เช้าวันต่อมา
เจ้าบ้านทั้งสองยังนอนไม่ตื่นทั้งคู่คาดว่าจะตื่นช่วงบ่ายๆ เพราะใช้เวลากลางคืนดูแลงาน ณิชาภัทรทำอาหารมื้อเช้าช่วยแม่บ้านและรับประทานอาหารกับลูกโดยไม่ได้รอตามคำบอกเล่าของแม่บ้านว่ามื้อเช้าของทั้งคู่คือช่วงหลังเที่ยง ทิ้งโน้ตแปะไว้บอกยิหวาจากนั้นก็อุ้มลูกขึ้นแท็กซี่พาออกมาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าตากแอร์เย็นๆ แต่ก็มาได้ครู่เดียวเท่านั้นน้องเกวตัวเริ่มร้อนเพราะอากาศเมืองไทยร้อนอบอ้าวต่างจากอากาศที่อเมริกามาก
“คุณแม่ขา คุณพ่อไปไหนเหรอคะทำไมไม่มาหาน้องเกว” หนูน้อยไม่ยอมหลับยังเฝ้าถามหาบิดา
“คุณพ่อไปทำงานค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่คุณพ่อจะมาหาน้องเกวคะ”
“อีกเดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมาหาน้องเกวแล้วค่ะรออีกนิดนะคะ ให้คุณพ่อทำงานเสร็จก่อน”
แววตาณิชาภัทรแฝงความเจ็บปวดดึงร่างเล็กของแก้วตาดวงใจมากอดแนบแน่น นัยน์ตาคู่ใสปรือๆ ทั้งแดงทั้งจะปิดแหล่มิปิดแหล่แต่ยังฝืนกายไว้อยากคุยเรื่องบิดา
“น้องเกวอยากหาคุณพ่อค่ะ”
“ตาจะหลับอยู่รอมร่อแล้วคนเก่งของคุณแม่นอนพักผ่อนนะคะไว้ตื่นนอนคุณแม่จะโทรหาคุณพ่อ น้องเกวจะได้อ้อนให้คุณพ่อกลับมาหาเร็วๆ ดีไหมคะ”
“ดีค่า น้องเกวคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลย” เด็กหญิงยิ้มแย้มแจ่มใสแม้ตัวร้อนรุ่มๆ ไม่สบาย
“คุณแม่เองก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ” ณิชาภัทรเฉลยความในใจเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบไม่อยากให้ใครได้ยินนอกจากลูกสาว “นอนนะคะ คุณแม่จะนอนกอดจนกว่าน้องเกวจะหลับ”
คุณแม่ยังสาวหาวิธีหลอกล่อลูกสาวจอมดื้อ น้องเกวถูกเขาเลี้ยงแบบตามใจมาตั้งแต่เกิดจึงไม่แปลกใจที่น้องเกวรักเขามากแล้วยังคอยบ่นคิดถึงทุกวันจนบางครั้งหล่อนก็น้อยใจลูก
บ้าจริง... เขารักลูกก็ดีแล้วจะไปน้อยใจทำไม หรือแค่น้อยใจเพราะเขาไม่เคยรักหล่อนแบบนี้บ้าง
ณิชาภัทรทิ้งความคิดพวกนั้นออกจากสมอง แบบนี้แหละดีแล้วเย็นชาใส่เขาแบบนี้น่ะดีแล้ว อย่าเผลอตัวเผลอใจไปรักเขาเลยแค่เท่าที่ผ่านมายังเจ็บไม่พออีกเหรอไง เจ็บปวดมากไม่ใช่เหรอที่ต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่พร้อมเพราะคนเลวคนนั้น
ผู้ชายอย่างเขามีพร้อมไปทุกอย่างยกเว้นคำว่า ‘พ่อ’ เขาไม่มีคุณสมบัติในข้อนี้เลยสักนิดจึงเป็นเหตุผลให้หล่อนทิ้งเขาและปฏิเสธการฉุดรั้งจากครอบครัวเขาแล้วเดินทางไปอยู่กับน้าสาวที่อเมริกา
แม้หลับแต่ปากแดงจิ้มลิ้มก็ละเมอหา ลูกรักเขามากขนาดนี้หากหล่อนทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้จะเป็นสิ่งโหดร้ายสำหรับเด็กที่โหยหาไออุ่นจากผู้เป็นพ่อไหมนะ ณิชาภัทรขยับกายลุกขึ้นจัดการดึงผ้าห่มขึ้นมามอบไออุ่นให้ร่างเล็ก
“น้องเกวหลับแล้วเหรอจ๊ะ”
ณิชาภัทรละสายตาจากวงหน้าเล็กของลูกสาวมองไปยังผู้มาใหม่อย่างเร็ว เบิกตากว้างเมื่อผู้มาใหม่คือมารดาของสามี
“คุณแม่! มาตั้งแต่ตอนไหนคะ”
คุณขวัญชีวาคลี่รอยยิ้มอ่อนหวานส่งให้ก่อนเดินเข้ามานั่งลงอีกฝั่งมองหน้าหลานรักด้วยความคิดถึง “ไม่ได้เจอไม่กี่เดือนน้องเกวโตขึ้นเยอะเลย มิน่าล่ะตาธันถึงเทียวบินไปหาทุกเดือนเพราะทนคิดถึงลูกกับเอ๋ยไม่ไหวใจจะขาดรอนๆ”
“เอ๋ยขอโทษนะคะที่มาก่อนกำหนดแต่ไม่เสียมารยาทไม่บอกให้คุณแม่รู้” ณิชาภัทรยกมือไหว้ เสียใจมากไม่คิดว่าเขาจะดึงหล่อนกลับบ้านโดยให้คุณขวัญชีวาเป็นคนกลาง
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแม่ไม่ได้โกรธอะไร เอ๋ยอยากมีเวลาส่วนตัวไว้คิดอะไรบ้าง แม่รู้ดีจ้ะ” ท่านเอื้อมมือมาลูบแขนลูกสะใภ้
“ขอบคุณคุณแม่มากค่ะที่เข้าใจเอ๋ย ตอนเที่ยงเอ๋ยพาลูกออกไปข้างนอกไม่ว่าอากาศจะร้อนขนาดนี้ น้องเกวตัวรุ่มๆ เอ๋ยก็เลยให้กินยาแล้วให้พักผ่อน รอดูอาการถ้าไม่ดีขึ้นถึงจะพาไปหาหมอค่ะ”
“จ้ะ ไว้รอตาธันเคลียร์งานเสร็จเห็นบอกจะรีบมาหา ถึงเวลานั้นเรากลับบ้านพร้อมกันนะหนูเอ๋ย พาน้องเกวกลับบ้านเรา”
ท่านตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง
“เอ่อ…”
ณิชาภัทรอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่กล้าเท่าไหร่นัก เคยแง่งอนใส่สามีมาตลอดคงยากหากต้องพูดจากันดีๆ เหมือนคู่ชีวิตคู่อื่น
การแต่งงานของหล่อนกับเขาเป็นไปเพื่อรับผิดชอบลูกที่เกิดขึ้นมาไม่ได้มีพื้นฐานมาจากความรัก
“ก่อนอื่นเอ๋ยมีเรื่องอยากเรียนให้คุณแม่ทราบค่ะ”
หญิงวัยกลางคนรู้ทันความคิดนั้นรวบมือบอบบางมาจับ “แม่รู้ แม่รู้ทุกอย่างจากคุณรัตนาแล้ว”
“แล้วคุณธัน…”
ณิชาภัทรหลุบสายตาลงมองลูกสาว
“ตาธันยังไม่รู้เรื่องแม่ไม่ได้บอก แม่อยากคุยกับหนูเอ๋ยก่อน” ท่านกลัวคำพูดของลูกสะใภ้มากรีบรวบมือบอบบางมาจับแน่น
“ถ้าหนูยังเคารพและไว้ใจแม่คนนี้ ขอให้เชื่อแม่อีกครั้งได้ไหม อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่เลยนะหนูเอ๋ย อดีตมันเลวร้ายแม่รู้แม่เข้าใจหัวอกของหนู แต่แม่อยากขอโอกาสให้ลูกชายของแม่อีกสักครั้งได้ไหม พี่ธันรักหนูมากนะแค่พี่เขาไม่ชัดเจนในคำพูดเท่าการกระทำ หนูอยู่ไกลมากงานพี่เขายุ่งแค่ไหนก็ไปหาหนูกับลูกเสมอ พี่เขาไม่เคยออกนอกลู่นอกทางสักครั้งแม่กับพี่ๆ ทั้งสองยืนยันได้”
ยังเชื่อใจคนใจร้ายคนนั้นได้อีกเหรอ?
ณิชาภัทรร้องถามตนเองอย่างนั้นน้ำตาเกือบไหลบ่าลง อยากแย้งแต่ก็รู้ว่าไม่ควรจึงยอมรับปากเพียงเพื่อไม่ให้ท่านเป็นกังวลใจในความดื้อรั้นของตนเอง