บทที่ 8 ข้าสืบนางอย่างใกล้ชิด

1213 คำ
ชินอ๋องมองพระอนุชาที่อุ้มลูกแฝดคนโตของตนอย่างพินิจพิเคราะห์             “เจ้าเข้าหอกับนางด้วยหรือ?”             “เปิ่นหวางแค่นอนร่วมเตียง” น้ำเสียงราบเรียบนั้น ไม่บ่งบอกอารมณ์ภายใน อ๋องเก้าเป็นผู้ที่ยากจะคะเนอารมณ์แต่ไหนแต่ไรมา เขาดูสุขุมและมีความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง             แม้จะกล่าวได้ว่า อ๋องเก้านั้นสนิทกับจวิ้นอ๋องและชินอ๋องมากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ แต่ชินอ๋องกับจวิ้นอ๋องก็ยอมรับว่า ยากจะคาดเดาว่า เขาคิดสิ่งใดอยู่ จนกว่าอ๋องเก้าจะพูดออกมาเอง             “เจ้ารังเกียจนางหรือไม่?” พี่สะใภ้อุ้มแฝดหญิงคนเล็กสุดเดินเข้ามาใกล้             “ข้ารู้สึกเหมือนนางเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารัก”             “หือ!”             “ตัวนางใหญ่ ขาว และนุ่มนิ่ม น่าจับไปทุกส่วน เวลาเคลื่อนตัวก็ดูน่ามอง”             ชินอ๋องและพระชายาสบตากัน แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน             “นี่เจ้าพูดถึงพระชายาหรอกหรือ” ฟ่านซิ่วอิงขำน้องสามี ที่ทำหน้าตาคล้ายกำลังเอ็นดูสัตว์เลี้ยงยามพูดถึงพระชายาเอก “แล้วบรรดาชายาน้อยๆ ของเจ้าเล่า? ไม่ออกฤทธิ์หรือไร?”             “พวกนั้นน่ะหรือ พยายามไปหาเรื่องนางแล้ว แต่นางตัวใหญ่น่ากลัวถึงเพียงนั้น จึงได้แต่ถอยกลับมาตำหนัก”             ชินอ๋องอมยิ้ม “สถานการณ์วังอ๋องของเจ้า แปลกยิ่งนัก”             “ท่านอยากเป็นเช่นนั้นหรือเพคะ ชินอ๋อง” น้ำเสียงเข้มงวดของภรรยาทำเอาชินอ๋องหน้าเผือดสีเล็กน้อย             “มิได้ วังอ๋องของข้าวุ่นวายมากพออยู่แล้ว แค่เจ้าตัวยุ่งทั้งสี่ก็ยังไม่ค่อยจะได้นอน” สายตาที่ปรายไปทางภรรยานั้น คล้ายจะประท้วงว่า เวลาที่ได้ใช้บนเตียงสองต่อนั้นน้อยยิ่งนัก             ฟ่านซิ่วอิงกระพริบตาปริบๆ เป็นเชิงปรามพระสวามี เมื่อวานก็ยังกินนางเสียจนค่อนรุ่ง ที่นางยินยอมเพราะเห็นว่า ชินอ๋องอดทนช่วยเลี้ยงลูกแฝดทั้งสี่อย่างแข็งขัน มิคาดว่าพออนุญาตเท่านั้น เขาก็โหมแรงจนนางเหนื่อยอ่อน รอยามเข้ากลับค่ายพยัคฆ์เหิน งานของนางค่อยเบาลงหน่อย             “อ๋องเก้า ท่านระแวงนางหรือไม่?”             ท่านอ๋องมองหน้าพี่สะใภ้ นางช่างถามตรงใจเขา             “ตั้งแต่การลอบสังหารฮ่องเต้คราวนั้น ข้าก็สงสัยว่า อาจจะเป็นฝีมือของแคว้นเว่ย หรือไม่ก็ท่านอ๋องสี่ ฮองเฮาไม่น่าจะกล้าลงมือ”             “จวิ้นอ๋องส่งข่าวมาว่า อาวุธลับสี่แฉกนั่นเป็นของสำนักมืออสูร” ชินอ๋องวางโอรสให้กับแม่นมก่อนจะหันมาเอ่ยกับน้องชาย             “สำนักที่มีตัวตนแต่ไร้ร่องรอย”             “ใช่”             “ชินอ๋อง ท่านคิดว่าจะเกี่ยวกับแคว้นเว่ยหรือไม่?”             “ยากจะบอก ที่แน่ๆ เจ้าต้องจับตามองชายาหมีขาวของเจ้าให้ดี จะอย่างไรนางก็เป็นองค์หญิงของแคว้นเว่ย คนที่มาจากแคว้นที่แพ้สงครามย่อมรู้สึกเจ็บปวด และอยากจะแก้แค้น”             ชินอ๋อง หมิงจิ้นเหอ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหมิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม เขายังไม่ไว้วางใจในตัวองค์หญิงหานซู่ลี่นัก เขาส่งสายลับไปคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของผู้นำแคว้นเว่ยอยู่             “ท่านคิดว่า นางจะทำสิ่งใดได้บ้าง?”             “เรายังไม่รู้จักนางด้วยซ้ำ ข้าเคยได้ยินคนแคว้นเว่ยพูดว่า ในวังหลวงเลี้ยงดูคนประหลาดจำพวกหนึ่งที่มาจากเกาะไกลโพ้นทางตะวันออก มีวิชาแปลกประหลาดพรางตัวได้แนบเนียน วิ่งว่องไว ตัวเบาล้ำเลิศ ใช้ดาบสั้นคล่อง เก่งการรบประชิดตัว ที่สำคัญใช้อาวุธลับห้าแฉก”             อ๋องเก้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาหันไปมองพี่ชาย             “คนพวกนั้น ท่านหาตัวเจอหรือไม่?”             “พวกเขาจะอยู่เฉพาะในวังหลวงแคว้นเว่ยเท่านั้น มีจำนวนไม่กี่คน คอยปกป้องเฉพาะองค์หญิงหานซู่ลี่ ทว่าไม่ยอมออกจากเขตวังหลวง ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใด?”             “มิน่า! ท่านจึงไม่เตือนให้ข้าระวัง ท่านตรวจสอบกลุ่มคนที่ติดตามนางมาจากแคว้นเว่ยแล้ว ใช่หรือไม่?”             “ใช่ ไม่พบใครที่ดูผิดปกติ”             ฟ่านซิ่วอิงนึกสงสัยว่า คนที่ส่งยาของผีไร้หลุมจากแคว้นเว่ยมาให้นางนั้นก็เดินทางมาพร้อมขบวนเสด็จขององค์หญิงหานซู่ลี่ หรือว่า คนผู้นี้อาจจะเป็นคนที่ชินอ๋องพูดถึง             “คนกลุ่มนี้มีชื่อเรียกหรือไม่?”             “คนที่เคยพบเจอเรียกพวกเขาว่า นินจา”             คิ้วของอ๋องเก้าขมวดเข้า ช่างเป็นชื่อที่แปลกเสียนี่กระไร ฟ่านซิ่วอิงตกตะลึง นางเคยได้ยินหลางจิวหลิง เจ้าผีไร้หลุมสหายรักที่แคว้นเว่ยเล่าให้ฟัง นินจาเหล่านี้ปีนป่ายได้เก่งกาจ มีความสามารถในการปัดป่ายอาวุธคู่ต่อสู้ อาวุธลับหลายชนิด มีคาถาเฉพาะตัว แต่พวกเขามักจะหลบซ่อนและขโมยของมากกว่า             “หือ ข้าไม่เคยยินมาก่อน”             “ข้าก็เช่นกัน ใคร่อยากจะประฝีมือกับพวกเขาสักครั้ง” ชินอ๋องพยักหน้า เขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อเสียงก็สำนักนี้เป็นครั้งแรก “เล่ากันว่า พวกเขาหนีมาจากเกาะทางตะวันออก และข้ามหุบเขาแห่งความตายมาถึงแคว้นเว่ย องค์หญิงหานซู่ลี่ไปพบพวกเขาซ่อนอยู่ในวัดร้างจึงพาตัวมาอยู่ในวังหลวง”             ฟ่านซิ่วอิงรู้สึกตื่นเต้น นางอยากจะไปคุยเรื่องนี้กับองค์หญิงหานซู่ลี่นัก             “ข้ารู้ว่า มีบางคนอยากจะไปพบพระชายาของเจ้าแล้ว” ชินอ๋องปรายตามองดวงตาที่สั่นระริกของภรรยา เรื่องเช่นนี้อย่าให้อิงเอ๋อร์รู้จะดีกว่า ภรรยาของเขาเป็นคนชอบการผจญภัย หลายเรื่องที่ยุ่งเหยิง เขาเองก็รู้สึกว่า นางอาจจะมีส่วนพัวพันอยู่เบื้องหลัง ที่แน่ๆ นางเองเป็นคนร้ายกาจที่วางแผนหลอกล่อเขาจนติดกับดักต้องมาเป็นสวามีของนาง             “ชินอ๋อง ท่านให้หม่อมฉันไปเถิด ช่างน่าตื่นเต้นนัก!” พระชายาที่เว้นว่างจากการดูแลเจ้าสี่ตัวป่วนแล้ว ตรงเข้าไปกอดแขนพระสวามี นางยิ้มประจบหยาดเยิ้ม ใบหน้างดงามผุดผาดนั้นทำเอาชินอ๋องแทบใจละลาย “นะ เพคะ”             “เจ้าไปแล้ว ใช่ว่า องค์หญิงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง นี่เป็นความลับขั้นสุดยอดของแคว้นเว่ย กว่าจะสืบรู้ สายลับต้องใช้เวลานานนับปี” ชินอ๋องรวบตัวพระชายาไว้ในอ้อมกอด เกลี้ยกล่อมให้นางเปลี่ยนใจด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม             อ๋องเก้าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง สบตาพี่ชาย “เปิ่นหวางต้องทำอย่างไร นางจะถึงยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเล่า?”             ฟ่านซิ่วอิงหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ “หากเจ้าทำให้นางไว้วางใจได้ ย่อมจะได้รู้ความลับของนาง”             “ทางที่ดี ตอนนี้เจ้าคอยจับตามองคนของนางสิว่า มีผู้ใดพอที่จะเป็นนินจาได้บ้าง?”             อ๋องเก้าผุดลุกขึ้น เบาะแสนี้น่าสนใจ “ข้าจะไปตามสืบนางอย่างใกล้ชิด”             *********************      
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม