ยามเซินแล้ว บรรดาบริวารตำหนักหมีขาวล้วนเตรียมตัวเพื่อปลูกผักกาดกวางตุ้ง เป่ยซูเมิ่งเติบโตมาจากชานเมือง นางจึงเคยปลูกผักมาก่อน นางให้เหล่าบ่าวรับใช้ขุดแปลงโดยทำร่องน้ำด้านซ้ายและขวาเพื่อจะได้วิดน้ำรดผักได้ง่าย แปลงผักค่อนข้างกว้าง ก่อนปลูกทำการตากดินทิ้งไว้สองวัน แปลงที่ขุดขึ้นมีขอบสูงเพื่อขังน้ำไว้ในแปลง
องค์หญิงหานซู่ลี่ในชุดทำงานสวมกางเกงและเสื้อสีน้ำเงินผ้าเบาแต่ไม่บาง เพื่อระบายความร้อนได้ง่าย นางก้มลงโรยเมล็ดผักไม่ได้เพราะช่วงลำตัวที่เทอทะเกินไป จึงใช้ที่วิดน้ำก้านยาว วิดน้ำใส่แปลงผัก
“องค์หญิงเพคะ ท่านอ๋องเสด็จ” นางกำนัลที่อยู่หน้าตำหนักวิ่งมารายงาน
“หา! เขาจะมาทำไมกัน? เปิ่งกงกำลังทำงานสกปรกเลอะเทอะอยู่” หานซู่ลี่บ่นกระปอดกระแปด ธรรมเนียมของวังนั้นต้องพินอบพิเทาอ๋องเก้าอย่างยิ่ง หากพระสวามีมาหา นางจะต้องอยู่ในชุดกรุยกรายสวยงามเพื่อรอต้อนรับ
หากแต่ร่างสูงเพรียวในชุดสีฟ้าปักลวดลายสีทองสวยงาม กลับเดินลิ่วนำหน้าองครักษ์มาถึงตัวนางแล้ว
“น้องหญิง เจ้าลงทุนปลูกเองเช่นนี้ ผักคงงามยิ่ง” องค์หญิงอยากจะเหลือบตาขึ้นมองบนท้องฟ้า ‘ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่ขี้เหนียวเบี้ยหวัดกับข้า ทำให้ข้าต้องมาทำงานเองงกๆ เช่นนี้’
หากแต่ปากกลับตอบออกไปอีกอย่าง “ขอบพระทัยที่ทรงชื่นชม แต่ว่าเหล่าบ่าวเพิ่งเริ่มโรยเมล็ดพันธุ์และรดน้ำ ยังไม่รู้ว่าจะงอกหรือไม่เพคะ” นางกระแทกกระทั้นเสียงเล็กน้อย ปากเล็กอวบอูมขยับขึ้นลง “ท่านอ๋องเชิญไปจิบน้ำชารอที่ตำหนักก่อนเถิด กว่าจะเสร็จงานคงอีกนานเพคะ”
คิ้วเข้มขมวดเข้าเล็กน้อย ดวงตายาวรีสีน้ำตาลเข้มจับจ้องมองร่างอ้วนใหญ่ “เปิ่นหวางอยากดูเจ้าทำงาน เห็นน้องหญิงลงมือเอง คงจะลำบากยิ่ง”
“เช่นนั้นเชิญไปนั่งที่ศาลาด้านโน้นเถิดเพคะ” นางลอบถอนใจเบาๆ ‘วุ่นวายจริงๆ เลย ข้าจะทำงาน ไม่รู้ตามมาทำไม?”
อ๋องเก้าเดินไปยืนมองนางอยู่ในศาลา เขาเพิ่งเห็นว่า นางวิดน้ำด้วยท่าทางคล่องแคล่วกว่าที่คาด แม้ทางเดินริมแปลงผักจะแคบแต่นางกลับเดินไปกลับโดยไม่ตกลงไปในร่องน้ำเสียก่อน
เป่ยซูเจินกับเป่ยซูเมิ่งเก็บความข้องใจเอาไว้ นางสองคนคิดว่า ท่านอ๋องเก้าคิดจะมาจับผิดจึงไม่ได้ยินดีนัก “เจ้าบอกพวกเราให้ระวังตัวด้วย”
หลังจากที่องค์หญิงเข้ามาอยู่ในวังนี้ ก็ลอบให้คนสนิทจากแคว้นเว่ยหลายคนปะปนเข้ามาในกลุ่มสาวใช้และบ่าวรับใช้ที่ขายตัวทำงาน คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตำหนักหมีขาวแห่งนี้จึงเป็นคนแคว้นเว่ยเสียส่วนใหญ่ สำหรับคนแคว้นหมิงนั้น เป่ยซูเจินจะจัดให้ทำงานที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับองค์หญิงเช่นตักน้ำ หาบฟืน ดูแลส้วม และทำครัว นางกำนัลทั้งสองระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง
จวบจนตะวันตกดิน เหงื่อไคลโซมกาย ใบหน้าอวบอูมขององค์หญิงหานซู่ลี่เป็นสีแดงจัดตลอดใบหูและลำคอ
“เจ้าเหนื่อยมากหรือไม่?” อ๋องเก้าเป็นคนรักสะอาด เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ตรงเข้าไปประชิดซับเหงื่อให้นาง
องค์หญิงผงะเล็กน้อย “ขอบพระทัย เพคะ หม่อมฉันตัวเหม็นเหงื่อขอตัวไปอาบน้ำก่อน”
“ข้าจะไปช่วยดูแลเจ้า”
หานซู่ลี่ถึงกับตาเหลือก “ชะ ช่วย อะไรเพคะ?”
“ช่วยสั่งให้บ่าวรับใช้รีบเตรียมน้ำให้เจ้าอย่างไรเล่า? หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าช่วยอาบน้ำให้” อ๋องเก้ารับสั่งด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน องค์หญิงถึงกับหน้าม้าน นี่มิดูเหมือนว่า นางอยากให้เขาช่วยอาบน้ำให้หรอกหรือ? ‘ร้ายนักนะท่านอ๋อง พูดจาให้ข้าเข้าใจผิดอยู่เรื่อย’
“มิได้ เพคะ” นางไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร ได้แต่เดินหน้าแดงหนีความอับอาย ต่อหน้าองครักษ์ทั้งสองของเขา ยังกล้าทำให้นางขายหน้าอีก
อ๋องเก้าเดินมือไพล่หลังอมยิ้มตามหมีขาวของตนเองไป ร่างใหญ่ที่เดินกระเพื่อมอยู่ข้างหน้าดูน่ารักนัก ท่านอ๋องถือวิสาสะเดินตามนางเข้าไปในห้องบรรทม
“ห้องของเจ้าใหญ่ดีจริง สมแล้วที่ข้าสั่งให้ช่างทำเป็นพิเศษ” เขาเดินวนเวียนไปดูรอบห้องอย่างพึงพอใจ แล้วไปชะโงกดูอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ใบนั้น “เปิ่นหวางได้อาบน้ำในอ่างนี้ครั้งเดียวในคืนเข้าหอสินะ”
องค์หญิงทำปากจู๋พ่นลมอยู่ที่เตียง ในใจก็ภาวนาให้เขาเดินออกไปเสียที หากแต่ชายหนุ่มก็ยังคงเดินชมข้าวของในห้องไม่ลดละ จนนางอดรนทนไม่ไหว
“ท่านอ๋องเพคะ ไปรอที่ห้องโถงเถิด หม่อมฉันขออาบน้ำก่อน”
“หือ...ทำไมต้องออกไปด้วยเล่า? ข้าเป็นพระสวามีของเจ้า มีสิทธิ์จะรออยู่ในนี้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มรูปงามเลิกคิ้วข้างหนึ่ง พลางไขว้มือไว้ข้างหลัง เดินเข้ามาใกล้ องค์หญิงรีบยื่นมือออกไปยันหน้าอกเขาไว้
“อยู่ก็อยู่เพคะ เช่นนั้นโปรดรอที่เตียงเถิด”
ฉากกั้นอาบน้ำในห้องนี้มีขนาดใหญ่ ฟ้าภายนอกมืดสนิทแล้ว นางกำนัลทั้งสองจึงเข้ามาจุดเทียนไขใหญ่ให้ห้องสว่าง รอบตำหนักก็จุดไต้ให้แสงวับวาว
ซูเจินกับซูเมิ่งเป็นหญิงร่างใหญ่จึงยืนบังอยู่หลังฉากในขณะที่องค์หญิงถอดเสื้อผ้าหย่อนร่างลงในถังไม้ ทั้งสองช่วยกันขัดสีฉวีวรรณองค์หญิงอย่างบรรจง น้ำอาบที่โรยกลีบดอกไม้และใส่น้ำอบกลิ่นหอมฟุ้ง
“เขาไปหรือยัง?” หานซู่ลี่แกล้งถ่วงเวลาเพื่อให้อ๋องเก้าเหนื่อยหน่าย
“ยังนั่งอยู่ที่เดิม เพคะ” ทั้งสองกระซิบกระซาบกันแผ่วเบา “น้ำจะเย็นแล้วขึ้นเถิดองค์หญิง”
เป่ยซูเจินเดินออกไปเลือกชุดนอนให้องค์หญิง ส่วนเป่ยซูเมิ่งก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนไม้ริมผนังห้อง ท่านอ๋องเก้าเพิ่มปราณซัดฝ่ามือให้เทียนไขในห้องดับจึงเหลือเพียงเทียนไขที่ตั้งไว้หลังฉากอาบน้ำ เรือนร่างอ้วนใหญ่ที่เปลือยเปล่าจึงปรากฎบนฉากใหญ่สีขาวอย่างชัดเจน
เป่ยซูเจินที่เดินกลับมาเห็นถึงกับร้อง “ว้าย! องค์หญิง” นางรีบวิ่งเข้ามาบังฉากไว้ ส่วนซูเมิ่งก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันตัวองค์หญิงพอดี
เสียงหัวเราะพอใจที่ดังมาจากเตียงนอน ทำเอาหานซู่ลี่หน้าม้าน นางมองเห็นฉากสีขาวใหญ่มีเงาร่างของตนเองทาบอยู่ก็ร้อนปรี๊ดทั่วหน้าจนถึงใบหู ‘อีกแล้ว เรื่องทำข้าขายหน้าบริวาร คงเป็นเรื่องสนุกมากสินะ’
เมื่อร่างกายของนางใหญ่ขึ้น แน่นอนว่า หน้าอกของนางก็ใหญ่ขึ้นด้วย ยามนางยืนเอียงด้านข้าง ในฉากนั้นย่อมปรากฎขนาดหน้าอกที่ขยายใหญ่ยื่นออกไปชัดเจน
‘ฮึ่ม! อ๋องเก้าคนนี้ คงมิใช่ผู้ที่อยากมีอายุยืนยาวเป็นแน่’ หานซู่ลี่คิดว่า หากนางไม่ได้จัดการคนผู้นี้อย่างใดอย่างหนึ่ง นางมิสมควรเป็นองค์หญิงหานซู่ลี่อีกต่อไป
“พวกเจ้าออกไปก่อน ซูเจิน ซูเมิ่ง”
************************