หลังเรียนจบเมื่อไหร่ขอรับประกันได้เลยว่าพี่ชายเขารุกหนักแบบรักจริงหวังแต่งแน่ งานนี้ไม่รู้จะเชียร์พี่ชายหรือฐานิดาดี สรุปขอไม่เข้าข้างใครแล้วติดแฮชแท็ก #ทีมเผือก ดีกว่าเพราะจะได้เกาะติดทุกสถานการณ์จากทั้งสองได้ตลอดเวลา
“คิดถึงแต่เรื่องคนอื่นแล้วตัวธันเองล่ะลูก อีกสามวันหนูเอ๋ยกับน้องเกวก็จะกลับเมืองไทยแล้วนะได้คิดไว้หรือยังว่าจะยังไงกันต่อ” ชีวิตคู่ของลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้คนแรกของตระกูลค่อนข้างไม่สดใส มีเมฆหมอกมืดมนปกคลุมแทบจะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ทั้งสองคนถึงจะมีความสุขสักที
“ผมคิดไม่ตกครับคุณแม่ คิดอย่างเอ๋ยก็คิดไปอีกอย่าง ผมไม่รู้เลยว่าเอ๋ยกลับมาเมืองไทยเพื่ออะไรกันแน่”
“ลองคิดหน่อยสิ”
“หย่า…”
“แล้วถ้าหนูเอ๋ยมาเพื่อขอหย่าจริงๆ ล่ะ ธันจะยอมไหม” คุณขวัญชีวาถามต่อและพยายามชี้นำเส้นทางให้ลูกชาย
“ไม่ครับ ไม่มีทาง” ส่ายศีรษะ
“คิดแบบนั้นแม่ก็โล่งใจ” ท่านถอนหายใจออกมา
“ธัน อะไรที่มันพังไปแล้วก็อย่าคิดย้อนกลับไปหามันเลยนะลูก หนูเอ๋ยกลับมาครั้งนี้ธันต้องดูแลน้องให้ดี อย่าทำให้น้องเสียใจอีก สร้างมันขึ้นมาด้วยมือให้ได้ ‘ครอบครัว’ สร้างมันให้เป็นของธันกับน้องนะลูก” คุณขวัญชีวาจับมือลูกชายอย่างให้กำลังใจ ยิ้มบางๆ รู้ว่าลูกชายกำลังอยู่ในช่วงชีวิตเลวร้าย
“ผมจะทำได้เหรอครับ”
ถามอย่างไม่มั่นใจเพราะณิชาภัทรใจแข็งมาก สองเดือนก่อนเขาบินไปหาที่อเมริกาหล่อนยังเมินใส่ทิ้งเขาให้นั่งเฝ้าหน้าประตูบ้านทั้งที่ตอนนั้นอากาศหนาวจนมีหิมะโปรยปราย
รักกันบ้างหรือเปล่า?
ทำไมถึงใจร้ายกับพี่นักนะเอ๋ย
คุณขวัญชีวายิ้มบางรู้สึกชอบใจคำถามนั้น โตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กเสมอในเรื่องความรัก
“แม่ว่าธันเปลี่ยนจากคำถามนั้นมาเป็นถามตัวเองก่อนดีไหมว่าธัน ‘รัก’ น้องหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่รักก็คืนอิสรภาพให้น้องแต่ถ้าคำตอบคือรักก็ต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจนทั้งคำพูดและการกระทำ ทำให้น้องเห็นทำให้น้องเชื่อเพื่อที่น้องจะได้กล้าเอาหัวใจมาฝากให้ธันดูแลอีกครั้ง”
หัวใจณิชาภัทรเจ็บช้ำมามากแล้วคงยากหากจะให้เปิดใจแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ต้องลองกันก่อนสักตั้ง
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมจะพยายามทำทุกทาง” ตอบหลังเงียบไปครู่ใหญ่ ยิ้มกว้างออดอ้อนกอดมารดาเป็นเด็กๆ
“จ้ะ ดึกแล้วไปพักผ่อนเถอะนะ” ลูบหัวไหล่ลูกชาย เอ็นดูไม่เคยเปลี่ยนแม้ลูกจะเคยทำนิสัยไม่ดีกับลูกสะใภ้ตนไว้มากแค่ไหน “แม่ดูละครต่ออีกสักตอนก็จะไปพักแล้วเหมือนกัน”
“ติดละครตามข้าวหอมสินะ หึหึ”
“รู้ดีอีก” ย่นจมูกใส่
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้มรู้เลยว่าฐานิดาเป็นคนพามารดาติดละครงอมแงมด้วยความที่เด็กซนเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ส่งท้ายด้วยการจุ๊บแก้มมารดาซ้ายขวา ชื่นใจที่สุด “ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
“จ้ะ ฝันดีนะจ๊ะ”
ท่านยิ้มอ่อนหวานมองตามแผ่นหลังกำยำจนสุดสายตา ตอนนี้เมฆหมอกกำบังชีวิตคู่ลูกอย่างหนา ภายใต้เมฆนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ขนาดเท่าภูเขาตั้งตระหง่าน เมื่อไหร่เมฆหมอกจางหายและกำแพงหัวใจพังทลายลงเมื่อนั้นแหละความรักจะปรากฏ
เสียงของตกดังมาจากห้องนอนของฐานิดาเรียกความสนใจจากธนาตย์ที่เพิ่งเดินพ้นหัวมุมบันไดมาได้ไม่กี่ก้าว คิดหนักกลัวจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นจึงลองเดินไปหน้าห้องพี่ชายยกมือเคาะประตูผ่านไปสักพักก็ยังเงียบกริบลองหมุนเข้าไปข้างในก็ไม่มีแม้แต่เงา ความคิดด้านมืดเริ่มปกคลุมสมองจึงเดินย้อนออกไปยังห้องนอนฐานิดาแล้วก็เป็นจริงเมื่อไม่กี่นาทีถัดมาเห็นพี่ชายเดินออกมาเพียงลำพังสีหน้ายิ้มระรื่นมีความสุขนักหนา
วินาทีแรกสองพี่น้องสบสายตากันแต่เพียงชั่วขณะเท่านั้นธนาตย์เลือกที่จะเดินกลับห้องนอนตนเองไม่พูดอะไร เรื่องมาถึงจนถึงป่านนี้แล้วปล่อยๆ ไปเถอะยังไงฐานิดาก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว เข้าไปในนั้นแค่ไม่กี่นาทีคงไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีหรอกมั้ง พี่ชายเขาอึดจะตายเวลาแค่นั้นถ้าจะทำจริงมันคงไม่พอหรอก
ตัดใจแล้วเดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่ที่มีความทรงจำร่วมกับณิชาภัทรเพียงไม่นานเพราะเขาในตอนนั้นบังคับหล่อนให้ย้ายไปนอนห้องเล็กทั้งที่หัวใจหล่อนบอบช้ำหนักแทบทนไม่ไหว เขาฝืนใจแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับหล่อนเพื่อแสดงความรับผิดชอบแต่ก็ยังทำตัวเหลวแหลกไม่เห็นแก่หน้าหล่อนสักครั้ง
ณิชาภัทรแบกรับเสียใจไม่ไหวจึงตัดสินใจทิ้งเขาแล้วย้ายไปอยู่กับน้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อคลอดลูกและเรียนต่อที่นั่นไม่ยอมพาลูกกลับเมืองไทยแทบจะไม่ยอมให้เขาได้เจอหน้าลูก ตอนนั้นเขารู้ใจตัวเองว่ารักภรรยาตีทะเบียนมากแค่ไหนจึงยิ่งทรมานหัวใจและเกลียดตัวเองที่เลวได้มากขนาดนั้นทั้งที่ควรตระหนักได้ว่าตอนนั้นหล่อนต้องเจ็บปวดมากกว่าเขาในตอนนี้เป็นพันๆ เท่า
ความทรงจำฉายย้อนกลับมา ไร้เสียงหัวเราะมีเพียงเสียงอาเจียนแพ้ท้องรวมถึงเสียงร้องไห้ของหล่อน
“ขอโทษนะเอ๋ย ที่ผ่านมาพี่ขอโทษจริงๆ เอ๋ยกลับมาครั้งนี้พี่จะดูแลเอ๋ยดูแลลูกดูแลครอบครัวของเราให้ดีที่สุด”
เสียงเขาสั่นมีน้ำตาซึมไหลผ่านหางตา มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องราวในอดีตแล้วเห็นแววตาเจ็บปวดของภรรยา นับจากวันแรกที่รู้ใจตัวเองมาถึงวันนี้รูปหน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปของณิชาภัทรกับลูกสาวเสมอ คิดถึงเมื่อไหร่ก็จะหยิบขึ้นมาดูและจูบเบาๆ ด้วยความรักอย่างทะนุถนอม