ตอนที่ 3

1661 คำ
ต้องยอมรับว่าในแผนกที่รัญนราทำงานเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าแผนกของเธอ ทุกคนต่างก็ล้วนเอ็นดูเธอ อาจเป็นเพราะเธอเป็นเด็กใหม่หรือเวลาใครขอความช่วยเหลือ เธอมักจะช่วยอย่างไม่อิดออด เมื่อพี่ๆ ในทีมต่างเป็นกันเอง ทำให้รัญนราไม่ได้รู้สึกอึดอัดและมีความสุขกับงานที่ทำมาก โดยเฉพาะญานิศากับรนิดารุ่นพี่ทั้งสองคนนี้สร้างสีสันให้กับแผนกนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว เธอคิดไม่ออกว่าถ้าไม่มีรุ่นพี่ทั้งสองในแผนกนี้จะเงียบเหงาขนาดไหน “นี่ทุกคน!” สิ้นเสียงเรียกราวกับมีเรื่องจะแจ้งของญานิศา ทำให้ทุกคนในแผนกการตลาดหันสายตามาทางพนักงานสาวผู้มีรูปร่างเหมือนนางแบบทันควัน ด้านญานิศาเมื่อเห็นสายตาอยากรู้ของทุกคนที่มองมา หล่อนก็ไม่รีรอที่จะพูด “วันนี้มีบริการพิเศษจากห้องอาหารจ้า” “บริการพิเศษอะไร?” เพื่อนคนหนึ่งในแผนกด้วยกันเอ่ยถาม ญานิศาฉีกยิ้มเล็กน้อย ก่อนโชว์ก้อนชาเขียวในมือให้ทุกคนดู “วันนี้แม่บ้านนำเค้กชาเขียวมาบริการถึงที่เลยไปดูที่ห้องแพนทรีสิ เต็มตู้เย็นเลย ฉันสอยมาชิ้นหนึ่งละ” พูดพลางแกะฝากล่องเค้กออกแล้วลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ลงมือตักกินเนื้อเค้กอย่างสบายใจ โดยไม่สนใจสายตาคู่อื่นที่มองหล่อนด้วยแววตาเป็นประกาย ขณะที่รัญนรานั่งอยู่ไม่ไกลจากรุ่นพี่สาว ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร แต่รู้แล้วว่ามื้อเที่ยงของเธออยู่ที่ไหน เมื่อวานแม้จะได้กินเค้กชาเขียวที่น้องชายซื้อให้กินไปบ้างแล้ว ทว่าถ้ามีให้กินอีกเธอก็ยังกินได้ไม่มีเบื่อ “อร่อยอ่ะแก ขอไปเอามากินบ้างดีกว่า” รนิดาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของญานิศาพอได้ชิมขนมของเพื่อนเตรียมจะลุกขึ้น แต่เสียงเอ็ดของหัวหน้าแผนกที่ดังมาจากหน้าประตู ทำให้หญิงสาวผมยาวประบ่าต้องเบรกตัวไว้เสียก่อน ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ เนื่องจากใครต่างก็รู้ว่าเอมอรเป็นหัวหน้าที่ทำงานเก่งและเด็ดขาดมาก คอยสนับสนุนรุ่นน้องทุกคนไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่ในเวลางานหัวหน้าผู้มากประสบการณ์จะเข้มงวดเป็นพิเศษ นั่นเป็นเหตุให้ลูกน้องทุกคนในแผนกต่างให้ความยำเกรงและเชื่อฟัง ทำงานต่อไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเที่ยง รัญนราไม่ได้ลงไปที่ห้องอาหาร แต่เธอเดินไปที่ห้องเครื่องดื่ม ตั้งใจจะไปกินเค้กกับกาแฟแทนมื้อเที่ยง ตอนนี้ในห้องแพนทรีปลอดคนจึงสะดวกต่อการนั่งดื่มนั่งกินคนเดียวเป็นที่สุด หญิงสาวจัดแจงที่นั่ง หลังจากชงกาแฟหอมกรุ่น อีกมือถือจานเล็กที่มีก้อนเค้กสีเขียววางอยู่ หันซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นใครผ่านมา เธอจึงตักเนื้อครีมสีเขียวนุ่มฟูบนหน้าเค้กมากินอย่างเอร็ดอร่อย นึกขอบคุณแม่บ้านในวันนี้ที่เอาของอร่อยๆ มาบริการ เค้กชิ้นที่หนึ่งก็หมดไปในเวลาไม่ถึงสามนาที ต่อด้วยชิ้นที่สองอีกชิ้น แล้วเมื่อกินเสร็จเรียบร้อยเตรียมจะลุกออกไปล้างถ้วยกาแฟและจานใส่ขนมเค้ก แต่แล้วดวงตากลมสวยถึงกับเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่มายืนอยู่หน้าห้องเป็นใคร “ท่านประธาน!… เออพอดีว่า” น้ำเสียงเล็กเริ่มตะกุกตะกัก จู่ๆ ก็พูดติดอ่างซะงั้น พอๆ กับหัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นเพราะกลัวความผิด เนื่องจากปกติของว่างพวกนี้เขาไว้เสิร์ฟแขกหรือผู้บริหาร ซึ่งพนักงานก็กินได้ แต่นี่เธอมากินแทนมื้อเที่ยงมีหวังต้องโดนดุแน่ “เอ่อ คือดิฉัน… มาชงกาแฟดื่มค่ะ” เธอพูดออกมาในที่สุด พร้อมกันนั้นจานเล็กที่ถืออยู่รีบเอาแอบไว้ข้างหลัง โดยหารู้ไหมว่าหลักฐานมันอยู่ที่มุมปากของเธอ ดลเทพมองครีมสีเขียวที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากอิ่มแล้วถึงกับอยากจะหัวเราะ แต่ก็กลั้นเอาไว้เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงโก๊ะๆ แบบนี้มาก่อน ในความเปิ่นแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วนั่งลงบนขอบโต๊ะห่างจากเธอไม่ถึงคืบ รัญนรารีบถอยร่นเพื่อให้อีกฝ่ายนั่งได้สะดวก จนจานเล็กที่ถืออยู่หล่นดัง เพล้ง! หลักฐานที่คิดว่าปิดมิดแล้ว สุดท้ายมันกลับประจานเธอไม่เป็นท่า หญิงสาวรีบก้มลงเก็บจานสีขาวบนพื้นอย่างไม่ต้องมีใครสั่ง โชคดีที่จานเซรามิคใบเล็กไม่แตกไม่อย่างนั้นมีหวังเธอถูกหักเงินเดือนเป็นแน่ ดลเทพที่ยืนมองอยู่กลั้นขำแทบไม่อยู่ และเมื่อเห็นอาการเลิ่กลั่กของเธอแล้วพาให้ยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง เลยข่มขวัญพนักงานใหม่ด้วยการบังคับเสียงเข้ม ทั้งที่เวลานี้อยากหัวเราะแทบตายกับท่าทางลนลานของเธอ “เธอกล้ามาขโมยขนมในห้องนี้กินเหรอ?” “เอ่อคือว่า…” กลีบปากสีพีชมันวาวขยับตะกุกตะกัก มือเล็กเริ่มสั่นนิดๆ แล้ว ก่อนจะก้มหน้างุดทำอะไรไม่ถูกกังวลไปหมด ทำไงดีนะเขาจะเอาเรื่องเราไหม? “ฉันถามทำไมไม่ตอบ ฮื้อ?” ดลเทพมองคนที่สั่นงันงกแล้วถึงกับอมยิ้มแก้มแทบปริ มือซึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนหน้าละออกมายกขึ้นมาจับไหล่บาง เรียกแรงรสะดุ้งเฮือกจากหญิงสาว เมื่อฝ่ามือหนาแตะบนบ่าของเธอ รัญนราจำต้องเงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าเข้มขรึมอย่างจำใจ “ท่านประธาน หักเงินเดือนดิฉันได้เลยค่ะ แต่อย่าไล่ดิฉันออกเลยนะคะ” เธอคิดว่าถ้าพูดแบบนี้น่าจะดีที่สุด ไม่อยากหาข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเห็นดวงหน้าคมเข้มไม่ตอบอะไร เธอเลยลงนั่งคุกเข่าแทบเท้าของชายหนุ่ม ก่อนจะเงยหน้าปากก็อ้อนวอนอีกฝ่าย ดลเทพมองดวงตากลมใสที่แหงนเงยขึ้นมองเขา ซึ่งเวลานี้สั่นไหวระริก เล่นเอาเขารู้สึกผิดแทบไม่ทัน เธอกลัวขนาดนี้เลยเหรอ? “ลุกได้แล้ว ฉันไม่ได้บอกว่าจะไล่เธอออกซะหน่อย อีกอย่างขนมที่นี่พนักงานกินได้อยู่แล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องสั่นขนาดนี้ด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดมากกับพนักงานขนาดนี้ อย่าว่าแต่คุยเลย ดลเทพแทบจะไม่เคยคุ้นเคยกับพนักงานระดับนี้อยู่แล้ว “ท่านประธานไม่เอาเรื่องดิฉันจริงๆ เหรอคะ?” ถามแล้วเม้มปากแน่น แต่พอดวงหน้าคมคายพยักหน้าว่าใช่ รัญนรารีบลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะมาแอบกินขนมแบบนี้เข็ดแล้วจริงๆ “งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” กล่าวจบไม่รอให้ชายหนุ่มอนุญาต เธอรีบชิงออกมาก่อน ดลเทพที่ยืนยังอยู่ในห้องเครื่องดื่ม ถึงกับส่ายหน้าเบาๆ ทำไม่ผู้หญิงคนนี้ซื่อแบบนี้นะ อำนิดอำหน่อยถึงกับสั่นเทา คิดแล้วมุมปากหยักยกยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เธอทำจานหล่น… จากนั้นร่างสูงใหญ่เดินออกไปจากห้อง เพื่อลงไปทานมื้อกลางวันที่ห้องอาหารตั้งอยู่ชั้นสองของตึก ….. หลังเลิกงานของใครหลายๆ คนคือการได้ไปเที่ยวพักผ่อนในสถานบันเทิงหรือไม่ก็ไปเดินเล่นในศูนย์การค้าเพื่อช้อปและกิน แต่สำหรับรัญนราแล้ว ความสุขของเธอคือการได้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเด็ก เพียงไม่นานก็กลับมาถึงบ้านสีขาวสองชั้นหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรมากว่าห้าสิบถึงหกสิบปีแล้ว บ้านหลังนี้ตกทอดมาจากคุณปู่ท่านยกให้เป็นของขวัญของพ่อในวันที่พ่อแต่งงานกับแม่ และยังเป็นสถานที่พักพิงตั้งแต่เด็ก แม้บ้านหลังนี้จะไม่ใหญ่มากเหมือนบ้านจัดสรรโครงการปัจจุบันที่ตัวบ้านขนาดใหญ่โตบางแห่ง หากแต่มันกลับเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นและความทรงจำของครอบครัวในสมัยที่พ่อแม่ยังอยู่ รัญนราพาตัวเองเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อจะได้เตรียมอาหารเย็นให้น้องชายกิน ทว่าทันทีที่เปิดประตูเข้ามาข้างใน ตากลมเบิกกว้างก่อนที่ร่างบางในชุดออฟฟิศจะถลาตัววิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนที่กำลังนอนซมอยู่บนพื้นไม้ “รวิ! เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ?” เสียงร้องตื่นตระหนกของพี่สาว ทำให้คนที่นอนผิดที่ผิดทางค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น “เปล่าครับพี่เมย์” ตอบด้วยน้ำเสียงแหบ และตอนนี้หนังตาเริ่มหนักอึ้งอีกครั้ง แล้วในที่สุดเปลือกตาก็ปิดตัวลงอีกครั้ง สร้างความตกใจให้คนเป็นพี่จนหัวคิ้วชนเข้าหากันแน่น จับประคองน้องชายคนเดียวที่ตอนนี้สีหน้าซีดกว่าทุกวันด้วยความเป็นห่วง “เอ๊ะ! ตัวร้อนจี๋เลยไม่สบายนี่!” รัญนราอุทานเสียงเคร่งละมือจากใบหน้าซีด จากนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าที่หล่นอยู่ข้างตัวเมื่อครู่ กดโทรเรียกแท็กซี่ทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นน้องชายเป็นแบบนี้ทำเอาหัวใจดวงน้อยอดหวั่นกลัวไม่ได้ ภาวนาขออย่าให้น้องชายเป็นอะไรเลย **************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม