“คือว่า…ตาอยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ” วาสิตาตัดสินใจบอกไปตามความจริง แต่สิ่งที่ได้บอกไปนั้นทำเอาอีกคนถึงกลับหน้าแดงจัด
“กะ…ก็ไปสิ! เธอมาบอกฉันทำไม”
“คือตาไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนน่ะค่ะ” ให้ตาย แล้วเธอคิดว่าเขาจะควรจะรู้รึยังไงกัน ทั้งๆ ที่ก็เคยมาเหยียบที่นี่ครั้งแรกด้วยกันทั้งคู่ อธิปคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะตัดสินใจกระชากต้นแขนของคนมากเรื่องให้เดินตามไปยังคนงานสาวที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เสริฟน้ำให้แก่แขก เขาเอ่ยปากถามทางไปห้องน้ำก่อนจะเดินจูงมือมาส่งเธอถึงที่
“ขอบคุณค่ะคุณปราณ” วาสิตากล่าวขอบคุณก่อนเด็กสาวจะหายเข้าไปในห้องน้ำนนานถึงสิบนาทีเต็ม จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเธอจึงเดินออกมาแต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่กำลังเลื้อยผ่านหน้ากันเข้าซะก่อนที่จะถึงตัวอีกคนที่กำลังยืนหน้าบึ้งรอกันอยู่…
“กรี๊ดดด! งู!!” หญิงสาวตะโกนลั่นก่อนจะโผเข้ากอดอธิปอย่างลืมตัว ซึ่งอีกฝ่ายแม้จะตกใจแต่ก็อ้าแขนรับร่างนุ่มนิ่มของเธอเอาไว้แน่น กะอีแค่งูเขียวตัวนิดเดียวแค่นั้นจะกลัวอะไรนักหนา
“นี่! มันไปแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขินยามเมื่อร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นผละตัวถอยห่างกันเหมือนเพิ่งได้สติ
“ตาขอโทษค่ะ”
“ฉันอยากได้อย่างอื่นมากกว่าคำขอโทษ”
“แล้วคุณปราณอยากจะได้อะไรละคะ”
“สักวันเธอจะรู้เองวาสิตาว่าฉันอยากจะได้อะไรจากเธอ” อธิปทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไปโดยมีวาสิตามองตามหลังไปติดๆ ด้วยความไม่เข้าใจ สักวันเธอจะเองอย่างนั้นเหรอ แล้วมันจะนานสักแค่ไหนกันแน่เธอถึงจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไรกันแน่…
10 ปีต่อมา
ร่างของคนสามคนค่อยๆ วางดอกไม้สีขาวลงบนหลุมศพของบุคคลอันเป็นที่รักอย่างพร้อมเพรียงกัน ปิ่นมณีร่ำไห้ขึ้นอีกครั้งเมื่อคิดถึงพ่อและแม่ของเธอที่ต้องมาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนตร์เมื่อห้าปีก่อน ในวันนั้นเธอจำได้ดีถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลที่รักไปพร้อมกันถึงสองคน ต่างจากอธิปพี่ชายที่แม้จะไม่มีน้ำตาให้ใครได้เห็นแต่ใครเลยจะรู้ว่าภายในของเขาเจ็บปวดเพียงใดที่จู่ๆ ต้องมาเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันแบบนั้น โดยที่ทั้งสองเหลือไว้ให้แค่ไร่ทานตะวันกับน้องสาวและคนงานนับร้อยที่เขาต้องดูแลสานต่อ
จากเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปในวันนั้นจำต้องพลิกผันตัวเองเป็นนายคนนับร้อยตั้งแต่อายุยังน้อย มันไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะพาตัวเองและน้องสาวมาจนถึงวันนี้ได้ และก็พากันผ่านมาได้ด้วยดีเสียด้วย
ส่วนวาสิตาเองก็เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆ พร้อมกับปิ่นมณี เธอเองก็ต้องอยู่กับการสูญเสียเมื่อแม่ที่เปรียบได้ดั่งญาติคนสุดท้ายมาด่วนจากไปหลังจากคุณท่านทั้งสองเพียงหนึ่งปี ทั้งสามคนจมอยู่กับความเศร้ามานานและคงยากที่มันจะห่างหายไปจากใจ
“น้องคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลยคะพี่ปราณ” ปิ่นมณีเอ่ยขึ้นพร้อมอิงแอบซบบ่าพี่ชายที่โอบกอดน้องสาวเอาไว้แน่น เมื่อไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากน้องสาว เขาจึงทุ่มเทความรักรักและเอาใจใส่เธอทุกอย่างเพื่อหวังว่ามันจะทดแทนความรักจากพ่อและแม่ไปได้บ้าง
“ไม่ร้องไห้สิปิ่น ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่เห็นน้องร้องไห้พี่จะถูกพวกท่านตำหนิเอาได้นะ เราสองคนต้องเข้มแข็งรู้ไหม พวกท่านที่อยู่บนสวรรค์จะได้สบายใจ” หญิงสาวที่เพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุครบยี่สิบห้าปีไปหมาดๆ พยักหน้ารับเบาๆ แต่ก็ไม่วายสะอื้นไห้อยู่เป็นระยะๆ
อีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันเท่าไหร่ วาสิตาเองก็ถือโอกาสมาเยี่ยมหลุมศพของแม่เธอด้วยเช่นกัน หญิงสาวค่อยๆ วางดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ ดอกไม้ที่แม่ของเธอเคยชื่นชอบมันมากเอาไว้พร้อมเอ่ยถาม…
“ตามาเยี่ยมค่ะแม่ แม่อยู่บนนั้นสบายดีไหมคะ ตาคิดถึงแม่นะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ พยายามฝืนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ให้ท่านได้เห็น ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ชีวิตของเธอถึงจุดเปลี่ยนมากมายจนบางครั้งเธอก็เคยคิดอยากจะตายตามแม่ไปอีกคนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอก็ทำลายชีวิตที่พ่อและแม่ให้มาด้วยความรักไม่ลงไปเสียทุกครั้งไป จำต้องยอมถูกสองพี่น้องข่งเหงเรื่อยมาโดยเฉพาะปิ่นมณีที่พอสิ้นบุญแม่ของเธอไปแล้ว ฝ่ายนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องรังแกกันไม่เว้นแต่วัน ยิ่งเมื่อทรงวิทย์ชายหนุ่มบ้านข้างเคียงพยายามเข้าหาเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งถูกลูกสาวคนเล็กของไร่แกล้งหนักมากขึ้นทุกวันโดยที่อธิปนั้นไม่เคยห้ามปามน้องสาวเลยสักครั้ง
อีกทั้งเขายังเห็นดีเห็นงามกับเธอมาโดยตลอด
“เสร็จรึยังยัยตา! ฉันกับพี่ไม่ได้มีเวลาทั้งวันมานั่งรอแกโศกเศร้าหรอกนะจะบอกให้!!”เสียงตวาดที่ดังขึ้นทำให้วาสิตาหลุดออกมาจากความคิดของตัวเองไปได้ในทันที ก่อนร่างระหงสมส่วนจะเดินเข้าไปหาปิ่นมณีพร้อมเอ่ยตอบอีกฝ่ายกลับไปเมื่อมาถึงจุดหมาย
“เสร็จแล้วค่ะคุณปิ่น”
“ดี! เรารีบกลับกันเถอะค่ะพี่ปราณ วันนี้ปิ่นนัดพี่วิทย์ทานข้าวกลางด้วยกันที่บ้านของเรา ส่วนแกคงรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง!” หญิงสาวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย เธอรู้ว่าตัวเองควรอยู่ให้ไกลเวลาที่ทรงวิทย์มาที่ไร่ แต่ที่ไม่รู้คือจะทำทนอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนมากกว่า เมื่อไหร่ถึงจะหลุดพ้น เมื่อไหร่มันถึงจะพอเสียทีกับการทนอยู่ให้คนใจร้ายพวกนี้รังแกกันโดยมีเพียงแค่คำว่าบุญคุณคุ้มหัว
“อืม กลับก็กลับ” อธิปรับคำน้องสาวอย่างว่าง่ายก่อนทั้งหมดจะพากันขึ้นรถกลับไร่โดยไม่มีใครคิดจะเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย
จนเมื่อถึงจุดหมายวาสิตาก็แยกตัวออกไปไกลๆ พยายามหาที่หลบเพื่อไม่ให่ทรงวิทย์ตามตัวเธอเจอ หญิงสาวเดินมาไกลก่อนจะเจอเข้ากับกระท่อมหลังน้อยหลังหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งรอให้คุณหนูปิ่นมณีทานอาหารกลางวันกับชายหนุ่มที่เธอหลงรักเสร็จสิ้น แต่ด้วยความอ่อนเพลียที่สะสมมาหลายวันทำให้ดวงตาคู่สวยกระพริบช้าลงก่อนจะปิดสนิทเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด…
อธิปที่ถูกน้องสาวไล่ออกจากบ้านด้วยเหตุผลบ้าบอว่าอยากจะอยู่กับคนรักหนุ่มที่มะโนขึ้นเอาเองสองต่อสองพาตัวเองเดินมาไกลถึงกระท่อมของตัวเองที่เขาสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ เขาไม่เคยอนุญาตให้คนงานคนไหนได้เข้ามา แต่ทว่าเมื่อมาถึงชายหนุ่มก็อ้าปากค้างกับภาพที่ได้เห็นก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดที่ตอนนี้มีใครบางคนกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ในเขตหวงห้ามของตัวเอง
“วาสิตา…” ทว่าปากที่ทำท่าจะตวาดด่าจำต้องหุบลงอัตโนมัตเมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้วพบว่าไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน นอกจากวาสิตาที่เพิ่งจะถูกปิ่นมณีน้องสาวของเขาไล่ออกมาก่อนหน้ากันไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง ว่าแต่ทำไมหล่อนถึงได้มานอนทอดกายให้ท่าอะไรกันที่นี่ได้…
ไม่สิ! ใครอนุญาตให้หล่อนมานอนในที่ที่ของเขากัน!
“นี่ตื่นเดี๋ยวนี้นะวาสิตา!” เสียงตะคอกที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ยันโตทำให้ร่างที่กำลังนอนหลับฝันดีสะดุ้งพร้อมดีดตัวยืนขึ้นอัตโนมัติด้วยความกลัว สิ่งแรกที่ได้เห็นคือใบหน้าบูดบึ้งของใครบางคนที่กำลังยืนกอดอกเหมือนกำลังไม่พอใจต่อบางสิ่งอยู่ และสิ่งนั้นคงเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัยไป ว่าแต่เขาไม่พอใจเธอด้วยเรื่องอะไรอีกนะรอบนี้
“คุณปราณ…”