เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในอาณาเขตบ้านชนานนท์หนูน้อยเกวลินตื่นเต้นออกนอกหน้านอกตาขยับกายออกจากแผ่นอกบิดากระโดดโลดเต้นปรบมือปรบไม้หัวเราะเอิ๊กๆ ใหญ่เลย
“ลุงวินกับอาข้าวหอมแน่เลยค่ะ”
“น้องเกวอย่ากระโดดแรงสิลูก เมื่อกี้หนูเหยียบโดนมือคุณพ่อ คุณพ่อจะเจ็บนะคะ” บอกลูกเสียงอ่อนโยนรวบร่างกลมเล็กมากอดพอหลวมๆ ยามมองลูกตาหวานปานนางฟ้าแต่พอยามมองสามีนั้นเมินเฉยเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“น้องเกวขอโทษค่ะคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อไม่เจ็บหรอกลูก”
จุ๊บแก้มลูกสาวด้วยรอยยิ้มที่ไม่เต็มปากนัก แววตาภรรยาเฉยชามาก เขาอยากโกรธ อยากงอน อยากน้อยใจแต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้รู้สึกไปก็เท่านั้นเพราะณิชาภัทรไม่ง้อเขาหรอก
คิดอย่างงอนๆ ลุกขึ้นแย่งยัยหนูลูกรักมากอดด้วยแขนขวาก่อนมือซ้ายจะเอื้อมไปฉุดเอาข้อมือบอบบางลุกขึ้นเดินตามออกมาข้างนอก ไม่รู้ไม่ชี้แสร้งว่าไม่สนใจ
“อย่าลืมที่คุณพ่อบอกนะคะ กอดลุงวินแน่นๆ ลุงวินชอบให้น้องเกวกอด”
“ค่า น้องเกวจากอดแน่นๆ แบบนี้”
กรรมตามสนองคนสอนแท้ๆ หนูน้อยเกวลินกอดรัดต้นคอบิดาแน่นหัวเราะเสียงใส ครั้งนี้กอดได้อย่างอิสระเพราะมารดาไม่ดุอะไรแถมยังแอบหัวเราะร่วมอีกด้วย
เอาเข้าไป เมียเขาลูกเขาสนุกกันใหญ่เชียว
ธนาตย์ไม่เอ่ยอะไรเพียงกระชับมือภรรยาแน่นขึ้นอีกจับมือพาเดินไปยังหน้าประตูไม้ขนาดใหญ่หน้าบ้านซึ่งข้าวหอมกับชวินทร์กำลังเดินเข้ามาพอดีข้าวหอมดูตื่นเต้นใหญ่รีบวิ่งเร็วในชุดนักศึกษาเข้ามาใกล้ยกมือไหว้ณิชาภัทรก่อนรีบโพลงเข้ากอดกันแนบแน่น
“พี่เอ๋ย! ข้าวหอมคิดถึงที่สุดเลย” ผละออกมามองหนูน้อยตาเป็นมัน “น้องเกวจ๋า ขออาข้าวหอมกอดหน่อยนะคะ”
ทำตาแป๋วขอน้องแต่นัยๆ คือขออนุญาตคนเป็นพ่อมากกว่า ครั้นธนาตย์ส่งน้องเกวมาให้ฐานิดาก็อุ้มมากอดรัดฟัดเหวี่ยงจุ๊บจนแก้มบางๆ ช้ำเกือบหมด
ณิชาภัทรยกมือไหว้พี่ชายของสามีซึ่งเขาก็รับไหว้แบบเก้งๆ กังๆ เพราะสองมือพะรุงพะรังถือกระเป๋าให้ฐานิดาเต็มสองมือ ยิ้มขำขันนักก่อนจะคุกเข่าลงข้างลูกกระซิบบอกหนูน้อย
“น้องเกวสวัสดีลุงวินกับอาข้าวหอมก่อนนะคะ ยกมือไหว้สวยๆ แบบที่คุณแม่เคยสอน”
“ค่าคุณแม่” มือป้อมเล็กพนมไหว้สวยๆ ย่อกายเล็กน้อยพร้อมฉีกยิ้มอวดฟันหลอ “ซาหวัดดีค่าลุงวินอาข้าวหอม น้องเกวรัก น้องเกวคิดถึงที่สู๊ดเลย”
“โอ๊ยๆ น่ารักอะไรอย่างนี้น้องเกวสุดที่รักของอา ขอกอดอีกหน่อยนะคะ มาให้กอดหน่อยเร็ว”
เสียงทุ้มของชวินทร์หัวเราะหึหึในลำคอเพียงเบาๆ แต่ธนาตย์ยืนใกล้นิดเดียวมีหรือจะไม่ได้ยิน มองภาพสองสาวหนึ่งเด็กหญิงเพลินตาเพลินใจก่อนเขาจะขยับเท้าเข้าใกล้พี่ชายอีกนิดพลางปล้องปากกระซิบ
“ข้าวหอมรักเด็กแบบนี้สายหื่นว่ายังไงพี่”
“หึหึ” แฉลบสายตามองน้องชาย กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างราชสีห์ “ไม่น่ารอด…”
สวนหน้าบ้านชนานนท์ถูกเนรมิตเป็นดั่งสรวงสวรรค์เตรียมพร้อมต้อนรับบรรดาญาติทั้งหลายที่อยากมาพบเจอณิชาภัทรกับหนูน้อยเกวลิน เสียงเปียโนจากเครื่องเสียงดังขึ้นไม่ขาดช่วงสร้างความเพลิดเพลินให้แขกในงานเลี้ยงได้ไม่น้อยไปกว่าอาหารรสเลิศ หนูน้อยถูกจับแต่งตัวสีขาวบริสุทธิ์มีปีกนางฟ้าน้อยๆ เดินเหินไปทางไหนผู้เป็นพ่อก็ตามประคบประหงมเก็บภาพไว้ในกล้องยี่ห้อหรูไม่แม้แต่จะสนใจดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ
“คุณพ่อขา ไม่ถ่ายรูป น้องเกวเหนื่อย” หนูน้อยยกมือขึ้นโบกสะบัดไปมาปีนป่ายขึ้นไปขึ้นบนหน้าตักมารดาแต่ท่านก็ยังตามมาถ่ายรูปตนเองจึงซบใบหน้าลงกลางอกมารดาหนี
“เอ๋ย…” เรียกภรรยานุ่มนวลรอคอยหล่อนหันมาเขาก็กดชัตเตอร์เก็บภาพความน่ารักของหล่อนยามกอดลูก กดดูรูปผลงานของตนเองแล้วส่งต่อให้นายแบงค์คนขับรถเอาไปเก็บ
หลังนายแบงค์โค้งกายเดินจากไปธนาตย์ก็นั่งลงเคียงข้างภรรยาโน้มใบหน้าเข้าใกล้เพื่อดูแก้มป่องๆ ของลูก
โซนนี้ค่อนข้างไกลจากผู้คนณิชาภัทรคงมานั่งหลบได้พักใหญ่แล้ว มิน่าล่ะเขาก็สงสัยเชียวว่าลูกสาวทำไมขยันเดินโชว์ตัวรอบงานที่แท้ก็เดินหาณิชาภัทรนี่เอง
“เหนื่อยเร็วจังคนเก่งของคุณพ่อ”
“น้องเกวไม่เคยออกงานไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้น่ะค่ะก็เลยเหนื่อยเร็ว หิวไหมลูก” ตอบสามีแล้วก็ถามไถ่นางฟ้าตัวน้อยดวงใจของแม่ แล้วนางฟ้าก็ตอบโดยส่ายศีรษะไปมาทั้งที่ยังซุกซบ
“ไม่หิวค่ะน้องเกวกินข้าวแล้ว”
“แล้วอ้อนเอาอะไรคะ”
“น้องเกวง่วงนอนค่ะคุณแม่”
“อดทนอีกนิดนะคะ อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงก็เลิกแล้ว”
“เอ๋ย ไม่ต้องให้ลูกอดทนหรอกถ้าลูกง่วงก็พาไปนอนเถอะ ทางนี้เดี๋ยวพี่จะบอกผู้ใหญ่ให้”
“แต่เอ๋ยว่ามันจะดูไม่ดีนะคะ ผู้ใหญ่เยอะขนาดนี้”
ณิชาภัทรยังลังเลเหตุกลัวจะถูกตำหนิเพราะผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานต่างอยากเจอหนูน้อยทั้งนั้น กระชับอ้อมกอดอุ้มหนูน้อยให้นั่งสบายมากขึ้น สงสารนัก นัยน์ตาแกจะหลับแหล่มิหลับแหล่ เพิ่งสองทุ่มเศษๆ แต่หนูน้อยกลับง่วงนอนซะแล้ว