เหลียนลี่หรู นั่งอยู่ในตำหนักคุณหนิงของไทเฮาตามพระราช โองการเรียกตัวนางเข้าวังในวันนี้
"ลี่เอ๋อร์ หากอัยเจียไม่มีพระราชโองการเรียกตัวเจ้าเข้าเฝ้า เจ้าก็จะมิมาพบหน้าอัยเจียบ้างเลยหรือ"
"หามิได้เพคะ หม่อมฉันในช่วงนี้ ยุ่งเหลือเกิน เพราะกิจการตระกูลเหลียนทั้งหมดในตอนนี้ท่านพ่อได้มอบหมายให้หม่อมฉันดูแลกิจการทั้งหมด จึงทำให้หม่อมฉันไม่มีเวลาว่างทำสิ่งใดเลย"
"หือ! นี่ท่านเสนาบดีเหลียนถึงขนาดมอบหมายให้เจ้าดูแลกิจการในตระกูลเชียวหรือ"
"เพคะ นอกจากหม่อมฉันแล้วยังจะมีผู้ใดอีก ในเมื่อท่านแม่ทัพใหญ่เหลียนซูฉี ก็เอาแต่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นกิจการทุกอย่างของตระกูลจึงต้องตกมาเป็นของหม่อมฉันเช่นนี้"
เหวินไทเฮาจ้องมองไปที่สตรีตัวน้อยเบื้องหน้าอย่างเอ็นดู ในตอนแรกพระนางก็ไม่เข้าพระทัยเช่นกัน ว่าเหตุใดพระโอรสของพระองค์ ถึงได้พึงใจในตัวสตรีผู้นี้ นางหาได้มีความเรียบร้อยอ่อนหวานเฉกเช่นสตรีทั่วไปควรมีแม้แต่น้อย
แต่เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกับสตรีผู้นี้ จึงรู้ถึงอุปนิสัยใจคอของนางเป็นอย่างดี พระนางเองก็ทรงรู้สึกชมชอบในตัวนางไม่น้อยเช่นกัน เพราะด้วยความตรงไปตรงมา ไร้ซึ่งการเสแสร้งอย่างเช่นสตรีในเมืองหลวงเช่นนาง ทำให้เหวินไทเฮาทรงรู้สึกว่าเวลาได้อยู่ร่วมกันกับนางแล้ว ทำให้รู้สึกสบายพระทัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พระนางจึงให้รู้สึกเอ็นดูสตรีผู้นี้ออกมาจากใจจริง ถึงแม้นว่าส่วนหนึ่ง พระนางจะต้องการอำนาจของบิดาและพี่ชายของนาง เพื่อหมุนหลังพระราชบัลลังก์ของพระโอรสของพระนางก็ตาม
"เจ้าช่างเป็นสตรีที่มากความสามารถเสียจริง กิจการต่างๆ เจ้าก็สามารถดูแลได้เป็นอย่างดี จนได้รับความไว้วางใจจากท่านเสนาบดีเหลียนเช่นนี้ มิหนำซ้ำวรยุทธ์ของเจ้า ยังยากที่จะมีผู้ใดทัดเทียมได้"
"ไทเฮาทรงกล่าวเกินไปแล้ว หม่อมฉันหาได้มีความสามารถมากมายเพียงนั้น"
"เจ้านี่กระไรกัน อัยเจียบอกเจ้าหลายรอบแล้ว ว่าให้เรียกอัยเจียว่าเสด็จแม่ เหตุใดถึงได้ชอบทำตัวห่างเหินถึงเพียงนั้นกัน" เหวินไทเฮากล่าวตำหนิเหลียนลี่หรูอย่างไม่จริงจังนัก
ในขณะที่สตรีทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคออยู่นั้น ชินอ๋องเหวินเฟยหลงก็ได้เสด็จมาถึงยังตำหนักคุนหนิงของไทเฮาพอดี
สายตาของเหลียนลี่หรูที่จ้องมองไปยังบุรุษคนรักในตอนนี้ เต็มไปด้วยความคิดถึง เพราะหลายวันแล้ว ที่เขาไม่ได้แอบเข้าไปในจวนของนาง เพื่อที่จะส่งนางเข้านอน
นางก็ต้องการจะถามเขาเช่นกัน ว่ามีเหตุอันใดหรือไม่ เหตุใดเขาถึงได้ไม่ไปพบหน้านางเลยเช่นนี้ แต่นางก็คิดในแง่ดี ว่าเขาอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาไปพบหน้านางก็เป็นได้ นางจึงรอที่จะพบเขา เพื่อที่จะถามความในวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
เพียงพบหน้าบุรุษคนรัก นางก็ส่งยิ้มไปให้เขาอย่างอ่อนโยน แต่พฤติกรรมของบุรุษคนรักของนาง ก็ถึงกับทำให้นางตกตะลึงเช่นเดียวกัน เขาหาได้ส่งยิ้มกลับมาเฉกเช่นที่เคยทำ สายตาหลุบต่ำไม่กล้าจ้องมองหน้านางนั้นมันคืออันใดกัน?
"ถวายบังคมเสด็จแม่ ขอ ประทานอภัยที่ทำให้เสด็จแม่ต้องรอ"
"นั่งลงเถิดเฟยเอ๋อร์ คนกันเองทั้งนั้น ไปนั่งข้างๆ น้องเถิด วันนี้แม่เพียงแค่เรียกเจ้ามา เพื่อที่จะพูดคุยเรื่องงานอภิเษกของพวกเจ้าทั้งสองเพียงเท่านั้น" เมื่อได้ยินคำกล่าวของเหวินไทเฮา ก็ถึงกับทำให้ชินอ๋องเหวินเฟยหลงตกตะลึง จนทำให้เสียกิริยา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งพฤติ กรรมทั้งหมดของเขา ล้วนตกอยู่ในสายตาของลี่หรูทั้งสิ้น
"เหตุใดเสด็จแม่ทรงรีบร้อนกล่าวถึงงานอภิเษกของลูกและลี่เอ๋อร์เช่นนี้เล่า ลูกคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร เอาไว้ให้ทุกอย่างลงตัวแล้ว ลูกจะมากราบทูลกับเสด็จแม่ด้วยตนเอง"
"หือ! มีอันใดที่ยังมิพร้อมอีก ในเมื่อในตอนแรกก็เป็นเจ้าไม่ใช่หรือ ที่เร่งรัดให้แม่จัดการเรื่องนี้ให้"
"พอดีว่าช่วงนี้ลูกมีเรื่องที่ให้ต้องจัดการเล็กน้อย เมื่อลูกจัดการปัญหานั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลูกจะมากราบทูลกับเสด็จแม่ด้วยตนเอง"
ชินอ๋องเหวินเฟยหลงรีบกล่าวแย้งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหวินไทเฮา ไม่ได้กล่าวแย้งอันใดอีก ก็ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โดยลืมไปว่าในตอนนี้ สตรีคนรักก็ได้นั่งอยู่ด้านข้างของเขาด้วย
ซึ่งพฤติกรรมที่ชินอ๋องแสดงออกมาทั้งหมด ถึงกับทำให้ลี่หรูอดแปลกใจกับท่าทีของบุรุษคนรักไม่ได้
'มีเรื่องอะไรที่นางไม่รู้เช่นนั้นหรือ เหตุใดบุรุษคนรักของนางถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นนี้'....
ในขณะเดินทางกลับออกมาจากวังหลวง โดยมีชินอ๋องเดินทางมาส่งนางที่จวนตระกูลเหลียน บรรยากาศอึดอัด อันน่าแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างพวกเขา ถึงกับทำให้ลี่หรูอดใจไม่ไหวกับท่าทีเปลี่ยนไปของบุรุษคนรัก จากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้
ในขณะที่นั่งมาในรถม้าคันเดียวกัน ชินอ๋องเหวินเฟยหลงทำเพียงตอบคำถามที่นางถามมา และยังท่าทีเฉยชานั้น เขาไม่แม้แต่จะกุมมือนางไว้อย่างเช่นที่เคยทำเมื่ออยู่กันตามลำพัง นั่นเหมือนกับเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของนางจบลง
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่พระองค์ยังทรงเหมือนเดิมอยู่หรือไม่"
คำถามที่ถามขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงกับทำให้ชินอ๋องหัวใจกระตุกวูบ ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ เพราะเขาไม่รู้จะเลือกใคร เขารักนางทั้งสอง จนไม่สามารถตัดสินใจเลือกผู้ใดได้
คนหนึ่งก็รักแรก อีกคนหนึ่งก็ผูกพัน แล้วเช่นนี้เขาจะตัดใจเลือกผู้ใดได้เช่นไร แต่เมื่อจ้องมองไปยังใบหน้าของสตรีคนรักผู้นี้ เขาก็ให้รู้สึกผิดต่อนางจนไม่สามารถสู้หน้านางได้
บุรุษผู้องอาจกล้าหาญเช่นเขาที่ไม่เคยมีความหวั่นเกรงในสิ่งใด แต่ในตอนนี้ เขากลับหวาดกลัวที่จะบอกความจริงกับนาง หากนางรับไม่ได้ แล้วเลือกที่จะจากเขาไป เขาก็ให้รู้สึกใจหาย และไม่สามารถยอมรับที่จะเสียนางไปได้เช่นกันสำหรับสตรีอีกคนหนึ่งนั้น นางทราบถึงความสัมพันธ์นี้ของพวกเขานางจึงให้เวลาเขาได้เลือกว่าเขาจะเลือกผู้ใด
"ไม่มีอันใดหรอก แค่เพียงช่วงนี้ เปิ่นหวางมีเรื่องให้ทำหลายอย่างเจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย"
"จริงหรือเพคะ หากมีสิ่งใดที่พระองค์ต้องการความช่วยเหลือจากหม่อมฉัน…. หรือมีสิ่งใดที่พระองค์ทรงปิดบังหม่อมฉันอยู่ ก็ให้บอกมาเถิด อย่าได้ปิดบังจนหม่อมฉันรู้มันด้วยตัวเอง เพราะหากเป็นเช่นนั้นหม่อมฉันจะไม่มีวันให้อภัยพระองค์เป็นแน่"...