั่งเคียงข้างเฉินลี่หลินอย่างสนิทชิดเชื้อ
ในวันนี้ที่ฉีหลันเดินทางมาหาเฉินลี่หลิน นางมีแผนชายงามของพี่สามให้มานั่งคุยกับเฉินลี่หลินอย่างสนิทสนมเพียงสองต่อสอง แล้วนางก็จะเป็นพยานว่าทั้งสองนัดพบกันลับหลังพี่รอง
ให้งานแต่งงานของเฉินลี่หลินต้องเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวเป็นองค์ชายสาม หึหึ! เมื่อพี่สามของนางได้เชยชมสมใจพอไม่นานก็เขี่ยทิ้ง ทีนี้คนงามก็จะเสียหายมิได้ผุดมิได้เกิด
สตรีทั่วไปพอได้เห็นหญิงงามเป็นหนึ่งย่อมต้องเปรียบเทียบกับตนเองและเมื่อได้เปรียบเทียบจึงได้พบว่าตนเองหาได้เทียบเทียมไม่ ความริษยาอิจฉาในความงามจึงบังเกิด
ฉีหลันก็เช่นกัน หากนางสามารถทำให้คนที่งามกว่านางล้มทั้งยืนได้ นางย่อมต้องกระทำไม่มีว่างเว้น
องค์ชายสามฉีเซียนเช่อ พี่ชายของฉีหลันก็จะได้ขุมกำลังจากต่างแคว้นหนุนหลังและตระกูลของนางก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น มารดาของนางก็จะได้เลื่อนขั้นที่สูงขึ้น ฉีหลันคิดการณ์อย่างชั่วร้ายภายใต้รอยยิ้มสวยหวานน้ำเสียงเป็นมิตร
เฉินลี่หลินเพียงกะพริบตามองฉีหลันโดยมิได้ว่ากล่าวสิ่งใดโต้ตอบกลับไป
นางย่อมต้องทำตัวสงบเสงี่ยมงดงามเป็นสตรีชั้นสูงในห้องหอตลอดเวลา นั่นคือคำสั่งของบิดามารดาของนางที่กำชับหนักหนาว่าอย่าได้เผยธาตุแท้ออกมาด้วยเกรงว่าจะเสียเรื่องกับต่างแคว้น
หญิงสาวคิดอย่างนั้นพลางมององค์หญิงฉีหลันอย่างเป็นมิตรปกปิดความคิดที่อยากจะผลักให้กระเด็นออกไปเนื่องจากมาขัดอารมณ์สุนทรีย์ของนาง
“อา...ข้าลืมของที่นำมาฝากเจ้า” ฉีหลันทำท่าลืมจริงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนเอาใจใส่
“ประเดี๋ยวข้าไปนำมาให้นะ เจ้าคุยกับพี่สามรอข้าในศาลานี่นะ อย่าหนีเชียว” จบคำก็ทำท่าชดช้อยหยอกเย้าก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินผละไปพลางส่งสายตาออกมานอกศาลาที่มีองค์ชายรูปงามผู้หนึ่งยืนอยู่อย่างงามสง่าในอาภรณ์สีฟ้ากระจ่างขับเน้นใบหน้าหล่อเหลาปานเทพเซียน
องค์ชายสามนามว่าฉีเซียนเช่อที่เดินทางมากับองค์หญิงฉีหลันยังคงตกอยู่ในภวังค์เหม่อมองเฉินลี่หลินอย่างไม่วางตา
เขาเห็นนางนั่งทอดอารมณ์อยู่ในศาลาท่ามกลางมวลบุปผาริมสระบัว
ช่างเป็นภาพที่งดงามจับตาจับใจจนเขานึกกระสันอยากได้นางขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาอยากได้นางไปนอนกอดสักหลายๆ คืน คงเพลิดเพลินน่าดู เขาจักให้นางนอนครางใต้ร่างของเขาทั้งวันทั้งคืนเลยเชียว
ในขณะที่ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีฟ้าเนื้อดีกำลังยืนนิ่งๆ ด้วยความรู้สึกบางอย่างภายใต้วงหน้าหล่อเหลาสายตาคมดำลึกล้ำเหม่อลอย ลาดไหล่กว้างใหญ่ของเขาพลันถูกสะกิดไม่หนักไม่เบาจากฝ่ามือใหญ่หนาของใครบางคน
“จะมองนางอีกนานหรือไม่!?”
“...!?”
เส้นเสียงทุ้มต่ำแลดูสุขุมนุ่มลึกคุ้นหูดังขึ้นที่ข้างกายทำให้ฉีเซียนเช่อต้องหันไปมองด้วยความเบื่อหน่าย พี่รองย่อมเป็นมารหัวใจของเขาได้อย่างน่าระอาเป็นที่สุด
ฉีเล่อผู้มาขัดจังหวะความคิดชั่วร้ายของน้องชายต่างอุทรเพียงปรายสายตามองฉีเซียนเช่ออย่างเย็นชาพลางออกแรงที่ฝ่ามือบีบไหล่ใหญ่หนาของน้องชายอย่างนึกขัดเคือง
เขากำลังคิดว่าบ่ากว้างของน้องชายเป็นลูกนัยน์ตาที่บังอาจมองลี่หลินปานกลืนกิน เขาอยากจะควักมันออกมาบีบให้แหลกคามือ
“ข้าถามว่าจะมองนางอีกนานหรือไม่?” ฉีเล่อย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกลิ่นน้ำส้มฉุนจัดไปทางเจ้าของบ่ากว้างที่เขาบีบไม่ปล่อย
“อันใดกันพี่รอง ท่านหมายถึงสิ่งใด” ฉีเซียนเช่อตีมึนหลบเลี่ยงได้อย่างเหลือร้าย เขาอยากจะทำมากกว่ามองด้วยซ้ำไป
สองชายหนุ่มสูงศักดิ์จึงยืนมองหน้ากันนิ่งงันส่งสายตาแวววาวใส่กันประหนึ่งเสือสองตัวแย่งเหยื่อก็ไม่ปาน