ปลายนิ้วเรียวใหญ่นั้นแตะโดนเนื้อบริเวณคาง ทำเอาองค์หญิงใบหน้าร้อนซู่ อาการแดงที่มีอยู่เดิม เพิ่มไปถึงใบหู ‘ท่านจะอยู่ใกล้เกินไปแล้ว’
“ทะ ท่านอ๋อง ออกไปนอกรถม้าก่อนเถิด หม่อมฉันรู้สึกตื่นเต้นอยากจะผายลมสักหน่อย” องค์หญิงข่มความอายเบือนหน้าพูดออกมา หาไม่แล้ว เขาอาจจะคิดเช็ดใบหน้าให้นางไม่จบไม่สิ้น
อ๋องเก้าจ้องหน้านาง “ข้าเปิดผ้าตรงช่องลมออกก็ได้ เดี๋ยวช่วยพัดให้เจ้าด้วย เจ้าอยู่ในนี้ขยับตัวไม่ถนัดมิใช่หรือ?”
‘ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง ขนาดข้าบอกจะผายลมแล้วแท้ๆ หรือว่า จะต้องลงมือทำอย่างจริงจัง’ หานซู่ลี่ข่มความรู้สึกกระดาก นึกอยากจะกำจัดให้เขาไปให้ห่างตนเอง
“เอาสิ!” ท่านอ๋องผงกศีรษะเล็กน้อย อนุญาตให้นางทำได้ เขาก็อยากรู้เช่นกันว่า ที่นางพูดว่า ตนเองจะผายลมนั้น นางจะทำจริงหรือไม่?
องค์หญิงเกร็งท้องอย่างแรง นางหน้าแดงเข้มกว่าเดิม เกิดมายังไม่เคยผายลมต่อหน้าใครมาก่อน ครั้นจะได้ทำครั้งแรกก็ต้องทำต่อหน้าพระสวามีที่อภิเษกสมรสเพียงในนาม นี่เป็นสถานการณ์ที่นางคิดว่า น่าอับอายที่สุดในชีวิต
“อืม....อา...” หานซู่ลี่ไม่สามารถผลักดันลมออกมาได้ นางนึกโมโหตนเอง
อ๋องเก้ามองใบหน้ากลมใหญ่ที่พองลมเข้าไปในกระพุ้งแก้มอย่างขำขัน เผลอยิ้มออกมา “ถ้าเจ้ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องพยายาม” ท่านอ๋องมองดูนางที่นอนในทางขวางบนรถม้า “เพื่อรักษาสมดุลให้รถ ข้าว่าเจ้าควรนั่งท่านี้จะดีกว่า” ท่านอ๋องเกร็งพลังดึงแขนนางสองข้างให้ตัวนางขยับขึ้นแล้วช้อนใต้รักแร้ให้นางนั่งเอียงไปตามทางยาวของรถ ส่วนตัวเองก็ไปนั่งซ้อนที่ด้านหลังนางโดยเอาร่างตนรองหลังให้
ท่านี้หากมองจากหน้าประตูรถม้าจะดูเหมือนท่านอ๋องนั่งกอดประคองนางจากด้านหลัง ใบหน้าราวเทพเซียนนั้นก้มลงใกล้แก้มอูมขององค์หญิง
“น้องหญิง เจ้าว่าท่านี้ดีหรือไม่?”
“............” หานซู่ลี่นิ่งอึ้ง ก้นของนางอยู่บนเบาะรองที่พื้น หลังนูนใหญ่พิงอกเขาโดยมีหัวเข่าของเขาขนาบร่างนางอยู่ซ้ายขวา แขนยาวเรียวแข็งแรงของเขาทาบอยู่บนท่อนแขนอ้วนใหญ่ของนาง ‘นี่มิใช่ ท่าที่ท่านนั่งกอดข้าอยู่หรอกหรือ?”
ความนุ่มนิ่มของเนื้อที่แขนและหลังขององค์หญิง ในยามรถม้าโยกตัว ทำให้อ๋องเก้ารู้สึกเพลิดเพลิน “อืม...เนื้อตัวเจ้าเด้งไปมาดีจริง”
“ท่านไม่หนักหรือเพคะ? หม่อมฉันอยากจะเอนหลังสักหน่อย” หานซู่ลี่คิดว่า นางต้องสร้างความวุ่นวายเยอะๆ ท่านอ๋องจะได้รำคาญ
“หากน้องหญิงเมื่อย ข้าจะนวดให้เจ้าเอง”
“มะ ไม่”
สายไปแล้ว อ๋องเก้าผู้มีใบหน้าเรียบเฉย ใช้มือที่มีเรียวใหญ่ค่อยๆ บีบมือขาวอวบอูมของนาง กำช้าๆ แล้วก็ปล่อย มือของเขาใหญ่มาก แรงบีบก็ดีกว่าซูเจินกับซูเมิ่งมากนัก นางรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อจนไม่อยากจะปฏิเสธ
“อืม....”
“เจ้ารู้สึกสบายตัวใช่หรือไม่?”
องค์หญิงพยักหน้าด้วยความเคลิบเคลิ้ม ท่านอ๋องค่อยๆ บีบนวดไล่มาจนถึงหัวไหล่ นับตั้งแต่ร่างกายนางเปลี่ยนแปลงขนาด นางก็มีอาการชาตามร่างกายง่าย จนต้องให้นางกำนัลทั้งสองนวดให้บ่อยๆ แต่ท่านอ๋องกลับนวดแล้วทำให้นางมีกำลังวังชามากที่สุด
“อือๆ ตรงนี้อีกนิด” องค์หญิงหลับตาพริ้ม สบายเนื้อสบายตัว เส้นตามหัวไหล่และต้นแขนที่เกร็งอยู่คลายออกไปได้มาก
‘อืม...ร่างกายนางช่างน่าบีบเล่น นี่บีบผ่านเสื้อผ้านะ ถ้าเป็นเนื้อจริงๆ น่าจะเพลินดี’ อ๋องเก้าคิดอยากจะบีบแขนของนางที่ไม่มีเสื้อผ้า จึงแสร้งย้อนไปบีบมืออวบอูมสองข้างอีกครั้ง ผิวเนื้อนางนุ่มลื่นละเอียด
“ท่านทำอะไรน่ะ?” แรงกดจิ้มที่มือ ทำให้หานซู่ลี่เริ่มได้สติ อ๋องเก้ากำลังใช้นิ้วเรียวของเขาจิ้มไปตามฝ่ามือของนาง ชายหนุ่มหงายมือนางข้างหนึ่งขึ้น มือหนึ่งประคองจากด้านหลังมือ แล้วใช้นิ้วอีกจิ้มลงไป
“น้องหญิง ผิวเนื้อเจ้า เวลากดลงลึกก็ยังเด้งขึ้นมาในสภาพเดิม น่าแปลกใจจริงๆ”
องค์หญิงหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธ ‘นี่เห็นข้าเป็นของเล่นหรืออย่างไร?’
“ถึงวังแล้ว พะยะค่ะ” องครักษ์ขับรถม้ากราบทูล เป่ยซูเจินกับเป่ยซูเมิ่ง นั่งรถม้าอีกคันตามมา
อ๋องเก้าเลื่อนมือสองข้างไปวางที่หัวไหล่อวบอ้วน “เจ้าค่อยๆ ขยับลง หรือจะให้ข้าช่วยเลื่อนตัวให้” เขาทำท่าจะซ้อนแขนสอดเข้าใต้รักแร้ของนาง
“มะ ไม่ต้องเพคะ หม่อมฉันลงเองได้”
ชายหนุ่มอมยิ้ม เมื่อเห็นเจ้าหมีขาวใช้มือค้ำพื้นค่อยๆ กระถดตัวออกไปหน้าประตูรถม้า องคหญิงกลัวสวามีจะคิดแตะต้องตัวนางอีก จึงรีบดีดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ท่านอ๋องยื่นสายรัดเอวให้นาง องค์หญิงผิวหน้าแดงซ่าน นางกำนัลและบ่าวไพร่หน้าวังหัวเราะกันคิกคักที่เสื้อผ้าขององค์หญิงหลุดลุ่ย
“ให้ข้าใส่ให้เจ้าจะดีกว่า” ท่านอ๋องยื่นแขนสองข้างโอบรอบเอวอ้วนของนาง เพราะเนื้อตัวของนางใหญ่ทำให้อ้อมกอดนั้นมีตัวนางอยู่แน่น ท่านอ๋องก้มหน้าลงเล็กน้อย ลมหายใจเป่ารดเหนือใบหู จนองค์หญิงขนลุกขนชัน เขาใส่สายรัดชุดให้นางเสร็จก็ยิ้มมุมปากน้อยๆ
“เสร็จแล้ว เช่นนี้ค่อยเรียบร้อยหน่อย”
คำพูดนั้นฟังแล้วสองแง่สองงามจนนางนึกอายคนรับใช้รอบข้าง จึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“ขอบพระทัยที่เมตตาพาหม่อมฉันไปตลาด เพคะ” นางคิดว่า อ๋องเก้าคงแยกกลับไปทำงานส่วนพระองค์
“ข้าอยากดูเจ้าปลูกผัก”
“หา!” นางผงะเล็กน้อย “ไม่มีสิ่งใดน่าดูเพคะ อากาศก็ร้อน พื้นดินก็สกปรก ยามนี้ยังปลูกไม่ได้เพราะเพิ่งตากดินไปเมื่อวานนี่เอง”
“เช่นนั้น เอาไว้เจ้าจะเริ่มปลูก อย่าลืมให้คนไปตามข้าด้วย”
ท่านอ๋องเดินนำหน้าพระชายาเข้าประตูวัง เฉินหนิงอวี่กับเว่ยอันฉีสองชายาที่ยืนดูอยู่หน้าระเบียงใหญ่ของตำหนักถึงกับบิดผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยความแค้นเคือง
“พวกเจ้าดูสิ! ท่านอ๋องกล้าพาหมีขาวตัวนั้นไปตลาด ช่างไม่อายผู้คนบ้าง ป่านนี้ในเมืองหลวงคงลือกันให้ทั่วว่า ทรงโปรดพระชายาหมีขาว ส่วนหญิงงามเช่นพวกเรากลับไม่แยแส”
เฉินหนิงอวี่เหลือบมองเว่ยอันฉี นางทั้งสองต่างปลงใจยุติศึกชั่วคราว นางต่างถือคติ ‘ศัตรูของศัตรูคือมิตร’ ที่เคยคิดว่า พระชายารูปร่างแบบนั้นคงไม่มีผลกระทบอะไรกับตน กลับกลายเป็นว่า ท่านอ๋องเก้าหันไปโปรดปรานนางอย่างยิ่ง
“เป็นเช่นนี้ เราสองคนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” ชายารองเว่ยอันฉีกระทืบเท้าเร่าๆ
นางอุตส่าห์ดีใจที่ท่านพ่อของนางใช้เส้นสายจนนางได้เข้ามาเป็นชายารองขององค์ชายเก้า หนึ่งในหนุ่มรูปงามของราชวงศ์หมิง แม้พระองค์จะมีใบหน้าเฉยชาอยู่เป็นนิจ ซ้ำยังไม่ค่อยสนทนากับผู้ใด แต่รูปร่างสูงสง่า อกผายไหล่ผึ่ง เอวสอบ และใบหน้าคมสันหล่อเหลาของพระองค์นั้น ล้วนอยู่ในความใฝ่ฝันของหญิงสาวทั่ว เมืองหลวง เมื่อนางได้เข้ามาวังในฐานะชายารองแล้ว กลับไม่มีโอกาสได้แตะแม้ปลายเล็บของพระองค์ ช่างน่าช้ำใจนัก!
**********************
ไรท์แนะนำ....อีบุ๊กทุกเล่มมีจำหน่ายที่ mebmarket.com