บทที่ 2 พวกหนูเป็นใคร ลุงยังไม่มีลูก (1)

1755 คำ
เมื่อถึงเวลาต้องจากลูกคินน์รู้สึกวูบโหวงในอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไปเพราะมันคืองานสำคัญ สองแฝดรู้ว่าพ่อจะไม่มาหาหลายวันก็เกิดอาการงอแงบอกไม่อยากให้พ่อไป ปกติสองหนุ่มน้อยไม่เคยแสดงอาการอย่างนี้ทำให้คุณพ่อแทบอยากจะยกเลิกทุกอย่างแล้วมาอยู่กับลูกแทน “พ่อจ๋าจะคิดถึงพี่ลูกกับน้องจั๊มไหมคับ” เด็กชายรูปหล่อตากลมโตสอบถามด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะเอามือน้อยๆ ไปจับหน้าพ่อให้สบตากัน “คิดถึงแน่นอนครับ เดี๋ยวพ่อว่างแล้วจะโทรมานะครับ” บิดาพยักหน้าจริงจัง ขนาดยังไม่ได้ไปเขาก็คิดถึงลูกใจจะขาด “น้องจั๊มจะคิดถึงพ่อจ๋าทุกวัน คิดถึงเท่าฟ้าเลย” ลูกชายคนเล็กวาดแขนไปกลางอากาศประกอบคำอธิบายทำให้ผู้ใหญ่พากันหลุดขำ รวมถึงเลขาของคินน์ที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่ต้องยอมแพ้ให้กับความน่ารักของคุณหนูน้อย “พ่อจ๋าก็เหมือนกัน พ่อต้องไปแล้วลูกเดี๋ยวพ่อจะซื้อของเล่นมาฝากนะครับ” คินน์เอามือไปลูบหัวลูกชายทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่ น้ำปั่นเห็นคินน์หอมแก้มลูกไปมาก็อยากให้เขาทำกับตัวเองบ้าง แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกแค่เขาคุยด้วยก็บุญแล้ว “เอาเยอะๆ ได้ไหมคับ น้องจั๊มอยากได้เยอะๆ เท่าภูเขา” “พี่ลูกเอาด้วย พ่อจ๋าคับพี่ลูกอยากได้เหมือนกัน” “โอเคจัดไปครับลูก ผมไปก่อนนะคุณ ถ้ามีอะไรให้โทรไป ติดต่อผมไม่ได้ให้ติดต่อกรณ์” “ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณคินน์ไม่ต้องห่วง น้ำจะดูแลลูกเป็นอย่างดี” “ก็ลองคุณดูแลลูกของผมไม่ดีสิ เราได้เห็นดีกันแน่” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงห้วนติดดุทำให้ลูกชายที่ฟังอยู่ไม่พอใจ เติมรักจำได้แม่นแม่เคยบอกว่าเวลาคุยกับคนอื่น เราต้องพูดดีๆ อย่าใช้เสียงหมาเห่า “พ่อจ๋าดุแม่จ๋าทำไมคับ ไม่น่ารักเลย” เด็กชายฉลาดเกินวัยเอามือขึ้นมากอดอก แล้วต่อว่าบิดาอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้าจริงจังเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังดุเด็กดื้อไม่มีผิด คินน์ถึงกับหน้าเหวอ รีบแก้ตัวจนลิ้นแทบพันกัน “เอ่อคือ พ่อจ๋าไม่ได้ดุแค่บอกเฉยๆ” “พ่อจ๋าไม่ต้องห่วง น้องจั๊มจะดูแลพี่ลูกกับแม่จ๋าให้เองคับ” “ไม่ได้สิน้องจั๊มเป็นน้อง ต้องให้พี่ลูกเป็นคนดูแล” “ไม่เอาน้องจั๊มจะดูแลเอง” “ไม่ทะเลาะกันครับ ช่วยดูแลกันและกันเข้าใจไหม” “คับพ่อจ๋า” / “คับน้องจั๊มตกลง” “คุณคินน์อย่าลืมโทรกลับมาหาพวกเรานะคะ” น้ำปั่นย้ำอีกครั้งกลัวคินน์ไปถึงโน่นแล้วจะลืมเธอกับลูก ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่รถ โดยมีสายตาของสามแม่ลูกมองตามด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ จนกระทั่งรถแล่นลับสายตาคุณแม่จึงชวนลูกแฝดกลับเข้าไปในบ้าน ไปเล่นของเล่นชิ้นใหม่ที่บิดาซื้อมาให้เมื่อวาน สองแสบตาลุกวาวลืมเรื่องก่อนหน้าไปเสียสนิท รีบวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความรวดเร็ว น้ำปั่นนั่งมองลูกชายเล่นได้เพียงครู่เดียวโทรศัพท์ก็มีสายเข้าซึ่งเป็นสายจากมารดา เธอนั่งมองอย่างชั่งใจจะรับดีหรือไม่ทว่าสุดท้ายก็ต้องกดรับ อย่างไรเสียท่านก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดถึงจะไม่ค่อยลงรอยกันก็เถอะ “ฮัลโหลแม่ โทรมามีอะไร” หญิงสาวกลอกตามองบนหลังจากตั้งคำถามใส่มารดา ท่านจะไม่ติดต่อมาถ้าชีวิตไม่ลำบาก ถ้าให้เธอเดาคงไม่พ้นเรื่องของสามีใหม่หรือลูกติดสามีใหม่ ไอ้สองคนนั้นมันคือตัวก่อปัญหา “มึงไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมกูบ้างเหรออีน้ำ” จิตราเป็นแม่ประเภทที่ใช้คำพูดหยาบคายกับลูก ชอบจิกกัดเรียกชื่อลูกไม่ดีไม่เป็นมงคลขึ้นมึงขึ้นกูตลอด น้ำปั่นได้ยินมารดาเรียกจนชินจึงไม่อยากสนใจ เรียกไปเถอะจะไอ้จะอีเอาที่แม่สบายใจแต่เธอจะไม่ทำกับลูกของตนเองเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าคำพูดของแม่มีผลต่อการเติบโตของลูก “แม่อยากให้หนูกลับไปเหรอ กลับไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ ต่างคนต่างอยู่แบบนี้ดีแล้ว โทรมาหาหนูแค่นี้ใช่ไหม หนูจะได้วางสาย” กี่ปีแล้วที่เธอไม่ได้เจอท่าน ถามว่าคิดถึงไหมบอกตามตรงว่ามีบ้าง ตั้งแต่เธอออกมาจากบ้านหลังนั้นก็ไม่เคยกลับไปเหยียบอีกเลย และสาบานจะไม่กลับไปอีกเด็ดขาดจนกว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตาย “เดี๋ยวสิ ตอนนี้พ่อมึงกำลังลำบากเรื่องเงิน มึงพอจะมีให้บ้างไหม กูยืมก็ได้” จิตราเข้าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม สามีมีปัญหาเรื่องเงินจึงไปขอกู้หนี้ยืมสินจากเจ้าหนี้นอกระบบซึ่งตอนนี้คิดดอกแพงมาก ถ้ามีเงินมาจ่ายตนเองกับสามีจะได้เดือดร้อนน้อยลง “ไม่มี ถึงมีก็ไม่ให้ อีกอย่างไอ้แมงดาแบบนั้นไม่ใช่พ่อของหนู” น้ำปั่นเอ่ยอย่างเดือดดาล เธอบอกมารดาไม่รู้กี่ครั้งว่าอย่ายัดเยียดผู้ชายคนนั้นให้เป็นพ่อเธอ ไอ้คนชั่วช้าสันดานสัตว์นรกแบบนั้นแค่คิดถึงก็อยากฆ่ามันให้ตาย “อีน้ำปั่น อีลูกทรพียังไงเขาก็เลี้ยงมึงมา” จิตราทั้งรักทั้งหลงสามีคนนี้เพราะมันเอาใจเก่ง ตาบอดใจบอดเข้าข้างผัวใหม่แบบไม่ลืมหูลืมตา น้ำปั่นอารมณ์พุ่งปรี๊ดหลังจากได้ยินคำว่า ‘เลี้ยง’ เลี้ยงเหรอ เลี้ยงเพราะว่ามันอยากได้เธอเป็นเมียอีกคนต่างหาก ดีแค่ไหนที่เธอไหวตัวทันแล้วหนีออกจากบ้านนั้นมาได้ ก่อนจะโดนไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมียข่มขืน แม่ของเธอรู้ดีแก่ใจแต่ก็ยังหลับหูหลับตาเข้าข้างคนชั่วอย่างมัน เธอไม่เข้าใจว่าแม่เป็นแม่แบบไหนถึงไม่คิดสงสารลูกในไส้บ้าง “เมื่อไหร่แม่จะตาสว่างสักที มันอยากได้ลูกแม่เป็นเมียอีกคนนะ แม่อยากมีผัวคนเดียวกับลูกเหรอ แต่หนูไม่เอาด้วยหรอกขยะแขยง ต่อไปถ้าโทรมาเรื่องเงินอีกไม่ต้องโทร” “อีลูกอกตัญญู กูไม่น่าให้มึงเกิดมาเลย มึงสันดานเหมือนพ่อมึงไม่มีผิด” “เออแล้วคิดว่าหนูอยากเกิดมาไหม” “อีน้ำปั่น!” “พ่อกับแม่ต่างหากที่ทำให้หนูเกิดมา” หญิงสาวเอ่ยจบก็รีบกดตัดสายทันที ก่อนจะทรุดตัวลงบนพื้นพร้อมกับน้ำตา ทำไมเธอต้องเกิดมาในครอบครัวที่มีแต่ปัญหาแบบนี้ด้วย กว่าจะเอาตัวเองอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโดยเฉพาะกับไอ้พ่อเลี้ยงที่จ้องจะเคลมลูกเลี้ยงทุกลมหายใจ ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจตอนนั้นเธอไม่น่ายอมตามใจแม่แล้วปล่อยมันไป คนเกือบโดนข่มขืนในอดีตร้องไห้จนตัวโยนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหลังจากลูกชายเดินเข้ามากอด “แม่จ๋าโอ๋ๆ ไม่ร้องน้า เจ็บตรงไหนเดี๋ยวน้องจั๊มเป่าเพี้ยงเอง” “พี่ลูกเป่าด้วยคับแม่จ๋า ไม่ร้องน้าคนดี พี่ลูกอยู่ตรงนี้โอ๋ๆ” “แม่จ๋ารักพี่ลูกกับน้องจั๊มมากนะครับ แม่จ๋าสัญญาจะทำให้ครอบครัวของเราอบอุ่นให้ได้ พี่ลูกกับน้องจั๊มรักแม่ไหมครับ” “รักที่สุดเลยคับ แม่จ๋าไม่ร้องน้า น้องจั๊มรักแม่จ๋า” “พี่ลูกรักแม่จ๋ามากกก แม่จ๋าเช็ดน้ำตาคับ” คำปลอบโยนของสองแฝดเปรียบเสมือนยาวิเศษทำให้คนใจสลายเพราะผู้ให้กำเนิดกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง น้ำปั่นรับทิชชูมาจากมือลูกชายคนโตด้วยความซึ้งใจ ตัวแค่นี้เองทำไมปลอบแม่เก่งเหลือเกิน ถ้าไม่มีลูกไม่แน่ตอนนี้เธออาจจะลาโลกใบนี้ไปแล้วก็ได้ “แม่ก็รักหนูทั้งสองคนมาก พี่ลูกกับน้องจั๊มคือดวงใจของแม่” เธอต้องเข้มแข็งต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูก ไม่ว่าชีวิตจะเกิดอะไรขึ้นเธอต้องไม่ยอมแพ้ น้ำปั่นให้กำลังใจตัวเองหลังจากดึงลูกน้อยตัวกลมมากอดแนบอก สองแฝดเหมือนจะรู้ว่าแม่ต้องการกำลังใจจึงตบหลังแม่เบาๆ พร้อมกับคำบอกรัก ทว่ากอดกันได้ไม่นานก็ต้องหลุดขำ เพราะได้ยินเสียงท้องร้องของคนชอบกินดังขึ้นมาขัดจังหวะอารมณ์กำลังซึ้ง “ท้องใครร้องเนี่ย ดังไปถึงหน้าปากซอยแล้ว” “พี่ลูกเองคับ พี่ลูกหิวแล้วคับแม่จ๋า” “แล้วน้องจั๊มหิวหรือยังครับ เราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันไหม” “ก๋วยเตี๋ยวป๊อกๆ ลุงเชิด พี่ลูกชอบคับแม่จ๋า” “เอาคับ น้องจั๊มอยากกินน้ำแข็งไสได้ไหมคับแม่จ๋าคนสวย” “วันนี้แม่อนุญาตให้กินของหวานครับ แล้วเรามาถ่ายรูปส่งให้พ่อดูด้วย ดีไหมครับ” “เย่แม่จ๋าใจดีที่สุด ไปกินน้ำแข็งไสกัน พี่ลูกเอาสีอะไร น้องจั๊มเอาสีกรีน” “พี่ลูกเอาสีเรด ใส่นมเยอะๆ เอาหวานตัดขา” “ว้ายยย หนูไปจำใครพูดมาลูก” “พี่หน่อยบอก เอาหวานตัดขา” “ใช่คับ น้องจั๊มจำได้ พี่หน่อยบอกเอาหวานตัดขา” “กินหวานตัดขาไม่ดีครับ ต้องหวานน้อยเท่านั้น” เด็กเชื่อฟังแม่พยักหน้าหงึกๆ เข้าใจ จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้ออกไปกินน้ำแข็งไสกัน ก่อนจะตักของหวานเข้าปาก สามคนแม่ลูกได้ถ่ายรูปแล้วส่งไปให้คินน์ที่กำลังนั่งอยู่ในสนามบินดู คุณพ่อถึงกับยิ้มไม่หุบจึงโดนลูกน้องที่เป็นมือซ้ายแซว ปกติไม่ค่อยเห็นเจ้านายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตั้งแต่มีสองแฝดเจ้านายก็เปลี่ยนไป ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น พูดเยอะขึ้น อ่อนโยนกับลูกน้องรวมถึงใจดีด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม