ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
ปัง!!
โรสรินทร์เดินลงส้นเท้าปังๆ ใบหน้าบูดบึ้ง ดวงตาเปล่งประกายวามวาวด้วยเพลิงโทสะ หายใจเข้าออกอย่างรุนแรงเพราะระงับอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในอกไม่ได้ ด้วยในหูยังอื้ออึงจากคำพูดที่ได้ฟังจากป้านุ่มคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านดังก้องหู
ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านยังพอทำใจได้ แต่ถึงขั้นย้ายไปอยู่ในห้องนอนของบิดามารดา แบบนี้มันหยามกันเกินไป ไอ้คนไร้มารยาทย่ำยีหัวใจกันมากเกินไป เธอรับไม่ได้!
โรสรินทร์เดินจ้ำอ้าว ชนิดไม่ดูไม่สนสิ่งใดเข้ามาไปในห้องทำงานของชายหนุ่มนามว่า ภีมะ ซึ่งอยู่ชั้นสองของอาคารใหญ่ที่ด้านล่างเป็นที่ตั้งของกาสิโน โดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของใคร แม้แต่พงศ์เทพ ทนายความที่เธอเคารพรักเหมือนกับบิดาคนที่สอง
“ไอ้เลวภีมะ” โรสรินทร์ร้องเรียกชายร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ไกล เธอพุ่งปรี่ไปยกมือฟาดใบหน้าชายผู้ที่สร้างความโกรธเกรี้ยวเต็มๆ แรงถึงสองครั้งด้วยกัน
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
ขนาดว่าตบไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายหน้าหันแล้วนะ แต่โรสรินทร์ก็ยังไม่หายโมโห เธอก้มตัวลงไปดึงเอารองเท้ามาหวังใช้ตบหน้าภีมะให้สุดแรงอีกสักหลายๆ ครั้ง
เธอกลับบ้านด้วยความยินดี หากเมื่อมาถึงกลับได้ฟังถ้อยคำเป็นเชื้อเพลิงให้เจ็บปวดระคนเคียดแค้นจากคนรับใช้เก่าแก่ซะนี่
“คุณหนู...คุณหนูโรสของป้า ป้าคิดถึงคุณหนูที่สุดเลย คุณหนูจะกลับมาอยู่กับป้าแล้วใช่ไหมคะ”
น้ำตาไหลอาบใบหน้าหญิงชรา แขนอวบๆ โอบรอบร่างโรสรินทร์ที่กอดตอบกายป้อมๆ อย่างแสนจะคิดถึงเช่นกัน
“กลับมาอยู่บ้านเราแล้วใช่ไหมคะคุณหนู ป้าดีใจจังเลยที่คุณหนูกลับมา”
ป้านุ่มจูงมือโรสรินทร์พาเดินเข้าไปในบ้าน อีกมือก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยความปลื้มปีติ ที่เห็นคนซึ่งนางเลี้ยงมาแต่เด็กทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาสำเร็จ
“ป้ารู้ว่าถ้าบอกไปคงทำให้คุณหนูทุกข์ใจ แต่ถ้าไม่บอกก็เห็นว่าจะเป็นการไม่สมควร” ไม่ได้จะเล่าเรื่องร้อนให้โรสรินทร์ฟังตั้งแต่มาถึง แต่ถ้าไม่บอกในตอนนี้ ถ้าหญิงสาวรู้ในภายหลังจะยิ่งโกรธ จนใครก็เข้าหน้าไม่ติด
โรสรินทร์รู้สึกแปลกใจกับคำพูดของคนเก่าคนแก่ ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กๆ รักเธอดั่งเช่นลูกในอุทร
“มีอะไรคะป้า”
“ป้าจะเล่าให้ฟังยังไงดี...พอคุณหนูไปเรียนได้ไม่ถึงสามเดือนดี คุณภีมก็ขนย้ายข้าวของมาอยู่ในบ้านเราค่ะ”
“ป้าว่าอะไรนะคะ ใครย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเรา” ถ้าเป็นคนอื่นย้ายเข้ามา ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่กับภีมะ...ก็เหมือนกับใครเอามือไปแหย่รังแตน เพียงรู้ว่าคนที่ไม่ชอบหน้าเข้ามาพำนักในบ้าน มันเหมือนถูกใครขยี้พริกใส่ มันร้อนรนอยากจะเอารองเท้าฝาดใบหน้าเฉยชาไม่ยินดียินร้ายให้ยับอย่างกับหมูถูกสับ
“นายภีมะค่ะคุณหนู” ป้านุ่มเปลี่ยนสรรพนามเรียกคนที่กล่าวถึงใหม่ เพื่อไม่ให้โรสรินทร์จับผิดได้ว่านางไม่ได้โกรธเกลียดภีมะ แต่กลับรู้สึกดีๆ กับชายหนุ่มผู้ที่กล้าต่อกรกับคุณหนูผู้เอาแต่ใจ
จากตอนแรกเธอมีความสุขที่ได้กลับบ้าน กลับแปรเปลี่ยนเป็นโมโหจนควันแทบออกหู หญิงสาวสะกดกลั้นน้ำเสียงที่ออกจากปากให้นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า บ้านเราออกจะใหญ่ ห้องหับมีตั้งเยอะแยะ ห้องคนสวนก็ยังว่างอยู่ ให้คนไร้ที่พึ่ง ไร้บ้านมาอยู่ด้วยอีกคน ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยนี่คะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะซิคะคุณหนู คือนายภีม เขา...”
“มีอะไรอีกคะป้า” ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ การพูดการจ้าก็อ้ำอึ้งของคนรับใช้เก่าแก่ทำให้หัวคิ้วโรสรินทร์ขมวดเข้าหากัน
“คือ...นายภีมเขาพักอยู่ห้องคุณพ่อคุณหนูนะคะ”
“อะไรนะคะ ป้าว่าอะไรนะ” โรสรินทร์แผดเสียงถาม
“นายภีมพักอยู่ห้องของคุณพ่อคุณหนูค่ะ”
“อะไรนะ...ป้าว่าไอ้บ้านั่นอยู่ห้องไหนนะคะ” โรสรินทร์ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินมาไม่มีอะไรผิดพลาด
“ป้าบอกหนูโรสใหม่อีกครั้งได้ไหมคะว่า ไอ้บ้านั่นย้ายเข้าไปอยู่ห้องไหน”
การที่ภีมะย้ายข้าวของมาอยู่ในบ้าน เธอพอจะเดาออกนานแล้ว เพราะบิดาเป็นปลื้ม...กับอีตาหน้าเป็นจอมหยิ่งภีมะนานแล้ว ไม่แค่เอ่ยชม ยังจะเปรยๆ ว่าอยากได้มาเป็นลูกชายด้วยซ้ำ แต่เมื่อไม่ได้ ถ้าเป็นลูกเขยก็คงดี
โรสรินทร์กำหมัดจนปลายเล็บยาวและแหลมทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ เพราะรับไม่ไดและเจ็บใจที่มาช้าไป
“นายภีมะยังสั่งให้คุณทนายตามคุณหนูให้กลับมาบ้านด้วยค่ะ” ป้านุ่มฟ้องต่อ มือเหี่ยวจับแขนเรียวลูบไปมา เพื่อให้นายสาวคลายความร้อนใจที่มีลงบ้าง
“แล้วไอ้บ้านั่นมันยังทำอะไรอีกคะป้า” โรสรินทร์กัดฟันถาม ดวงตาวาวโรจน์
“สำหรับเรื่องอื่นป้าไม่รู้ค่ะ คุณหนูต้องไปถามคุณทนายเอง เพราะป้าเห็นนายภีมะเรียกคุณทนายมาคุย จนดึกจนดื่นเกือบทุกวันเลยค่ะ”
คำตอบของป้านุ่มยิ่งเติมความโกรธให้กับโรสรินทร์ที่ไม่รอฟังสิ่งใดอีกแล้ว หญิงสาววิ่งไปคว้ากุญแจรถคันโปรดที่บิดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันรับปริญญาตรีขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อไปถึงบ้านพงศ์เทพทนายความประจำตระกูล ทำเอาเธอถึงกับลมจับ เมื่อได้ยินทนายความวัยชราพูดถึงเรื่องหนี้สินของบิดาที่มีกับภีมะ
“ขอโทษนะครับคุณหนู แต่คุณพ่อคุณหนูเป็นหนี้คุณภีมะอยู่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท และคุณพ่อของคุณหนูยังบอกให้คุณภีมะเป็นคนจัดการเรื่องราวในบ้านและเรื่องของธุรกิจที่ท่านเป็นเจ้าของทุกอย่างด้วยครับ”
“ไม่จริงใช่ไหมคะลุงพงศ์ ไอ้ภีมะบ้านั่นโกงพ่อของโรสใช่ไหมคะ”
โรสรินทร์ถามเสียงสั่น อย่างไม่รู้ว่าตกใจหรือโกรธคนที่ถูกกล่าวถึงกันแน่ หญิงสาวถึงกับเข่าอ่อนจนทรุดลงบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง ใบหน้านวลแดงสลับซีด ดวงตากลมโตมองชายชราว่า สิ่งที่เธอได้ยินนั้นมันไม่ใช่ความจริง
“ไม่ใช่ครับ คุณพ่อคุณหนูติดการพนัน ถึงกับเอาหุ้นที่มีและธุรกิจทุกอย่างเป็นเดิมพัน ตอนแรกคุณภีมะก็ไม่อยากจะยุ่งด้วย แต่คงเห็นว่าถ้าไม่รับเอาไว้เอง คุณพ่อคุณหนูก็คงจะเอาไปขายให้กับคนอื่น ไม่แค่แพ้จนหมดเนื้อหมดตัว แต่ยังเป็นหนี้คุณภีมะอีกก้อนโต้ด้วยครับ” ทนายความวัยชราผมสีดอกเลาบอกกับลูกสาวเจ้านายเก่าที่เขารักเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเสียงออกความกังวลใจ
“ไม่...ไม่จริง! พ่อไม่ใช่คนเล่นการพนัน จะต้องเป็นเพราะไอ้ภีมะบ้านั่น ใช่...ไอ้บ้าภีมะหลอกลวงพ่อ…โกงพ่อหนูโรสด้วย”
โรสรินทร์พูดอย่างเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นเป็นความจริง ภีมะจะต้องใช้เล่ห์กลโกงเอาชนะบิดาที่รู้ไม่เท่าทัน หญิงสาวกัดฟันกรอด
“หนูโรสหนูโรสจะเอาเรื่องไอ้บ้านั่นให้ถึงที่สุด จะเอาธุรกิจของพ่อที่โดนโกงกลับมาให้ได้”
“เดี๋ยวครับคุณหนูโรส” พงศ์เทพเรียกเอาไว้ก่อนโรสรินทร์จะผลีผลามวิ่งไปให้ภีมะเชือดเพราะคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้
“มีอะไรอีกค่ะลุงพงศ์”
“คุณภีมะไม่เป็นแค่คนดูแลทรัพย์สินทุกอย่าง ท่านยังฝากฝังให้คุณภีมะจัดการเรื่องคนที่จะมาเป็นสามีคุณหนูด้วยครับ”
“อะไรนะคะ” โรสรินทร์แผดเสียงดังลั่น
“ไม่จริง...ลุงพงศ์โกหกหนูโรส” จากที่ตะเบงจนเจ็บคอ ตอนนี้เสียงที่ออกมากลับเป็นครางแผ่วๆ ในลำคอ
“เรื่องทุกอย่างเป็นฝีมือไอ้ภีมะบ้าคนเดียว ถ้าวันนี้หนูโรสไม่ได้เอาเลือดหัวมันออก หนูก็ไม่ใช่โรสรินทร์ รันตะบดินทร์แล้วละคะ” หญิงสาวเค้นเสียงพูดด้วยความคั่งแค้น เกลียดชังในตัวภีมะจนร้อนไปหมดทั้งทรวง แล้วถ้าไม่ได้ทำอะไรระบายความโกรธแค้นที่มีละก็...เธอไม่วันมีความสุขได้