“เธอกล้าดียังไงมานอนในกระท่อมของฉัน!” อธิปปาคำถามใส่หน้าทันทีที่แม่ตัวดีตื่นขึ้นมา แถมยังทำหน้าใสซื่อใส่กันอีกแล้ว มันน่านัก น่าลากเข้ากระท่อมแล้วสำเร็จโทษให้สาแก่ใจกันเสียจริงๆ เลย
“นี่คือกระท่อมของคุณปราณหรือคะ ตาขอโทษค่ะ ตาไม่รู้…” ว่ามันเป็นของๆ เขา เพราะหากรู้ก่อนเชื่อเถอะว่าเธอไม่กล้าเสี่ยงเฉียดเข้าใกล้มันแน่ๆ ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันทำแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าผลลัพธ์ที่จะตามมาทีหลังจะหนักหนาสาหัสเหมือนอย่างตอนนี้เวลานี้ยังไงล่ะ
“ใช่! ที่นี่เป็นที่หวงห้ามสำหรับคนนอก!” คำว่า ‘คนนอก’ ที่เขาใช้พูดนั้นเสียดแทงใจกันจนหญิงสาวต้องรีบออกตัวเดิน แต่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ต้นแขนของเธอกลับถูกกระชากจากด้านหลังเข้าอย่างแรง
“แล้วนี่จะไปไหน!”
“ตาไปจากที่นี่ค่ะ” วาสิตาตอบทั้งๆ ที่ยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่ คนอะไรเคยใจร้ายกับเธอยังไงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ใครอนุญาตให้เธอไปไหนไม่ทราบ! หรือคิดว่าจะมานอนในที่ของฉันแล้วจะเดินไปง่ายๆ คิดผิดแล้ววาสิตา! จ่ายค่าเสียหายมา!” วาสิตาตกใจจนพูดไม่ออกเพราะไม่รู้ว่าค่าเสียหายที่เขาว่ามันคืออะไร
“คะ…ค่าเสียหายเหรอคะคุณปราณ แต่ว่าตาไม่มีเงิน…”
“ถ้าไม่มีเงินก็จ่ายเป็นอย่างอื่นเสียสิ…อะไรก็ได้บนตัวเธอที่คิดว่ามันมีค่ามากพอที่จะทำให้ฉันพอใจ” คำพูดที่วกวนไม่เท่ากับสายตาหยาบๆ ที่ต้องมองกันขึ้นลงเหมือนจะพยายามสื่ออะไรบางอย่าง แม้จะไม่ประสาแม่วาสิตากลับรู้ได้โดยง่ายเลยว่าเขากำลังหมายถึงอะไร
“เปลี่ยนเป็นคำขอโทษแทนได้ไหมคะคุณปราณ ตาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ ถ้าคุณปราณไม่ชอบตาจะไม่มาที่นี่อีกค่ะ” หญิงสาวพยายามต่อรองแม้จะรู้ดีว่าคงยากที่มันจะสำเร็จโดยง่ายดาย เพราะคนอย่างอธิปลองเขาต้องการอะไรแล้วเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาอยู่ดี
“ไม่ได้! ตกลงจะจ่ายหรือไม่จ่าย!!”
“แต่ว่าตาไม่มี…”
“เธอมี! แถมยังมีมากเสียด้วย ถ้าไม่จ่ายฉันปล้นเอาเองแล้วนะตา!” สิ้นเสียงที่ดังก้องกว่าครั้งไหนๆ ร่างบอบบางก็ถูกตวัดเข้าไปในอ้อมแขนของคนตรงหน้าอย่างแรงก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแนบลงมาปิดกั้นเสียงร้องประท้วงน้อยๆ จนหมดสิ้น
วาสิตาพยายามดิ้นรนขัดขืนเต็มที่แต่กำลังอันน้อยนิดของเธอกลับเทียบไม่ได้เลยกับเรี่ยวแรงมหาศาลของคนใจร้ายที่กำลังปล้นชิงเอาจูบกันมาอย่างคนเอาแต่ใจ อธิปยังคงจูบเอาจูบเอาราวกับคนหิวโหยมานานแรมปีทั้งๆ ที่ความจริงแล้วนั้นข้างกายของเขามักจะมีสาวๆ เข้ามารุมล้อมอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ติดใจจูบนี้นัก ติดใจมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสมาจนถึงตอนนี้ความหอมหวานที่ยังคงติดปลายลิ้นอยู่ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยน มือหนาที่ว่างเว้นจัดการบีบแก้มคนดื้อดึงที่เม้มริมฝีปากเอาไว้ไม่ยอมให้เขาไปแทรกปลายลิ้นเข้าไปได้โดยง่ายอย่างแรงจนเธอเจ็บและเผลอเผยอปากออกเขาถึงได้ส่งปลายลิ้นเข้าไปตวัดหยอกเย้าปลายลิ้นน้อยๆ อย่างเอาใจ
“อื้อ” เสียงร้องเบาๆ ไม่อาจเรียกสติอะไรได้อีกต่อไป อธิปยังคงระดมจูบอยู่อย่างนั้นจนเมื่อเขาพอใจถึงได้ผละตัวถอยห่าง..
“จำไว้! ทีหลังอย่ามาที่นี่อีกถ้าไม่ได้รับอนุญาต ไม่งั้นจะโดยยิ่งกว่านี้!!” วาสิตาไม่รอให้คนใจร้ายได้พูดอะไรออกมาอีกหญิงสาวออกตัววิ่งทันทีที่เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอวิ่งมาไกลก่อนจะมาหยุดลงที่บ้านพักที่เคยอาศัยอยู่กับแม่แต่ตอนนี้ต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง
หัวใจดวงน้อยที่จนถึงตอนนี้ก็ยังเต้นรัวเร็วไม่ยอมหาย ทุกๆ สัมผัสของเขายังคงอยู่ทั้งๆ ที่เธอเองก็วิ่งหนีมาไกลจนถึงที่นี่แล้วแท้ๆ
“คุณปราณ…บ้าที่สุด!” เสียงหวานต่อว่าขึ้นเมื่อส่องกระจกแล้วพบว่าริมฝีปากของเธอตอนนี้มันบวมเบ่งอย่างน่ากลัว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย คนที่ตราหน้าว่าเกลียดกันอยู่บ่อยๆ ทำไมถึงได้ชอบจูบกันอยู่เรื่อยทุกทีที่มีโอกาสก็ไม่รู้
ทำไมกันนะ….
ทางด้านปิ่นมณีเองตอนนี้ก็กำลังมีความสุขอยู่กับแขกหนุ่มคนพิเศษของเธอในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ทุกคนถูกไล่ออกไปจนหมดไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของเธอเอง สีหน้าของทรงวิทย์ที่ดูอึดอัดทุกทีที่พบหน้ากันทำให้หญิงสาวหมายมั่นเอาไว้แล้วว่ายังไงซะวันนี้จะต้องทำให้เขาเป็นของเธอให้จงได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตามที เขาต้องเป็นของเธอ!
“พี่วิทย์ลองดื่มนี่หน่อยสิคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับรินน้ำหวานที่เธอแอบใส่บางสิ่งลงไปก่อนหน้า แม้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จะเป็นเรื่องผิดบาป แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้เขาไปสนใจผู้หญิงอื่น
“แก้วสุดท้ายนะครับน้องปิ่น พี่ต้องกลับไปดูแลที่ไร่ต่อ ทิ้งมานานแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะอาสาป้อนน้ำหวานให้มือให้เขาจนหมด เธอยิ้มเยาะก่อนจะเฝ้ารอเวลาให้ยานอนหลับออกฤทธิ์จนเมื่อแน่แก่ใจดีแล้วว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนถึงได้เรียกเอาคนงานที่จ้างมาเป็นพิเศษให้ช่วยกันพยุงเขาเข้าห้องนอนตัวเอง
“ทำงานดีมาก เอานี่ไปแบ่งกัน แล้วก็อย่าลืมที่ฉันสั่งด้วยล่ะ หุบปากของพวกแกสองคนให้สนิทถ้าไม่อยากเดือดร้อน!” คนงานหนุ่มสองคนพยักหน้ารับก่อนจะรับเงินและพากันเดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวได้อยู่กับชายหนุ่มที่เธอหลงรักมานานหลายปีตามลำพังในที่สุด
“พี่วิทย์บังคับให้ปิ่นต้องทำแบบนี้เองนะคะ…” ปิ่นมณีเอ่ยขึ้นก่อนจะเริ่มต้นจัดการถอดเสื้อผ้าของเขาออกทีละชิ้นๆ จนเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอจึงเริ่มหันมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองบ้างและล้มตัวลงไปนอนข้างๆ กับเขาเพื่อรอเวลาให้ใครสักคนมาเจอ และหลังจากนั้นมันจะเป็นหลักฐานชิ้นดีทำให้ทรงวิทย์ไปไหนจากเธอไม่พ้น เขาที่เป็นสุภาพบุรุษจะไม่รีรอที่จะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างแน่นอน!