“พี่ลูกงอนพ่อจ๋าแล้ว หึ” / “ช่ายยย น้องจั๊มไม่คุยกับพ่อจ๋าแล้ว” เด็กแฝดสะบัดหน้าไปคนละทิศละทางหลังจากหายสะอื้น แก้มซาลาเปากลมๆ พองลม มองพ่อด้วยหางตาทำให้ผู้ใหญ่พากันเอ็นดู ขนาดคินน์ที่จำลูกชายตัวเองไม่ได้ยังหลุดยิ้ม
“ไม่โกรธพ่อนะครับ พี่ลูก น้องจั๊ม พ่อจ๋ากำลังป่วย”
น้ำปั่นอธิบายเพื่อให้ลูกชายไม่งอนบิดา สองแฝดถึงกับตาโตหลังจากได้ยินว่าพ่อจ๋าป่วย
“พ่อจ๋าไม่สบายเหรอ” เติมรักกระโดดลงมายืนอยู่บนพื้นก่อนจะหันไปสอบถามมารดาด้วยอาการตื่นตูม ถึงว่าพ่อจ๋าของพี่ลูกกับน้องจั๊มพูดแปลกๆ
“พ่อจ๋าเป็นไข้ ต้องให้ลุงหมอฉีดยาที่ก้น”
เต็มรักกระโดดลงมายืนอยู่บนพื้นตามพี่ชาย ภาพตอนที่ตัวเองไม่สบายผุดขึ้นมาในหัว น้องจั๊มจำได้แม่นถ้าไม่สบายต้องโดนฉีดยา
“พี่ลูกกับน้องจั๊มไม่งอนพ่อแล้วนะคะ”
“คับแม่จ๋า พี่ลูกหายงอน”
“โอเค หายงอนก็ได้”
เด็กฉลาดพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปนั่งบนโซฟาข้างๆ มารดาตามเดิม
“หลานย่าน่ารักน่าชังเหลือเกิน ฉลาดคิด ฉลาดพูด เหมือนตาคินน์ตอนเด็กไม่มีผิด”
คุณหวันยิหวาผู้เป็นมารดาของคินน์ดีใจมากที่รู้ว่าตัวเองมีหลาน ใบหน้าเปื้อนยิ้มทุกครั้งที่หันมองสองแฝดแสนซน
“ฉลาดได้ปู่ หล่อได้พ่อ นี่แหละทายาทของฮาร์คินสัน”
คุณคาเรนบิดาของคินน์ที่คราแรกยังวางท่าเหมือนจะไม่ชอบใจ ทว่าพอเห็นหน้าตาและกิริยาท่าทางของหลานชัดเจนกลับใจอ่อนยวบ เด็กอะไรก็ไม่รู้หล่อได้พ่อยังไม่พอ ฉลาดได้ปู่อีกต่างหากลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
“ผมจะไม่ยอมรับ ถ้ายังไม่ยืนยันความจริง ผมต้องการตรวจดีเอ็นเอ”
ถึงคินน์จะเริ่มรู้สึกเอ็นดูเด็กแฝดแต่ยังไม่ยอมรับร้อยเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยันความจริง เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด เกิดสามแม่ลูกเป็นพวกต้มตุ๋นจะทำอย่างไร
“ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าคุณคินน์ต้องการน้ำจะให้ลูกตรวจ”
น้ำปั่นไม่มีปัญหา ดีเสียอีกคินน์จะได้ปฏิเสธไม่ลง ยังไงสองแฝดก็คือลูกของเขา เกิดความเงียบไปทั่วห้องพักหลังจากคินน์กับน้ำปั่นสบตากัน
คุณหวันยิหวา คุณคาเรน รวมถึงกรณ์มองหน้ากันไปมาประมาณว่าเอายังไงดี พวกเราจะช่วยครอบครัวนี้อย่างไร ทว่าผู้ใหญ่ยังไม่ทันได้หาคำตอบก็ต้องหันมาให้ความสนใจแก่สองแฝดที่เกิดอาการงอแงอยากกลับบ้าน
“แม่จ๋าคับพี่ลูกอยากกลับบ้าน”
“น้องจั๊มไม่ชอบที่นี่ น้องจั๊มอยากกลับบ้านคับแม่จ๋า”
“ไม่อยากคุยกับพ่อจ๋าแล้วเหรอลูก ไหนบอกว่าคิดถึงพ่อจ๋าไง”
“งอนแล้ว พ่อจ๋าใจร้ายพี่ลูกไม่ชอบ”
“งอนด้วย พ่อจ๋านิสัยไม่ดี”
“เอ้า เมื่อกี้พวกหนูหายโกรธ หายงอนพ่อจ๋าแล้วไม่ใช่เหรอลูก” คุณแม่เอ่ยถามลูกแฝดด้วยความงุนงง เข้าใจว่าลูกชายหายน้อยใจคินน์แล้ว เป็นอะไรไปอีกทำไมอยู่ๆ ก็โมโหงอแงอยากกลับบ้านท่าเดียว หรือว่าอาการวัยทองสี่ขวบจะกำเริบ
คินน์เห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจเข้าไกล่เกลี่ย ถ้าเขาเป็นพ่อของสองแฝดจริงก็ไม่ควรทำให้ลูกกลัว ชายหนุ่มตบเตียงข้างตัวเบาๆ ก่อนเรียกเติมรักกับเต็มรักให้เข้ามาหาแต่ยังไม่ยอมแทนตนเองว่า พ่อจ๋า
“ไหนเข้ามาใกล้ๆ ลุงหน่อยสิ ถ้าเป็นลูกของลุงจริงต้องมีความกล้า”
“ไปหาพ่อจ๋าสิครับ ตอนนี้พ่อจ๋าไม่สบาย พ่อจ๋าหลงๆ ลืมๆ พี่ลูกกับน้องจั๊มต้องช่วยกันทำให้พ่อจ๋าจำได้”
“รวมพลังกันใช่ไหมคับแม่จ๋า”
“ครับ พี่น้องต้องรวมพลังกันช่วยพ่อจ๋า”
“โอเคเลย พี่ลูกจะช่วยพ่อจ๋าเอง”
“น้องจั๊มด้วย”
สองแสบแตะมือกันก่อนจะกระโดดลงบนพื้น จากนั้นก็เดินเข้าไปหาบิดาด้วยสายตามุ่งมั่น พี่ลูกกับน้องจั๊มจะช่วยพ่อจ๋าเอง
คินน์รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กทั้งสองคนมากแต่ยังจำไม่ได้ ภาพบางอย่างโผล่แวบเข้ามาทำให้เขานิ่วหน้าเอามือจับไปที่ศีรษะ
คนป่วยจับต้นชนปลายไม่ถูกไม่แน่ใจว่าเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ที่กำลังเห็นอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องของสามคนแม่ลูกไหม เพราะมันเลือนรางเหลือเกิน
“คินน์เป็นอะไรลูก ปวดหัวเหรอ”
มารดาของชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากเห็นลูกชายสะบัดหัวอย่างแรง
“เปล่าครับคุณแม่ ผมเหมือนจะเคยเห็นเด็กสองคนนี้”
คนป่วยหันไปจ้องมองลูกชายอีกครั้งเพื่อค้นหาคำตอบ
เติมรักปีนขึ้นไปนั่งข้างพ่อสำเร็จตามต่อด้วยเต็มรักทำให้พื้นที่บนเตียงแคบลงทันตา
สองแฝดยิ้มหวานให้บิดาที่ยังจ้องมองลูกชายเพื่อหาคำตอบ เด็กสองคนนี้ใช่ลูกของเขาจริงเหรอ ส่วนแม่ของเด็กก็คือภรรยาของเขา
“ก็ต้องเคยเห็นสิ เด็กสองคนนี้มันลูกของแก ไหนแนะนำตัวให้ปู่กับย่ารู้จักหน่อยลูก คนไหนจัมโบ้ คนไหนลูกชิ้น”
คุณคาเรนเอ็นดูหลานชายมาก ก่อนหน้านี้น้ำปั่นแนะนำไปแล้วทว่าท่านยังจำไม่ได้แยกไม่ออกคนไหนพี่คนไหนน้อง หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ แถมความสูงก็เท่ากันอีก
“ย่าก็จำไม่ได้เหมือนกัน” คุณย่ามองหลานชายสลับไปมาใบหน้าของสองหนุ่มน้อยเหมือนกันจริงๆ ถ้าไม่ใช่น้ำปั่นคงไม่มีใครแยกออก
“คนหล่อตัวสูงคนนี้ชื่อจัมโบ้คับ อายุสี่ขวด”
สี่ขวดมาพร้อมกับนิ้ว เติมรักยิ้มด้วยความภาคภูมิใจคิดว่าตัวเองพูดถูกแน่นอน
“คนหล่อตัวสูงคนนี้ชื่อลูกชิ้นคับ อายุสี่ขวด”
เต็มรักหนักกว่าเติมรักตรงที่สี่ขวดมาพร้อมสามนิ้วป้อมทำให้มารดาต้องรีบแก้ไข
“อายุสี่ขวบลูกไม่ใช่สี่ขวด น้องจั๊มครับอันนั้นมันสามไม่ใช่สี่”
“น้องจั๊มทำตามพี่ลูก ยกนิ้วแบบนี้ สี่ขวด”
“อะเค สี่ขวดคับ”
สองแฝดก็ยังพูดคำว่าสี่ขวดเหมือนเดิมทำให้ผู้ใหญ่ขำจนน้ำตาเล็ด
คินน์เอามือไปลูบหัวลูกชายอย่างลืมตัว ก่อนจะหันมามองหน้าน้ำปั่นที่กำลังหัวเราะไม่หยุด กับสองแฝดเขาพอจะรู้สึกได้ถึงความผูกพันแต่ทำไมกับเธอมันแตกต่างออกไปเป็นเพราะอะไร
“ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยสมกับเป็นฝาแฝด พูดเหมือนกันเป๊ะย่าชอบ แล้วใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง”
“คนพี่ชื่อเติมรักค่ะ ชื่อเล่นลูกชิ้น เรียกสั้นๆ ว่า พี่ลูก ส่วนคนน้องชื่อเต็มรักค่ะ ชื่อเล่นจัมโบ้ เรียกสั้นๆ ว่า น้องจั๊ม”
“หลานปู่ชื่อเท่มาก ใครเป็นคนตั้งให้เหรอหนูน้ำ”
“ชื่อจริงคุณคินน์ตั้ง ส่วนชื่อเล่นหนูตั้งเองค่ะ ตอนท้องหนูชอบกินลูกชิ้นจัมโบ้มากก็เลยเอามาตั้งชื่อลูก”
“พ่อจ๋าคับพี่ลูกคิดถึงพ่อจ๋า”
“น้องจั๊มก็คิดถึงพ่อจ๋าเหมือนกัน”
เด็กไม่ได้เจอพ่อมานานเอนตัวซบลงบนตัวพ่อราวกับโหยหาไออุ่น สองพี่น้องลืมไปสนิทว่าก่อนหน้านี้กำลังงอนบิดา
คินน์เริ่มเชื่อแล้วว่าสองหนุ่มน้อยน่ารักน่าฟัดคู่นี้ คือลูกชายของตนเองจริงจึงลูบเนื้อลูบตัวทั้งคู่ด้วยความอ่อนโยน
“ลุง เอ๊ย พ่อจะพยายามจำพวกหนูให้ได้ครับ”
“ไหนๆ ลูกเมียก็มาหาแล้ว ปล่อยให้เมียเขาดูแลก็แล้วกันเรากลับกันเถอะคุณยิหวา เราจะได้ไปพักผ่อน”
“ก็ดีเหมือนกัน ป้าฝากตาคินน์ด้วยนะหนูน้ำ เอ๊ะไม่ใช่สิต้องเรียกแม่ถึงจะถูก”
“คุณแม่ครับไม่ต้องรีบก็ได้ ผมยังจำอะไรไม่ได้เลย” คนป่วยแย้งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ถึงเขาจะรู้สึกดีกับเด็กแต่ไม่ได้ความว่าจะรู้สึกดีกับแม่ของเด็ก
น้ำปั่นอยากเบะปากมองบนให้คินน์เหลือเกิน ขนาดความจำเสื่อมยังใจร้ายปากร้ายกับเธอไม่เลิก
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า วันนี้ไม่ได้เรียก พรุ่งนี้ก็ได้เรียก เดี๋ยวหนูไปส่งหน้าลิฟต์นะคะคุณลุงคุณป้า”
“ขอบใจมากจ้ะหนูน้ำ พี่ลูก น้องจั๊ม ปู่กับย่าไปก่อนนะลูก”
“พี่ลูกครับ น้องจั๊มครับ สวัสดีคุณปู่กับคุณย่าด้วย”
“ซาหวัดดีคับคุณปู่สุดหล่อ ซาหวัดดีคับคุณย่าสุดสวย”
สองพี่น้องทำตามคำสั่งของมารดาอย่างว่าง่าย ยกมือขึ้นมาไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อมแถมปากหวานทำให้คนแก่ยิ้มไม่หุบ อยากจะชวนหลานกลับบ้านด้วยกัน