[SHOW] EP10

2734 คำ
ตลอด1สัปดาห์ที่เดย์ไม่อยู่ พี่เวย์ส่งข้อความมานัดผมทุกวัน แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะหลบไปเจอเขาได้ พอมาวันนี้ที่เดย์กลับมา ข้อความจากพี่เวย์ก็เงียบหายไปซะดื้อๆ ยกเว้นก็แต่ผู้ชายข้างกายที่ยังตามติดผมไม่ลดละ ถึงขั้นตามรับตามส่งผมถึงหน้าห้องเรียนทุกคลาส “ช่วงนี้ดรีมเจอพี่น้องคู่นั้นบ้างไหม?” “ถ้าหมายถึงเดย์กับพี่เวย์ก็ไม่เจอหรอก พี่ตามผมขนาดนี้พวกนั้นคงกล้ามาเจอตายแหล่ะ” “นั้นแหล่ะคือสิ่งที่พี่ต้องการ” ผู้ชายที่เดินตีคู่มาข้างๆตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “ผมถามจริงๆนะ ระหว่างพี่กับพวกเขามันเกิดอะไรขึ้น พี่เล่าให้ผมฟังไม่ได้เลยหรอ” คนโดนจี้ถามไม่ยอมตอบ “หอมแก้มผมไหม ผมยอมพี่แล้วเนี่ยแต่พี่ต้องตอบคำถามผมนะ” “ยอมเอาตัวเข้าแลกเลยหรอเนี่ยเรา” พี่โชว์ฉีกยิ้มกว้างกับข้อเสนอของผม ผมไม่รู้ว่าตัวพี่โชว์เองจะรู้บ้างไหมว่ารอยยิ้มกับแววตาหม่นหมองนั่นมันขัดกันอย่างสิ้นเชิง “ดรีมคิดว่าพี่เป็นคนยังไง ในสายตาของดรีม” “พี่ ก็..ทะลึ่ง กวนตีน ชอบแตะอั๋งผม แต่ถึงยังไงพี่ก็เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดกับผม รองจากพ่อผมเลย” “เพราะพี่อยากเป็นแบบนั้นในสายตาดรีมตลอดไปไง ดรีมเลยไม่ควรรู้เรื่องนั้น” “…..” “ถ้าวันหนึ่งดรีมมองพี่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป หรือท่าทีที่มันต่างจากทุกวันนี้ พี่คงรับมันไม่ไหว” พูดแล้วพี่โชว์ก็เสมองไปทางอื่น ไม่ได้หันกลับมาสบตาผมเหมือนทุกครั้ง “พี่โชว์-“ “พี่ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย เรื่องไม่ดีพี่ก็มี แต่พี่อยากให้ดรีมมองเห็นแต่ด้านดีของพี่ เพราะด้านที่ไม่ดีพี่จะไม่มีวันทำกับดรีม” พี่โชว์พูดถ้อยคำเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นของเขา แค่คำว่าอยากให้ผมมองเขาแค่ด้านที่ดีแค่นั้น มันทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปในทันที บางทีผมควรจะรับรู้แค่เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ก็พอ ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาปกปิดไว้มันเป็นเรื่องที่แย่มากๆของพี่โชว์จริงๆ ผมเองก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกันถ้าวันหนึ่งผมต้องมองผู้ชายข้างกายคนนี้ในมุมมองที่เปลี่ยนไป ‘ผมไม่อยากรู้เรื่องนั้นแล้ว ไม่ต้องส่งข้อความมานัดอีกแล้วนะ’ ผมส่งข้อความกลับไปหาพี่เวย์ @หอY “เชี่ย!!” ผมอดที่จะสบทเป็นคำหยาบเสียงดังออกมาไม่ได้ กับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า “เป็นอะไรดรีม?” พี่โชว์ที่เดินตามมาข้างหลังรีบวิ่งเข้ามาหาผมที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง “เลือดใคร แล้วดรีมเป็นอะไรรึเปล่า?” พี่โชว์จับตามแขนขาเช็คว่าร่างกายผมบาดเจ็บตรงไหนไหม ผมได้แต่ยืนนิ่งๆไม่พูดอะไร มองดูรอยเลือดที่ไหลเป็นทางยาวบนหน้าประตู บางส่วนที่หยดลงมาบนพื้นก็เริ่มไหลเข้าไปด้านใน แสดงว่ามันเพิ่งมาทำได้ไม่นาน เลือดถึงยังไม่แห้งแบบนี้ ไม่แรงเกินไปหน่อยหรอวะ! หมับ! “ดรีม! จะไปไหน!?” พี่โชว์จับแขนยื้อตัวผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะหุนหันเดินออกไป “ปล่อยพี่โชว์! ถ้าวันนี้ผมไม่รู้ว่าสัตว์ตัวไหนมันมาทำเลวๆกับผม ผมไม่ยอมอยู่นิ่งๆแน่” ผมทั้งดีดทั้งดิ้นให้พี่โชว์ปล่อยมือออกจากแขน แต่ก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้ผมโมโหเกินกว่าจะระงับอารมณ์และสติได้ “ใจเย็นๆก่อนครับดรีม” “แต่-“ หมับ.. “ใจเย็นๆนะครับ เด็กดี” ร่างกายเพรียวบางของผมถูกรวบเข้าไปกอดจากคนที่ยื้อไว้ พี่โชว์ลูบฝ่ามือขึ้นลงไปที่แผ่นหลังผมเบาๆ กดใบหน้าผมให้ซบลงที่อกกว้างของเขา ริมฝีปากหยักพร่ำบอกให้ผมใจเย็นไม่หยุดปาก ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ดรีมไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?” “ผม…ผมไม่ได้เป็นอะไร” ผมผละตัวออกห่างพี่โชว์ มองกลับไปที่รอยเลือดนั่นอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่พาไปดูกล้องวงจรปิด ปล่อยมันไว้แบบนี้ก่อนดีกว่า พี่ว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องดีเท่าไรนะดรีม” พี่โชว์พาผมลงมาที่ห้องนิติชั้น1ของหอ ตลอดทางที่เราลงมาชั้นล่างมือผมถูกผู้ชายที่เดินมาข้างๆจับกุมเอาไว้ตลอด พี่โชว์จับและคอยบีบมือผมไว้เป็นระยะ บ่งบอกถึงการมีเขาอยู่ข้างๆผมไม่ห่าง และเขาจะไม่ทิ้งให้ผมเจอเรื่องนี้เพียงลำพัง ความรู้สึกปลอดภัยที่พี่โชว์ส่งผ่านฝ่ามือใหญ่มาให้ผม มันไม่ได้น้อยไปกว่าความรู้สึกดีที่ตื้นตันเต็มอกข้างซ้ายของผมเลย ความรู้สึกที่ว่าการมีใครสักคนอยู่ข้างๆไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายขนาดไหน มันเป็นแบบนี้นี่เอง เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่เมื่อผมดันขอพี่นิติดูกล้องวงจรปิดเมื่อ2อาทิตย์ก่อนด้วย ตอนที่ได้จดหมายสกปรกนั่นครั้งแรก มันเลยกลายมาเป็นประเด็นให้พี่โชว์ซักฝอกผมไม่หยุด ผู้ชายที่เดินปลอบผมมาตลอดทางเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นคนที่โมโหร้ายแทนผมไปซะแล้วในเวลานี้ ถึงขั้นพี่โชว์นัดเพื่อนเขาทั้งกลุ่มมารวมตัวกันที่บ้านพี่แทนเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ @บ้านแทน พวกเราทั้งหมดมารวมตัวกันที่บ้านพี่แทนได้ไม่นานประตูหน้าบ้านพี่แทนก็ถูกเปิดออก โดยใครบางคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน ร่างสูงโปร่งผิวขาวจัด มีมัดกล้ามกำยำสมส่วนกับร่างกาย พร้อมกับการยกแขนถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกโชว์รอยสักมากมายบนร่างกาย แล้วเดินผ่านพวกเราไปอย่างเฉยชา “มึงนึกไงถึงกลับบ้านเฮียธีม” บุคคลที่ชื่อ ‘เฮียธีม’ หันกลับมามองพวกเรา ร่างสูงเดินวกกลับมาหาแล้วนั่งลงติดกับพี่แทน “นี่ก็บ้านกูไหมละไอ้แทน แล้วมึงมีเรื่องอะไรกันถึงมารวมหัวกันอยู่นี่?” “พวกกูเคลียร์เองได้ ไม่ต้องถึงมือมึงหรอกเฮีย” พี่แทนตอบพร้อมกับโบกมือไล่เฮียธีมให้ออกไปจากที่พวกเรานั่ง “ตามใจพวกมึง แต่ถ้าไม่ไหวก็ขอแค่บอกกู” พูดจบเฮียธีมก็เดินขึ้นชั้น2ทันที “พี่ชายพี่เองดรีม ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก นานๆทีถึงจะได้เห็นหน้า” พี่แทนอธิบายถึงเฮียธีมให้ผมฟัง พอเฮียธีมเดินหายไปบนชั้น2 ทั้งวงก็กลับมาเครียดกับเรื่องผมอีกครั้ง โดยเฉพาะพี่โชว์ที่ดูเครียดมากจนน่าเป็นห่วง ยิ่งสาเหตุที่ผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นเพราะตัวเขาเองด้วย มันยิ่งทำให้พี่โชว์เอาแต่โทษตัวเอง ผมนั่งเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ที่เจอมาทั้งหมด ให้กับทุกคนในกลุ่มพี่โชว์ได้รับรู้ ยิ่งภาพในกล้องวงจรปิดไม่ได้ช่วยให้ตามหาคนทำได้แล้วพี่โชว์ยิ่งดูเป็นทุกข์ ภาพในกล้องบันทึกไว้ได้แค่คนๆหนึ่งที่สวมชุดสีดำทั้งชุด รวมทั้งปกปิดใบหน้าและรู้มุมกล้องของหอผมเป็นอย่างดี “แล้วทำไมเราไม่บอกพี่ เรื่องจดหมายที่ส่งมาหาเรา” “ผมคิดว่าผมจัดการเองได้ ผมคิดว่าผมรู้ว่าเป็นใคร”ในตอนนั้นผมมั่นใจมากว่าต้องเป็นพีม แต่ใครจะรู้ว่าทุกอย่างมันจะพลิกผันไปขนาดนี้ “แล้วสรุปรู้หรือไม่รู้” “รู้แหล่ะ รู้ว่าคนที่ผมคิดไว้ไม่ได้เป็นคนทำ” ทุกคนส่ายหัวให้กับคำตอบของผม ที่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย “ถ้ายังหาตัวไอ้เลวที่ทำไม่ได้ ดรีมห้ามอยู่ห่างพี่” พี่โชว์ออกคำสั่ง ผมเตรียมจะอ้าปากเถียงเขาก็ชิงพูดต่อ “ห้องนั้นน่ะไม่ต้องกลับไปนอนแล้ว มานอนห้องพี่ พวกเสื้อผ้าเดี๋ยวพี่พาไปซื้อใหม่ ส่วนพวกชีทเรียนก็ค่อยไปขอถ่ายเอกสารของคนอื่นเอา” “แต่-“ “ไม่มีแต่ ถ้าไม่งั้นพี่จะบอกเรื่องนี้กับพ่อดรีม ดรีมเลือกเอา” “พี่ก็รู้ว่าผมจะเลือกอะไร” ยังไงผมก็ต้องเลือกที่จะปิดเรื่องนี้กับพ่ออยู่ดี ยิ่งพ่อผมรู้เรื่องราวมันก็จะยิ่งบานปลาย ไม่จบไม่สิ้นง่ายๆ ดีไม่ดีผมอาจจะโดนเรียกตัวกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้ “งั้นก็ไม่ต้องทำหน้ามุ่ยใส่พี่เลย บ้านปลายอยู่หลังขวามือที่ติดกันเนี่ย” ผมก็พอรู้มาบ้างว่าบ้านปลายกับพี่แทนอยู่ติดกัน “จะไปหาปลายก็ได้นะ” -พาร์ทโชว์- “ถ้าเป็นคนที่มึงคิดจริงๆ มึงจะจัดการลงหรอวะ ถ้ามึงยังไม่เลิกรู้สึกแบบนั้น กูว่ามึงทำไมได้หรอกไอ้โชว์” พอน้องเดินพ้นหน้าประตูไปหาปลายที่บ้าน ไอ้แทนก็เปิดประเด็นเรื่องนั้นขึ้นมาเป็นคนแรก “กูแยกแยะได้” ผมตอบมันไปตามความรู้สึก “หวังว่าวันที่รู้ความจริง มึงจะทำได้อย่างปากพูด” ไอ้แทนรีบพูดเสริม คนอื่นในกลุ่มก็เห็นด้วยกับสิ่งที่มันพูด “เออ กูแคร์ก็แค่ดรีม มึงไม่ต้องห่วงหรอก” ผมยืนยันเสียงแข็งเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสุดท้ายผมก็ต้องเลือกดรีมอยู่ดี ไม่ว่าเรื่องในวันนั้นจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากมายขนาดไหน “ตามใจมึง แต่ถ้ามึงตัดสินใจเองไม่ได้ มึงรู้ใช่ไหมว่าเฮียกูรอช่วยมึงอยู่” ไอ้แทนพยักหน้าขึ้นไปบนชั้น2 ที่เฮียธีมเดินขึ้นไป พวกเราทั้งหมดต่างรู้ดีว่าเฮียธีมมีคอนเน็คชั่นมากมายขนาดไหน อิทธิพลกว้างขวางแค่ไหน และความบ้าระห่ำเดือดดาลท่วมท้นกว่าไอ้แทนเป็นร้อยเท่า ไม่ว่าสุดท้ายคนที่ทำเรื่องสกปรกกับดรีมเป็นใคร หรือจะเป็นคนที่พวกผมคาดเดาไว้ ผมก็จะไม่ให้อภัย ไม่ปล่อยมันไปง่ายๆแน่ ในเมื่อเขามาทำให้เด็กน้อยที่ผมเฝ้าถนอมมาตั้งหลายเดือนต้องมาตื่นตระหนกและเสียขวัญกำลังใจแบบนี้ ผมไม่ยอมอ่อนให้แน่นอน -จบพาร์ทโชว์- “เราจะนอนเตียงเดียวกันจริงๆหรอ?” ผมถามเจ้าของห้องนอนห้องใหม่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ พี่โชว์มองมาที่ผมพร้อมกับเดินนำเข้ามาในห้องของเขาเอง “อยู่ห้องพี่ขนาดนี้ ดรีมจะไล่พี่ไปนอนที่พื้นงั้นสิ?” “งั้น…ผมขอไปเอาชุดนอนก่อนนะ” พี่โชว์เขาน่าจะรู้ดีว่าผมไม่ได้อยากจะไปเอาชุดนอนจริงๆหรอก ผมแค่หาเรื่องถ่วงเวลาที่จะหลับนอนบนเตียงเดียวกับเขามากกว่า “ไม่ต้องไป ใส่ชุดของพี่นี่แหล่ะ” คนตัวสูงกว่าเบี่ยงตัวมายืนขวางหน้าประตูพร้อมกับจับลงกลอนล็อคประตูต่อหน้าต่อตาผม “ผะ..ผมใส่ไม่ได้หรอก เสื้อพี่ตัวมันใหญ่” “อย่างอื่นก็ใหญ่ ดูไหมละ?” พี่โชว์พูดพร้อมกับการย่างเท้าเข้ามาใกล้ผมทีละนิด “ไม่ต้องมามองพี่แบบนั้นเลย ใส่ชุดพี่นี่แหล่ะทางออกที่ดีที่สุด” พี่โชว์ยังคงยืนยันคำเดิม “ก็ผมบอกแล้วไง ว่าผมใส่ไม่ได้หรอก” “ไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่ แก้ผ้านอนไปเลย พี่ไม่ถือพี่ชอบมากเลยครับ” “ไอ้พี่บ้า!” ผมถอยหลังห่างจากพี่โชว์ทันทีเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมากระซิบข้างหู สายตากรุ้มกริ่มของพี่โชว์กวาดมองผมไปทั้งร่างกายอย่างไม่ปกปิดความคิด18+จากเจ้าของสายตา ยามที่ดวงตาสีเข้มมันสบเข้ากับดวงตาผม ไม่รู้ทำไมขนทั้งร่างกายมันถึงได้ลุกชันขึ้นมา รวมทั้งใจที่มันสั่นไหวอย่างไร้การควบคุมนี่ด้วย “ถอดเสื้อผ้าออก” พี่โชว์ขยับเดินเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม “ถะ..ถอดทำไม!” ผมเบี่ยงตัวหลบการเข้าใกล้ของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพี่โชว์จะไม่ขยับตามเข้ามาซะหน่อย! “อยู่ในห้องแบบนี้ แล้วถอดเสื้อผ้าเขาจะทำอะไรกันน่าาา?” “ทะ..ทำอะไร ผะ..ผมไม่ทำกับพี่หรอกนะ” ผมยืนกอดตัวเองแน่น หวาดผวาไปกับคำพูดสองแง่สองง่ามของพี่โชว์เป็นที่สุด ไหนจะสายตาหิวกระหายที่มองมาอีก ผมเป็นคนนะกินผมไม่ได้! “ใครบอกว่าพี่จะให้ดรีมทำ เรื่องแบบนี้พี่ต้องทำให้ดิ” พี่โชว์ไม่ยอมให้ผมขยับหนีเขาอีก คนตัวโตยึดแขนผมเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่ ขยับก้าวขาเอาร่างกายเข้ามาแนบชิดกับเนื้อผิวของผม ปล่อยให้ความอบอุ่นจากเนื้อผิวเราทั้งคู่ได้สัมผัสกัน แบบที่เขาเรียกกันว่า..’เนื้อแนบเนื้อ’ “พะ..พี่โชว์ พี่อย่าแกล้งผมจะได้ไหม” ผมยกมือดันอกคนตรงหน้าไว้ กลัวว่าระยะห่างมันจะน้อยลงกว่านี้ “ใครบอกว่าพี่แกล้ง พี่บอกให้ดรีมถอดจริงๆ อยู่ที่ว่าดรีมจะถอดเองหรือจะให้พี่ถอดให้” ทำไมต้องทำเสียงกระเซ่า! ไอ้พี่บ้า! “ไม่เอาทั้ง2อ่ะ ไม่ถอด!” ผมยืนยันคำเดิม พี่โชว์ถอนหายใจแรงแล้วก้มหน้าต่ำลงมาหาผม ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงที่ปลายหูผมอย่างเฉียดฉิว พร้อมกับเสียงแหบที่พูดกระซิบพ่นไอร้อนออกมาจากริมฝีปาก “ถ้าไม่ถอดแล้วพี่จะซักชุดนักศึกษาดรีมได้ยังไงละ?” เพล้ง! เสียงหน้าผมแตกเองครับ! “ไอ้พี่โชว์! ไอ้พี่บ้า!” ผมผลักอกคนที่ทำให้ผมคิดลึกจนจมโคลนจนเซถอยหลังไปสองสามก้าว คนตัวโตเอาแต่ยืนขำชอบใจที่ทำให้ผมคิดไปไกลกับการกระทำของเขาได้ “ถอดเร็วๆล่ะ พี่จะรออยู่หน้าห้องนะ จะนับ 1-10 ถอดให้เสร็จล่ะกัน” สิ้นเสียงปิดประตูผมก็กุลีกุจอถอดเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำทันที วันถัดมา.. “ผมช่วยเก็บครับ” ผมช่วยเก็บชีทหลายเล่มที่ล่วงบนพื้นคืนให้เจ้าของ ที่ผมบังเอิญผ่านมาเห็นเข้า อีกฝ่ายรับไปพร้อมกับขอบคุณ แต่ผมก็ต้องตกใจกับสภาพคนตรงหน้าที่ผมได้เห็น “พี่เวย์!?” คนถูกเรียกชื่อระบายยิ้มอ่อนส่งมาให้ ส่วนบนสวมทับด้วยเสื้อกาวน์เหมือนกำลังจะออกไปเรียน ที่ชายแขนเสื้อมีรอยเปื้อนเป็นคราบสีน้ำตาลเข้มหลายจุด “พี่ป่วยหรอ? หรือเรียนหนัก” ผมอดใจถามไม่ได้ เพราะสภาพอีกฝ่ายโทรมลงจนน่าตกใจ ขอบตาคล้ำ ริมฝีปากแห้งซีดจนตกสะเก็ด หน้าซีดเซียวอย่างกับคนไม่มีเลือด “เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นน่ะ เลยสภาพเป็นงี้” พี่เวย์ตอบผมและกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้า “ให้ผมไปส่งไหม ดูท่าพี่จะไม่ไหว” ผมไม่ได้อยากจะช่วยเหลือพี่น้องคู่นี้หรอก สภาพพี่เวย์ตอนนี้มันแย่เกินที่ผมจะทนมองต่อไปได้โดยไม่ช่วยอะไร “เป็นห่วงพี่หรอครับ” พี่เวย์หันกลับมายิ้มให้ รวมทั้งก้าวเดินเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม “ถ้าเป็นห่วงก็แวะไปเยี่ยมพี่ที่ห้องได้นะ แล้วพี่จะรอนะครับน้องดรีม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม