ต่อสู้เพียงลำพัง
“จะทำไงดี” หล่อนพึมพำ หญิงสาวนามว่าวิชุดาติดอยู่ในคอนโดของตนมีอาหารอยู่พอเลี้ยงตนเองได้อีกเพียงสามวันและหลังจากนั้นเธอก็จะอดตายอยู่ในนี้หากเธอยังไม่ออกไปจากที่นี้
ห้องของเธอถูกปิดจากด้านในและล๊อคประตูอย่างแน่นหนา อีกทั้ง ยังมีตู้ขนาดเล็กใหญ่ต่างๆ ดันประตูไว้เพื่อไม่ให้บางสิ่งเข้ามา เธอนั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าเธอจะออกไปได้อย่างไรและทำอย่างไรจึงจะรอดออกไปถึงค่ายกักกันอย่างปลอดภัย
“เอาวะเป็นไงเป็นกัน ตายก็ตายสิ อยู่ก็ตายไม่อยู่ก็ตาย ไปตายเอาดาบหน้าละกัน" เธอพูดพลางเก็บของไปพลางนำสิ่งของจำเป็นใส่ลงกระเป๋าเป้ที่เคยไว้บรรจุของ สำหรับไปเที่ยวบัดนี้เธอต้องนำมาไว้สำหรับเดินทาง เพื่อหนีผีร้ายที่อยู่ด้านนอกไปยังค่ายกักกันที่เธอพยายามติดต่อเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณเลย
เธอรู้ดีว่าสัญญาณทุกอย่างถูกตัดไปหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวนี้ขึ้นเมื่ออยู่ๆ มีข่าวออกไปทั่วโลก ว่าให้ทุกคนกักตุนอาหารของตนเองให้เพียงพอและห้ามออกจากบ้านหรือที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย มีคนติดเชื้อโดยการถูกกัดและเมื่อผู้ติดเชื้อนั้นติดเชื้อก็จะมีหน้าตาเปลี่ยนไปเหมือนในหนังซอมบี้ยังไงอย่างนั้นเลย เธอไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ
“เรียบร้อย” พรุ่งนี้ก็เดินทางได้ อาวุธที่เธอมีก็มีเพียงมีดทำครัวปลายแหลมเพียงสองสามเล่มที่เหน็บไว้บริเวณกระเป๋าคาดเอวที่เธอทำไว้สำหรับใส่มีดโดยเฉพาะ
“ฮึบ เฮ้อ” เสียงถอนหายใจบวกกับเสียงลองดึงเชือกที่ผูกติดกับหน้าต่างชั้นสองปลายเชือกห้อยลงไปด้านล่างของตึก
“ดีนะที่อยู่ชั้นสองขืนอยู่สูงกว่านี้คงตกลงไปคอหักตายก่อนแน่ๆ ฉัน” หล่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คงต้องรอให้มืดกว่านี้หน่อยดีกว่าไม่อย่างนั้นคงหนีไม่รอดแน่ๆ” เมื่อถึงเวลาดึกสงัดทุกอย่างดูเงียบลงเธอปิดไฟในห้องและปรับสายตาให้เข้ากับเวลากลางคืน เธอค่อยๆ ปืนลงมาทางหน้าต่างช้าๆ และเงียบที่สุด เดินมุ่งหน้าไปทางศูนย์กักกันโดยเดินเท้าเพื่อให้เงียบที่สุดตึกของเธออยู่ห่างจากศูนย์กักกันประมาณห้าสิบกิโล
“คุณ คุณๆ” เธอได้ยินเสียงคนเรียกดังออกมาจากตึกแห่งหนึ่ง เธอหันซ้ายหันขวาก็ยังไม่พบคนที่เรียกเธอเลยมองเข้าไปยังหน้าต่างบานเล็กบ้านหลังหนึ่งเห็นเป็นเงาคน
“นายเรียกฉันเหรอ”
“ใช่ คุณกำลังจะไปไหนอะ" วิชุดาไม่ตอบ แต่ปีนเข้าไปยังรั่วบ้านของชายคนนี้
“เปิดประตูให้หน่อย”
“คุณไม่โดนกัดมาใช่ไหม”
“ใช่ฉันยังไม่โดน เร็วๆ เข้าจากไม่โดนก็จะโดนก็ตอนนี้แหละเปิดด่วน” หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เปิดประตูให้เธอเข้าไปด้านในบ้านพร้อมทั้งปิดประตูลงอย่างแน่นหนา
“นายอยู่คนเดียวเหรอ”
“ใช่ผมอยู่คนเดียว ก่อนหน้านี้ผมอยู่กับภรรยาแต่ตอนนี้เธอติดเชื้อไปแล้ว เธอติดเชื้อตอนที่ออกไปทำงานเธอไม่ทันได้กลับบ้านนะ” ชายหนุ่มเล่าถึงภรรยาขอบตาแดงก่ำ หญิงสาวนึกสงสารจับใจ
“นายชื่ออะไร”
“เราชื่อนพ เธอละ"
“เราชื่อวิชุดา เรียกวิเฉยๆ ก็ได้”
“แล้วนี่คุณกำลังจะไปไหน”
“ฉันจะไปที่ค่ายกักกันนะ”
“ยังมีคนอยู่ที่ค่ายนั้นด้วยเหรอ ผมลองติดต่อไปหลายครั้งเลยไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย”
“ระบบสัญญาณล่มติดต่อใครไม่ได้หรอก ฉันก็พยายามติดต่อไปเหมือนกัน แต่ถึงยังไงก็ต้องลองไปดูอะดีกว่านั่งรอความตายอีกอย่างอาหารฉันก็เหลืออีกแค่สามวันขืนอยู่ต่อก็คงอดตาย”
“ก็จริงของคุณผมเองก็ใกล้จะหมดแล้วเหมือนกัน น่าจะอยู่ได้ประมาณ อาทิตย์หนึ่งงั้นผมไปด้วยนะ”
“ไปสิ แต่มันอันตรายมากนะอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับพวกเราก็ได้”
“ไม่เป็นไรผมตัดสินใจแล้ว”
“เอาละคืนนี้พักผ่อนกันแล้วค่อยไปต่อคืนพรุ่งนี้”
“ทำไมไม่ไปกลางวันละ”
“ไปกลางวันไม่ได้ เพราะซอมบี้พวกนี้ตอนกลางวันจะหูตาดีมากเราเลยต้องไปตอนกลางคืนกัน”
“อืม ว่าแล้วเชียวตอนกลางคืนฉันนั่งสังเกตอยู่ว่าทำไมไม่ค่อยเห็นมันเดินเลย”
“แต่ตอนกลางวันจะเดินเยอะกว่า”
“แต่ก็ใช่ว่ากลางคืนจะปลอดภัย เวลาเดินทาง เราต้องเดินทางให้เงียบที่สุดพวกนี้หูดีมากนิดเดียวมันก็กระโจนหาเราแล้ว”
“ปะ นอน มีที่ให้ฉันนานไหม”
“มีๆ ” ชายหนุ่มหาที่หลับที่นอนให้วิชุดา หลังจากนั้นก็เข้านอน วิชุดาหลับจนถึงเช้าเพราะอ่อนเพลียมาก
“ก๊อก แก๊ก ซ่า” เสียงทำอาหารดังมาจากในครัว วิชุดาเดินตามเสียงและกลิ่นไป
“หอมจัง นายลุกมาทำอาหารแต่เช้าเลยนะ โหทำเยอะจัง"
“ก็ทำเพื่อวินั่นแหละ มาๆ เสร็จพอดีเลยน่ากินไหม”
“มาก!! น่ากินมากๆ” วิกล่าวออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม