ชายหนุ่มประหม่าหัวใจเต้นแรง ครุ่นคิดก่อนส่ายศีรษะ
“ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น หลังบ้านเราล็อกแน่นหนาตั้งแต่หัวค่ำทุกวัน ขยับหน่อยพี่จะออกไปดูข้างนอกเอง”
ชายหนุ่มใช้วงแขนกำยำกอดรัดเอวคอดเล็กให้ถอยออกห่างจากประตู เดินออกไปข้างนอกเมียงมองไปทางโรงจอดรถเห็นเพียงแสงไฟสลัวๆ โอบล้อมเงาดำทะมึน
“มีใครในโรงรถไหมคะ”
“เห็นเงาน่ะไม่รู้ว่าคนหรือผี ออกมาช่วยกันดูสิ”
“งะ… เงาผีเหรอคะ ไม่นะ! ข้าวหอมกลัว” หญิงสาวรีบส่ายศีรษะปฏิเสธในวินาทีนั้น ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
“เงาดำทะมึนเชียว น่ากลัวสุดๆ เลยข้าวหอม”
คนพูดแค่แกล้งเฉยๆ แต่คนฟังนั้นขนลุกไปเรียบร้อย หลบหลังประตูทันควัน เร็วจนชวินท์แอบหัวเราะชอบใจก่อนหันมองไปที่เดิมชูมือเรียกน้องชาย ก็บอกแล้วว่านายธันกลับบ้านคุณแม่ก็ไม่ยอมเชื่อใช้ให้เขาออกมาดูอยู่นั่นคงคิดจะแกล้งเขาสินะ
หันกลับมามองคนตัวเล็กที่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่หลังประตูก็โผล่หน้าออกมาแอบมอง อมยิ้มน้อยๆ สาวเท้าเข้าไปหารอจังหวะหล่อนโผล่หน้าออกมาก็จ๊ะเอ๋เสียงดัง
“ผีหลอกกก!!”
“กรี๊ดดด!”
หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องเสียงหลงรีบวิ่งหนีเข้าไปบ้าน ชวินทร์ร้องเรียกตามหลังยังไงก็หล่อนไม่ยอมหยุดฝีเท้า “ข้าวหอม! ล้อเล่น! โธ่… ไปซะแล้ว ขวัญอ่อนจริงๆ”
“เล่นอะไร น้องตกใจหมดเลยเห็นไหมนั่น”
ธนาตย์มีสีหน้าท่าทางอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดเดินข้ามาทันเห็นเหตุการณ์พอดีก็ประท้วงการกระทำของพี่ชายอย่างอดไม่ได้
ชวินทร์ยกไหล่ขึ้นสูงใบหน้ายังมีรอยยิ้มกว้างเหมือนเดิม “แกล้งข้าวหอมสนุกจะตายใครใช้ให้น่ารัก แล้วนี่ไปไงมาไงถึงกลับบ้านได้ คุณแม่บ่นว่านายไม่กลับมาหลายวันแล้ว” ถามไถ่ตามปกติแล้วยกท่อนเขนขึ้นกอดคอน้องชายเดินเข้าบ้าน
“มีเรื่องเครียดครับก็เลยยังไม่อยากกลับบ้านให้คุณแม่ซักฟอก” การซักฟอกของคุณแม่ซักสะอาดยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าอีก คอยจี้ถามทุกอย่างทุกจุดเขาแทบจะไม่เคยมีความลับกับท่านได้เลย
“เรื่องเอ๋ยเหรอ”
“ครับ เอ๋ยไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลย”
“คิดถึงลูกเมียสินะ”
หัวเราะเยาะน้องชายเสียงทุ้มเหมือนสะใจนักหนา นึกถึงเหตุการณ์หลายปีก่อนที่มันปั้นหน้ายักษ์ในงานแต่งเคียงข้างกับณิชาภัทร มันช่างแตกต่างจากตอนนี้ซะเหลือเกิน
“อยากหัวเราะให้กรามค้าง ไหนตอนแรกนายบอกไม่รักไม่แคร์ไม่สนใจเอ๋ยแค่แต่งงานเพื่อรับผิดชอบลูกแค่นั้นไงวะ ไหงตอนนี้กลับผิดจากเดิม หลงรักเมียตัวเองแล้วอ่ะดิ”
“รู้ดีก็ยังจะพูดอยู่นั่นแหละ ไม่คุยด้วยแล้ว!!”
ธนาตย์ตะคอกใส่พี่ชายที่รู้เต็มอกแล้วยังจะมาพูดจี้ใจดำอีก หงุดหงิดมากไม่อยากคุยกับพี่ชายอีกแล้วจึงจับมือแข็งแรงออกแล้วเดินหัวเหวี่ยงเข้าไปในบ้านไม่สนใจเสียงหัวเราะของพี่ชายอีก
เดินเข้าในบ้านไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงใสเจื้อยแจ้วฟ้องคุณแม่เรื่องที่ถูกชวินทร์แกล้งให้ตกใจเมื่อสักครู่และคงเป็นคราวซวยของชวินทร์เพราะคุณแม่เข้าข้างฐานิดาสุดใจ พร้อมใจติดแฮชแท็ก #ทีมข้าวหอม เขายิ้มกับตัวเองก่อนเดินเข้าไปขัดบทสนทนานั้น
“สวัสดีครับสองสาวสวย ข้าวหอมฟ้องอะไรอยู่เหรอเสียงดังไปถึงข้างนอกเชียว” ท้ายคำเอ่ยถามแม่คนหน้าบึ้งที่อนาคตอันใกล้มีแววจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ของตนเอง
แหม ก็ดูพี่ชายคนรองของเขาสิตามใจฐานิดาเหมือนเป็นเจ้าหญิง ชี้นกได้นกชี้ไม้ได้ไม้ ตั้งแต่รับฐานิดามาดูแลเคยขัดใจกันสักครั้งหรือยังก็ไม่รู้ หมั่นไส้ไอ้คนเลี้ยงต้อย!
ฐานิดาหันไปมองและหลุดเสียงอุทาน “อุ๊ย! ไม่น่าเชื่อ คุณธันกลับบ้านแล้วค่ะคุณป้า กลับบ้านหลังจากไม่ได้กลับเกือบหนึ่งสัปดาห์” กะพริบตาปริบประกอบท่าทางแอคติ้งโอเวอร์นั้น
“อะแฮ่มๆๆ คิดถึงพี่ชายสุดหล่อคนนี้เหรอจ๊ะ” กระแอมกระไอไปต่อแทบไม่เป็นเลยทีเดียว ไม่วายแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวที่เปรียบเสมือนน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลชนานนท์
“เปล๊า!” ปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ด
“กลับบ้านมาแบบเหนือเมฆอย่างนี้มันแปลกๆ ไปนะ สงสัยวันนี้จะกินยาไม่เขย่าขวดใช่ไหมลูกรัก” คุณขวัญชีวาเหน็บ
“ข้าวหอมคิดว่าคุณธันอาจจะกินยาเม็ดก็ได้นะคะคุณป้า แบบว่ากินยาเม็ดแล้วลืมดื่มน้ำตามยามันก็เลยติดคอ ช่วงวินาทีที่ใกล้จะแดดีแดดีแด๊ดีแดก็เลยนึกขึ้นได้และคิดถึงบ้านขึ้นมา” เด็กดื้อตั้งข้อสันนิษฐานได้น่ารักมากจนเกือบถูกธนาตย์ตีดีที่ขยับไปชิดขอบโซฟาได้ทันเลยรอดหวุดหวิด
“เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวฟ้องให้พี่วินทำโทษซะหรอก คุณแม่ต้องปิดหูไว้อย่าไปฟังนะครับ ข้าวหอมใส่ร้ายผม”
“ข้าวหอมไม่ได้ใส่ร้ายคุณธันสักหน่อย”
ตอบเสียงแหลมขึ้นปลายจมูกสะบัดปลายคางใส่อย่างงอนๆ ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาพอมองดูเห็นเป็นผู้ปกครองตนเองเท่านั้นก็งอนหนักประกอบกับละครตัดเข้าช่วงโฆษณาพอดีจึงลุกขึ้นอวดร่างระหงในชุดนอนสีหวาน
“ข้าวหอมง่วงนอนแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะคะคุณป้าคุณธัน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” โปรยยิ้มหวานให้ทั้งสองคนก่อนเดินออกมาพร้อมสะบัดปลายคางเชิดใส่ชวินทร์เดินออกจากห้องโถงใหญ่ แล้วก็เป็นไปตามที่ทั้งสองคนคิดว่าชวินทร์ต้องรีบเดินตามไปง้อ
คุณขวัญชีวายิ้มค้างรีบหันมามองหน้าลูกชายคนเล็ก “ทั้งสองคนสรุปยังไงกันแน่ธันแม่งงไปหมดแล้ว กุ๊กกิ๊กเหมือนคนรักกันยังไงไม่รู้มีงอนมีง้อกันแทบทุกวัน”
“รักครับ” ธนาตย์ตอบยิ้มๆ เฉลยความจริงในมารดาฟังเป็นครั้งแรกหลังรับปากพี่ชายทั้งสองว่าจะช่วยรักษาความลับนี้ไว้จนกว่าข้าวหอมจะเรียนจบ อธิบายต่อ “พี่วินรักข้าวหอมข้างเดียว”
“อะไรนะ!!” ท่านดูตกใจมาก
“เท่าที่ผมสังเกตดูมานานข้าวหอมก็ไม่ได้แสดงออกว่าชอบหรือรักพี่วินไปมากกว่าในฐานะผู้ปกครองเลย ผมว่างานนี้พี่วินเตรียมอกเดาะย้ายไปอยู่เกาะแบบพี่คีย์แน่” พูดแล้วหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องตลก เรื่องของพี่วินน่ะตลกจริงแต่ของพี่คีย์โคตรจะดราม่าแทบไม่กล้าเอ่ยถึง ขืนเอ่ยให้ได้ยินมีหวังโดนเตะเลือดสาด
เรื่องราวของชวินทร์เป็นข้อตกลงระหว่างสามพี่น้องมีมานานหลายปีเริ่มจากพี่คีย์หรือชาครีย์จับพิรุธชวินทร์ได้ว่าแอบชอบฐานิดาก็เลยขอร้องให้รักษาสัญญาว่าจะเป็นสุภาพบุรุษจะไม่ทำอะไรให้น้องอึดอัดใจหรือเสื่อมเสียเกียรติจนกว่าน้องจะเรียนจบปริญญาตรี จากนั้นค่อยคืนชีวิตให้น้องแล้วค่อยรุกจีบ ถึงเวลานั้นน้องจะชอบกลับหรือเปล่าก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้
มันเป็นข้อตกลงที่โคตรจะทำให้ชวินทร์อึดอัดใจแต่ธนาตย์เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับความคิดของพี่คีย์ก็เลยได้แค่คอยช่วยดูทั้งสองคนให้อยู่ในระยะห่างที่เหมาะสมมาตลอด
ดีที่ชวินทร์เก็บความรู้สึกเก่งก็เลยแทบจะไม่หลุดแสดงพิรุธอะไรออกมา แต่พี่ชายของเขาจะทนเก็บอารมณ์ไปได้อีกสักกี่วันกันเมื่อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าฐานิดาก็จะเรียนจบแล้ว