ค่ายกักกัน

1288 คำ
ฉันมองไปรอบๆ รู้สึกปวดหูมากที่ได้ยินเสียงทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังมากจนผิดปกติ ฉันพยายามจับข้อมือเพื่อตรวจสอบว่าชีพจรของฉันยังเต้นอยู่ไหม "บ้าจริง จะจับดูทำไมวะเสียงหัวใจเต้นดังขนาดนี้" ฉันละจากแขนแล้วแง้มบานประตูออกเพื่อดูภายนอกเพราะฉันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของไอ้ผีบวกนั้น ฉันเห็นทางสะดวกเลยเดินออกมาด้านนอกพร้อมทั้งหยิบไม้ที่ตกอยู่ขึ้นมาจับไว้เพื่อใช้เป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัวถึงแม้รู้ดีว่าของพวกนี้ทำอะไรมันไม่ได้แต่ก็เอาเถอะยังดีกว่าไม่มี "แปลก แฮะพวกมันหายไปไหนหมดเดินออกมาตั้งนานละยังไม่เห็นสักตัว"ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง ฉันเดินเลี่ยงไปเรื่อยๆ เห็นรถของทหารอีกคันที่ถูกจอดทิ้งไว้โดยที่ไม่มีคนขับ แต่ตรงนั้นกลับมีพวกซอมบี้ยืนอยู่เยอะ "เอาไงดีวะ" ฉันยืนมองพวกมันอยู่นานเลยคิดอะไรบางอย่างออก ฉันเดินอ้อมไปอีกทางจากนั้นก็โยนไม้ไปอีกฝั่งกระทบกันกับกระเบื้องจนเกิดเสียงดังพวกมันพากันกรูเข้าไปตามเสียงที่ฉันสร้างขึ้นแล้วทำหน้าเงอะๆ งั้นอยู่ตรงนั้น ฉันค่อยๆ เดินให้เบาเสียงที่สุด แต่ทำไมฉันยังได้ยินเสียงเท้าตัวเองนะ ฉันได้แต่สบถในใจ "เหี้ย แล้ว!!" หล่อนเงยหน้าตกใจกับสิ่งที่เห็นมันคือทหารที่บัดนี้กลายเป็นสถานการณ์บี้ไปแล้ว หล่อนมัวแต่หันหลังมองซอมบี้ที่อยู่ด้านหลังโดยไม่ระวังตัวที่อยู่ตรงนี้ "ปึก" เสียงหล่นของซอมบี้ทหารที่ลุกขึ้นเตรียมกระโจนหาเหยื่อ แต่มันกลับไม่ทำอะไรฉันเลยทั้งๆ ที่หน้าฉันอยู่ใกล้มันแค่เอื้อม บัดนี้ฉันรู้ได้ทันทีว่าฉันน่าจะไม่ปกติ ฉันมองมันที่เดินผ่านฉันเหมือนว่าฉันเป็นอากาศ "ฉันเป็นพวกเดียวกับมัน?" หญิงสาวร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจหมดอาลัยตายอยาก นั่งลงทรุดเข่าลงไปกับพื้น ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนที่หล่อนนั่งอยู่ตรงนี้ลำพังโดยที่ไม่ถูกทำร้ายเลยจากซอมบี้พวกนี้ "เอ๊ะ!! แล้วทำไมฉันถึงไม่เป็นแบบนั้นละ"หล่อนเบิกตากว้างขึ้นเมื่อนึกได้จึงลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้ามองไปที่กระจก จากนั้นก็มองใบหน้าของตัวเองชัดๆ "ปกติ ปกติทุกอย่าง แล้วทำไมถึงไม่เหมือนพวกนั้นละ แต่ถ้าฉันเป็นมนุษย์ก็ต้องโดนพวกนั้นทำร้ายแต่นี้มันกลับไม่ทำร้ายฉันเลยสักนิด มันยังไงกันวะเนี่ย" "หรือว่าฉันมีภูมิ" หล่อนเบิกตากว้างอีกรอบนิ่งสักพักก็จับตรงที่จับบนรถแล้วโดดขึ้นนั่ง บิดกุญแจรถขันใหญ่ขับออกไป มุ่งหน้าไปที่ค่ายกักกันทันที เอี๊ยด!!! เสียงเบรกดังสนั่นของรถทหารที่วิชุดาเป็นคนขับมาต้องหยุดลงเนื่องจากมีทหารหลายนายเล็งปืนมาหาเธอ เธอเห็นตั้งแต่ไกลว่ามีปืนเล็งมาที่เธอพร้อมยิงทุกเมื่อเพราะคนพวกนั้นรู้ว่ามีผู้หญิงขับมาโดยเห็นเธอผ่านกล้องจากลำกระบอกปืนที่สามารถยิงกลางแสกหน้าเธอได้ในระยะไกลโดยไม่ยากเลย ฉันต้องบิดกุญแจดับเครื่องก่อนเพื่อจะฟังสิ่งที่เขาคุยกัน ใช่ฉันได้ยินได้ยินในระยะไกลขนาดนั้นปกติคนธรรมดาต่อให้ตะโกนยังไม่ได้ยินเสียงกันเลยถ้าอยู่ไกลขนาดนั้น พวกเขาพูดกันว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้เป็นผู้หญิงโดยขับรถทหารขนเสบียงกำลังมุ่งหน้ามาไม่ทราบสถานการณ์ติดเชื้อ และมีคนออกคำสั่งว่าหากเธอมาใกล้แล้วตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยของการโดนกัดหรือการติดเชื้อให้ฆ่าได้ทันที "ฉิบหาย" ฉันสบถออกมาแม่ง ฆ่าเลยเหรอวะ "คิดสิคิด"ฉันบ่นพึมพำมองไปที่แขนของตัวเองที่ถึงพันเอาไว้ ฉันเลยดึงมันออก "เหี้ย!! แผลหายไปไหนวะ?" ฉันกระตุกยิ้มเล็กน้อยสำรวจร่างกายอีกรอบ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีแผลอะไรก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่ทหารกลุ่มนั้นทันที "ลงมาด้วยครับ!!"เสียงทหารตะโกนบอกจนฉันแสบแก้วหูมันจะตะโกนทำไมวะ "ขอตรวจร่างกายด้วยครับ คุณมาได้ยังไงชื่ออะไรมาจากที่ไหนโดนกัดไหมครับ" เขาพูดพร้อมทั้งจับฉันพลิกไปพลิกมาโดนสำรวจบนร่างกายของฉันจนทั่วเหลือแต่ในร่มผ้า เขาจึงเดินนำฉันให้เข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง โดยมีทหารหญิงเดินตามฉันเข้ามาแล้วให้ฉันถอดเสื้อผ้าจนหมด เขาตรวจสอบร่องรอยการโดนกัดหรือการติดเชื้ออีกรอบจากนั้นหันหน้าไปพยักหน้าให้กันแล้วให้ฉันแต่งตัวและเดินออกไปอีกทางเพื่อเข้าไปด้านใน ด้านในมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก บางคนออกกำลังกายบางคนซ้อมมวย บางคนซ้อมยิ่งปืนแต่ฉันกลับไม่ได้ยินเสียงเหมือนมันจะเป็นห้องกระจกกันเสียง ที่นี่เสียงดัง แต่ฉันรู้ว่าดังไม่พอที่พวกนั้นจะแห่มา ฉันยังเห็นอีกว่ามีคนกำลังทำสวน ปลูกผัก บางคนก็เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู ที่นี่เริ่มทำสิ่งเหล่านี้คงคิดว่าไม่สามารถออกไปหาของกินมาให้คนเหล่านี้ได้พอแน่ๆ "ปึก" เสียงกระแทกจากด้ามปืนให้ฉันเดินตรงเข้าไปด้านใน "เราจะไปไหนกันหรือคะ" "เธอต้องไปรายงานตัว" "รายงานตัว?" ฉันหันกลับไปมองทำหน้าตาแสดงเครื่องหมายคำถาม "รายงานให้รู้จำนวนคนที่เข้ามา อาชีพที่เคยทำจะได้รู้ว่าควรจะส่งไปช่วยฝ่ายไหน" "อืม คนที่ดูแลที่นี่คงฉลาดมากเลยนะคะ" ฉันพูดออกไปเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ การดูและการจัดการคนจำนวนมากขนาดนี้ในวิกฤตแบบนี้มันค่อนข้างยาก นายทหารพาฉันมาถึงห้องรายงานตัวโดยที่ไม่พูดอะไรหลังจากนั้น "เธอชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร อายุเท่าไหร่ พ่อแม่ชื่ออะไร อาชีพอะไร" ฉันคิดในใจถามมาที่ละประโยคก็ได้ไหม "ฉันชื่อวิชุดา การ์เชีย เป็นลูกครึ่งสเปน อายุ 25 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เปิดบ่อนคาสิโนและ สถานบันเทิง อยู่ที่สเปนค่ะ แม่เป็นคนไทย ชื่อนางนภา การ์เชีย พ่อเป็นคนสเปน ชื่อกาโน่ การ์เชีย ท่านทั้งสองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุค่ะ"พวกเขาพิมพ์อยู่บนหน้าจอสักพักหันหน้าให้กันแล้วก็พยักหน้าอีกละ ฉันคิดในใจเหมือนเขาจะรู้อะไรเลย "เลขประจำตัวประชาชนคุณคือ?" เสมียนหญิงคนหนึ่งที่แต่งชุดทหารเอ่ยกับฉัน ฉันเลยบอกเลขประจำตัวออกไปเขาก็พยักหน้าให้กันอีกรอบ "คุณไม่ได้ทำแค่นั้นคุณค้าอาวุธด้วยแต่แค่ไม่ได้ทำที่ประเทศของเรา" หล่อนพูดออกมา ฉันได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ รอดจากซอมบี้กูจะมาตายที่นี่หรือวะ "เอาละในเมื่อคุณเคยทำงานแบบนี้มาเราจะส่งให้คุณไปดูและคลังอาวุธและเป็นที่ปรึกษาด้านอาวุธสงคราม" ฉันถอนหายใจเบาๆ นึกว่าจะจับฉันยัดเข้าไปในตังเมซะละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม