[SHOW] EP1
ในชีวิตผมเจอะเจอคนมามากมาย ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย มีทั้งจำได้และจำไม่ได้ ไม่ว่าจะสวยราวกับนางฟ้า หรือหล่อราวกับเทพบุตร ผมล้วนแต่เจอมาหมด แต่ในชีวิตนี้ยังไม่มีผู้ชายคนไหนที่ผมเจอแล้วรู้สึกร้อนเท่ากับเขาคนนี้มาก่อน ในชีวิตนี้ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนแล้วจำลึกเข้าไปยังเซลล์สมองได้เท่ากับเขาคนนี้…’พี่โชว์'
“กรี้ดดดดดดด!!! พี่โชว์!!”
“โอ๊ย!! เลือดกำเดาจะไหล หล่อมากก แน่นมากกก!!”
“กรี๊ดดด พี่โชว์คนหล่อ!”
‘พี่โชว์’ ที่บรรดาสาวเล็กสาวใหญ่รวมไปถึงสาวๆข้ามเพศคลั่งใคร่ คือผู้ชายที่ฮอตปรอทแตกที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา เพราะว่านอกจากชื่อว่าโชว์ นิสัยพี่เขาก็ชอบโชว์ไม่ต่างกัน
“ซิกแพคแน่นมากแม่!!” ยืนยันได้จากเสียงผู้ชายร่างยักษ์แต่จิตใจหวานแว๋วที่ยืนอยู่ข้างๆผมได้
มหา’ลัยอื่นคนเรียนหมอ เรียนวิศวะ แล้วจะฮอต แต่คงไม่ใช่ที่ม.Sของผมแน่นอน เพราะที่นี้..เกษตรเด็ดสุด! ที่ต้องบอกว่าเด็ดก็เพราะตัวพ่อเขาอยู่คณะนี้ไง ‘พี่โชว์คนชอบโชว์’ ที่เอะอะอะไรนิดหน่อยก็ถอด! อากาศร้อนหน่อยก็พร้อมปลด(เสื้อผ้า)
‘พี่โชว์’ คือผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าหล่อครบเครื่องที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะเป็นได้ ทั้งรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทนแบบหนุ่มไทยแท้ ดีกรีเดือนมหา’ลัย ความหล่อของพี่โชว์ฮอตถึงขั้นที่ว่าอยู่มาจนปี3 ยังไม่มีเดือนดวงไหนมากระชากตำแหน่งความหล่อและความฮอตของพี่โชว์ไปได้ ทุกคนล้วนแต่หาวิธีเข้าหาพี่โชว์ อยากอยู่ในสายตาอันร้อนแรงที่แค่ปรายตามองมาก็แทบละลายของผู้ชายสุดฮอตคนนี้ คงมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้อยากอยู่! แต่ต้องมาอยู่ใกล้! ผู้ชายแบบนี้!
ผู้ชายแบบพี่โชว์ที่นอกจากจะชอบโชว์ ยังจะชอบมาเนียน นิดหน่อยขอแค่ได้แตะพี่แกก็เอา! ชอบอ่อย จนทุกวันนี้ผมคิดว่าพี่โชว์เขาเรียนเอกปลูกอ้อยมากกว่าเกษตรภาคพื้นดิน! ไม่รู้ว่าพ่อผมคิดยังไง ถึงได้ถีบหัวส่งลูกชายคนเดียวอย่างผมมาอยู่กับเสือกับจระเข้แบบพี่โชว์ ผู้ชายที่หาคำว่าน่าไว้ใจไม่เจอเลย
“โชว์ เด็กมึงมาหาแล้ววะ”
“เออ เด็กกู แต่กูวานให้พวกมึงเรียกดรีมให้กูหน่อย เอาดังๆให้สมกับหน้าตาหล่อๆของกู”
“น้องดรีม! น้องดรีม!”
“วุ๊!! น้องดรีมทางนี้ครับ!” ผมมองไปตามเสียงเรียกชื่อที่ตะโกนมาจากแปลงเกษตร ก็เจอบรรดาหนุ่มๆทั้งหลายที่ทั้งยิ้ม ทั้งโบกไม้โบกมือให้ผมกันสารพัด และไอ้ต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาเรียกชื่อผม ก็ยืนเท้าเอวมองดูผลลัพธ์ที่ได้ โดยไม่สงสารผมสักนิด ที่โดนสายตาอาฆาตของบรรดาแฟนคลับพวกเขาที่มองมาที่ผม เรียกได้ว่ากลุ่มพี่โชว์ฮอตกันแทบจะทุกคน ถึงได้มีแฟนคลับสาวๆตามอยู่ตลอด
“ไอ้บ้าพี่โชว์” ปากผมเปิดออกเป็นคำด่าที่ไม่ได้รุนแรงแต่ไร้เสียงออกมา ส่งไปหาผู้ชายหุ่นดีที่ยืนส่งยิ้มอยู่ด้านหน้า ก่อนที่จะหนีออกมาจากตรงนั้น
ผมเลือกที่จะมายืนรออยู่หลังอ่างล้างมือข้างแปลงเกษตร แทนที่จะเสนอหน้าอยู่ตรงที่เดิม การที่โดนสายตานับสิบคู่มองมาที่ผมเป็นตาเดียวมันไม่ใช่อะไรที่ดีเลย ในสถานการณ์ที่มีผู้ชายหล่อๆให้ความสนใจผมเป็นพิเศษแบบตอนนั้นด้วย
“ก็ว่า…หนุ่มน้อยของพี่ไปไหน?” พี่โชว์มีเสียงที่ทุ้มมีเสน่ห์เฉพาะตัว แค่เขาเอ่ยปากพูด ผมก็จำได้โดยที่ไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ
“ตรงไหนที่บอกว่าผมเป็นหนุ่มน้อย”
“ก็…..” พี่โชว์เว้นช่วงไว้ไม่ยอมพูดต่อ แต่เปลี่ยนเป็นการลากดวงตาสีเข้มของเขา ไล่มองรูปร่างผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมาหยุดเอาตรงกลางร่างกาย ที่ไม่ต้องอ้าปากพูดก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่เขาชอบยิ้มมาให้ผม“ตรงไหนน้อยก็ตรงนั้นแหล่ะ”
“ไอ้พี่โชว์!”
“เรียกทำไม? อยากให้โชว์หรอ?” ผมยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามนั่นเลยสักคำ พี่โชว์ก็จัดการปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวเองออกทันที ถึงแม้ว่าที่ใส่อยู่จะเหมือนไม่ได้ใส่ก็ตาม
เสื้อนักศึกษาสีขาวเปียกเหงื่อชุ่ม จนแนบไปกับรูปร่างแต่ละสัดส่วน โชว์กล้ามแขน กล้ามหลัง กล้ามท้อง นั่นก็ทำให้พี่โชว์ฮอตอยู่แล้ว ยิ่งบอดี้เหล่านั้นไร้สิ่งกีดขวาง ปรอทวัดความฮอตสำหรับผู้ชายคนนี้ก็สูงขึ้นจนทะลุปรอทแตกแทบจะทันที
“ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ย!” ผมที่เป็นผู้ชายแท้ๆ ยังรู้สึกอดทนกับความฮอตของพี่โชว์ไม่ค่อยจะไหว ต้องรีบกลับหลังหัน เอาสายตาหนีไปจากสัดส่วนสุดจะเพอร์เฟคพวกนั้น โชคดีที่ตรงอ่างล้างมือมันเป็นมุมอับ ไม่ค่อยมีใครมาอยู่แถวนี้ ไม่งั้นข่าวฉาวของวันนี้คงเป็นรูปและคลิปวิดีโอเปลือยท่อนบนของพี่โชว์เผยแพร่ไปให้สาวๆและหนุ่มๆในม.ได้ดู
“ก็โชว์ให้ดรีมดูไง ก็ดรีมบอกพี่ให้พี่โชว์”
“เรียกชื่อไหมล่ะ! โชว์ที่เป็นชื่อ! ไม่ใช่ให้มาโชว์” ผมบ่นเขาในขณะที่ตัวเองก็หันหลังหนี “ รีบใส่เสื้อให้ดีๆเลย”
“ไม่เอาอ่ะ ถอดมาแล้วขี้เกียจใส่” เสียงลากเท้าเดินของพี่โชว์ดังเข้ามาใกล้ด้านหลังผมมากขึ้นทุกที “ถ้าจะใส่ดรีมคงต้องใส่ให้พี่แล้วล่ะ”
“เรื่องไร! ตีนมือก็มีพี่ก็ดูแลตัวเองดิ” พูดไปผมก็ขยับหนีพี่โชว์ไปด้วย เพราะเขาเล่นขยับตัวมาชิดผมมากขึ้นทุกที ขนาดผมถอยมาติดรั้วเหล็กที่กั้นเขต พี่โชว์ก็ยังคงตามและเอากล้ามอกแน่นๆของตัวเองมาถูไถให้หลังผมสัมผัสกับกล้ามเนื้อเหล่านั้นของตัวเอง
“โอ๊ยย!! ถ้าไม่ใส่ก็ล้างมือล้างตีนให้มันดีๆ จะกินไหมข้าวเนี่ย!” ในเมื่อหนีแล้วไม่พ้น ผมก็โวยวายกลับ
การโวยวายและใช้เสียงดังเป็นเรื่องที่ผมถนัด เวลาที่ผมทำสิ่งเหล่านี้ออกไปฝ่ายตรงข้ามมักจะยอมทำตามที่บอกทุกที ทีแรกดูเหมือนพี่โชว์จะเลิกระรานไม่วุ่นวาย ยอมปล่อยให้ผมเดินหนีแต่โดยดี แต่เปล่าเลย ตัวไม่ได้เดินตามมา แต่โยนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อมาระรานผมแทนร่างกายของเขา
“ไม่แกล้งผมสักวันได้ไหมเนี่ยพี่โชว์!” ผมหันกลับไปโวยวายใส่พี่โชว์อีกครั้ง เมื่อเสื้อเปียกๆของเขาหล่นมาที่หัวของผม “แล้วเสื้อเนี่ยก็สกปรก เชื้อโรคทั้งนั้น! เกิดหน้าหล่อๆของผมเป็นสิวขึ้นมาพี่จะรับผิดชอบยังไง!?”
“กลัวอะไร พี่มีน้ำดี ฉีดใส่หน้าสองสามที เดี๋ยวก็หาย” คำพูดจากำกวมจากปากพี่โชว์มันเป็นเรื่องปกติที่เขาใช้พูดกับผม แต่ความหมายที่สื่อออกมาจากคำพูดมันไม่เคยปกติเลยสักคำ!
“ทะลึ่งว่ะ พ่อคิดยังไงถึงให้พี่มาดูแลผม โคตรจะไม่ปลอดภัยเลย”
“ดรีมไม่เคยได้ยินหรอ? ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
“ยกเว้นที่ที่อยู่กับพี่อ่ะ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย เอาเสื้อไปใส่แล้วล้างมือได้แล้ว ไม่งั้นผมไม่รอ” คนโดนบ่นยังคงทำลีลา ยืนโชว์ผิวสีแทนกับกล้ามท้องแน่นๆ ไม่ยอมทำในสิ่งที่ผมบอกง่ายๆ
“เออ! ไปกินคนเดียวก็ได้” ความอดทนที่ผมมีมันไม่สามารถเอามาใช้กับคนอย่างพี่โชว์ได้ตลอด ดูเหมือนการที่ทำให้ผมหมดความอดทนจะเป็นเรื่องที่พี่โชว์ถนัด
ผมหันหลังเดินออกมาจากมุมที่เรายืนคุยกัน ถึงพี่โชว์จะไม่เร่งรีบล้างมือแต่งตัว แต่เขาก็รั้งให้ผมยังอยู่ที่เดิมด้วยการใช้คำพูดแบบที่เขาถนัดมาข่มขู่พร้อมข่มขวัญ
“ไม่กลัวเด็กวิศวะมานั่งล้อมอีกก็ตามใจ พี่ไม่ช่วยนะครับบอกเลย” คำพูดเขารั้งผมให้อยู่กับที่ได้ทันที
‘เด็กวิศวะ’ ที่พี่โชว์พูดถึงก็คือกลุ่มเด็กวิศวะ ที่ไม่รู้ว่าหน้าตารูปร่างผม มันไปติดตาตรึงใจอะไรพวกเขา ถึงได้มานั่งห้อมล้อมผมตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน เวลาที่เดินผ่านตึกวิศวะพวกเขาก็ต้องเดินตาม ไม่ก็ส่งเสียงเรียกผมทุกครั้ง ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยทุกครั้งที่เจอพวกนั้น ถึงได้ให้พี่โชว์พาไปไหนต่อไหน เป็นไม้กัดหมาไม่ให้คนพวกนั้นเข้าใกล้
“ถ้าเกิดผมโดนมันฉุดไป พี่ก็ไปสารภาพกับพ่อผมเองแล้วกัน” ผมเอาพ่อมาขู่ก็เพราะพ่อผมส่งผมให้มาอยู่ใกล้ๆพี่โชว์ ก็หวังว่าจะให้เขาช่วยดูแลผมนั่นแหล่ะ แต่ถ้าดูแลไม่ได้ก็ไปสารภาพบาปกับพ่อผมเอาเองแล้วกัน
ผมทำเป็นเดินหนีแต่ก็ไม่ได้เร็วมาก เพราะรู้ว่าถ้าใช้พ่อมาขู่ยังไงพี่โชว์ก็ต้องทำตามที่ผมบอกอยู่ดี ดังนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงก็เดินมาขนาบอยู่ข้างๆ พร้อมทั้งเสื้อที่เขาจัดการใส่มันแล้วเรียบร้อย
แขนที่แข็งแรงวาดขึ้นสูงกลางอากาศ และวางทิ้งไว้บนบ่าของผม ตามแบบฉบับชอบทำเนียนของพี่โชว์ ผมอยากจะทำตัวให้ชินแต่ก็รู้สึกว่าชินไม่ได้สักที จะมีผู้ชายสักกี่คนบนโลกที่ชอบแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายด้วยกันเองแบบพี่โชว์อีก
“อะไรกัน…พี่แค่ล้อเล่นเอง จริงจังไปได้หนุ่มน้อย”
“อย่ามาเนียนพี่โชว์ จะเอาออกดีๆหรือจะให้ใช้กำลัง” ผมมองไปที่ท่อนแขนใหญ่บนบ่าของตัวเอง ที่เจ้าของแขนไม่ยอมยกออกห่างไป จนผมต้องงัดวิชาต่อสู้ที่เคยเรียนออกมาใช้ แต่ก็ยังไม่ทันจะได้ใช้ก็มีคนเข้ามาขวาง
“โชว์” ผู้หญิงผมสั้นตัวเล็ก ในชุดกาวน์คุณหมอเรียกชื่อพี่โชว์ พร้อมกับส่งยิ้มหวานๆมาให้ แต่สายตาของเธอกำลังจ้องเขม็งมายังแขนที่คล้องคอผม กับมือที่ผมจับอยู่ ไม่ได้จับเพราะพิศวาสนะ ที่จับเพราะจะหักมันทิ้งต่างหาก
“ว่าไง?” พี่โชว์ตอบกลับไป ทั้งๆที่ยังคล้องคอผมอยู่แบบนั้น แล้วยังรั้งคอผมให้เข้าไปใกล้เขา โดยไม่แคร์สายตาผู้หญิงผมสั้นคนนั้นสักนิด ว่าเธอไม่ชอบใจมากขนาดไหนกับการใกล้ชิดของเราสองคน
“เราไลน์ไปหาโชว์ตั้งแต่เช้า ไม่เห็นโชว์ตอบ ก็เลยกะว่าจะไปหาที่แปลง ไม่คิดว่า..จะเจออยู่ตรงนี้”
“อ้อ! เราเรียนทั้งวันน่ะ ไม่ได้จับโทรศัพท์ขอโทษทีนะ” พี่โชว์ทำหน้าทำตาเสียอกเสียใจสุดฤทธิ์ ที่ทำให้เธอคอย แต่ผมรู้อยู่เต็มอก ว่าแม่งแค่แสดงไปงั้นๆแหล่ะ ให้ผู้หญิงเขาตายใจ เชื่อซิ ผมเคยเห็นภาพแบบนี้จากผู้ชายคนนี้มาก่อน
“ไม่เป็นไร งั้นเราไปกิ-“
“เราต้องพาดรีมไปกินข้าวก่อนอ่ะ สัญญากับน้องไว้ เดี๋ยวเด็กมันจะน้อยใจแย่”
ตัวผมถูกโยงเข้าไปเป็นข้ออ้าง หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น สายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนักก็หันกลับมามองผมแทบจะทันที แต่เธอก็แค่มองไม่ปริปากด่าหรือว่าผมออกมาแบบคนอื่นๆ แค่สายตาที่มองมาผมก็พอรู้แล้วล่ะ ว่าเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“อะ..อะไร? สัญญาตอนไหน?” ผมแย้งคำพูดของพี่โชว์ ไม่ยอมเป็นเหยื่อเขาง่ายแบบที่ผ่านมาหรอกนะ!
“เมื่อคืนไง ก่อนนอนดรีมยังอ้อนให้พี่พามากินข้าวเที่ยงด้วยอยู่เลย” ประโยคที่ชวนคิดไปในเชิงไม่ดีหลุดมาจากพี่โชว์อีกครั้ง
“อ้อนเลยหรอ?” ผมหันไปถามอีกครั้งให้แน่ใจ ว่าผมเคยอ้อนเขาด้วยหรอ? ถ้าบอกว่าประชดเช้า กลางวัน เย็น จะไม่สงสัยสักคำ รู้หรอกว่ามันเป็นมุข แต่เป็นมุขที่ไม่ผ่านการตะเตรียมอะไรเลย
“ทำตัวเป็นเด็กดี แล้วพี่จะคุ้มครองดรีมไปนานๆ” พี่โชว์ก้มมากระซิบให้เรารู้กันแค่สองคน ผมก็ไม่อยากเล่นตามน้ำไปกับเขานักหรอก แต่นี้ก็ปาไปแล้วเที่ยงกว่าแล้ว ผมเองก็เสียเวลาทะเลาะกับพี่โชว์มานาน และผมก็ไม่อยากมาเสียเวลาเพิ่มขึ้นเพราะเรื่องรักๆใคร่ๆอีกต่อไป
“พี่โชว์น้องหิวแล้ว พี่ควรพาน้องไปกินข้าวได้แล้วนะ” ผมแสดงอาการสะดีดสะดิ้ง ออดอ้อนพี่โชว์เพื่อให้สมกับคำโกหกที่เขาพูดไว้ก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าจากเมื่อกี้ที่แค่ไม่ชอบ ตอนนี้ต้องเรียกว่าเธออาจจะเกลียดหน้าผมเลยก็ได้
“เราคงต้องไปแล้วนะวิว” พี่โชว์หันไปพูดล่ำลาเธอและดูเหมือนคนที่ชื่อวิวจะไม่ยอมปล่อยพี่โชว์ไปง่ายๆ เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง ผมเลยชิงพูดขึ้นมาก่อน แล้วจัดการลากพี่โชว์ออกมา
“ร้ายเหมือนกันนะเนี่ยน้องดรีม”
“อยู่กับคนแบบพี่ ผมคงเป็นคนดีได้มั้ง?” คนถูกด่ายิ้มรับคำด่าทางอ้อมของผมอย่างหน้าชื่นตาบาน “พี่ไม่อยากคุยกับเธอแล้ว ทำไมพี่ไม่บอกกับเธอไปตรงๆ” ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่ผมเคยพบเจอ ก่อนหน้ามีอีกหลายคนที่พี่โชว์ทำท่าจะทิ้งและห่างเหินพวกเธอแบบนี้
“ให้บอกว่า เราได้เธอแล้ว พอเถอะเธอเด็ดไม่ถึงใจแบบนี้หรอ?”
“แค่กกๆ!..ไอ้พี่โชว์! พูดอะไรมาเนี่ย” คำพูดประโยคนั้นของพี่โชว์ ทำเอาผมสำลักเส้นก๋วยเตี๋ยว จนแสบคอแสบจมูกไปหมด ถ้าผู้หญิงคนนั้นเธอมาได้ยิน พี่โชว์คงโดนเธอตบด้วยจานราดหน้าในมือตัวเองแน่ๆ ว่าเธอง่ายไม่พอ ยังว่าเธอจืดชืดเรื่องบนเตียงอีก
“ก็ดรีมบอกให้พี่พูดตรงๆไม่ใช่หรอ นี่ไง ยังตรงไม่พออีกหรอ?”
“ได้เขาแล้วยังจะว่าเขาอีก ผู้ชายเขาไม่กินในที่ลับไข่ในที่แจ้งหรอกนะพี่โชว์ ไม่แมนเลยว่ะ”
“เคยลองแล้วหรอถึงรู้ว่าพี่ไม่แมนอ่ะ เท่าแขนเลยนะขอบอก” พี่โชว์พูดพร้อมกับชูท่อนแขนที่บึกบึนขึ้นมาให้ผมเห็นภาพ
“ทุเรศ! หยุดพูดเลย ก่อนที่ผมจะกินอะไรไม่ลง”
“นี่พี่พูดเรื่องจริงยังมาว่าพี่อีก นี่พี่นะ” พี่โชว์ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ย้ำสถานะให้ชัดว่าเขาโตกว่าและเป็นพี่ผมนะ ผมละสายตาจากแขนที่ล่ำกล้ามแน่นมาที่จานราดหน้าของพี่โชว์ ก่อนจะเอ่ยปากแขวะคนที่บอกว่าตัวเองเป็นพี่
“เป็นพี่ประสาอะไร กินราดหน้าหน้าตาจืดชืดไร้รสชาติขนาดนี้ ชอบเด็ดๆแต่ไม่กินเผ็ดเนี่ยนะ?” คนถูกถามมองย้อนกลับมาที่จานก๋วยเตี๋ยวของผม ที่เต็มไปด้วยพริกป่นสีแดง ไหนจะน้ำส้มสายชูที่เทลงไปหลายช้อน เรียกได้ว่านอกจากสีที่แสบทรวง รสชาติก็ทะลวงไส้
“ถ้าดรีมรู้จักของเด็ด แล้วจะเลิกกินเผ็ดแน่นอน” พี่โชว์ตอบกลับมาแบบนิ่งๆ กับรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มยิ่งกว่าที่ผมยิ้มให้เขาเมื่อครู่
“พะ..พี่โชว์!!” ผมรู้นะว่าประโยคเมื่อกี้พี่โชว์มันแฝงความหมายนัยซ่อนไว้อ่ะ ผมไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นนะ รู้หรอกว่าทำไมถึงจะต้องเลิกกินเผ็ด ไอ้พี่บ้า!!!
“เรียกทำไม? อยากกินของเด็ดหรอ?” พอเห็นหน้ากวนโอ๊ย อ้อนตีนอ้อนมือของพี่โชว์ ผมก็ไม่รู้จะสรรหาคำด่าคำไหนมาพูด “ถ้าอยากกินของเด็ดก็เคาะห้อง701นะ”
“701....นั่นห้องพี่ไม่ใช่รึไง อย่าบอกนะ-“
“ใช่ ในม.S พี่เด็ดสุด” พี่โชว์พูดพร้อมกับยิ้มสุดจะกรุ้มกริ้มและแสนจะเจ้าเล่ห์ พ่อจะรู้ไหมว่าคนที่พ่อไว้อกไว้ใจนักหนา ตอนนี้กำลังชวนลูกชายพ่อขึ้นไปลองของเด็ดยันห้องนอน
“นอกจากไอ้พวกนั้น พี่ก็อันตรายไม่ต่างกันเลยเหอะ”
“ไม่เหมือน พี่ไม่เหมือนเด็กวิศวะ” พอพูดถึงเด็กวิศวะ พี่โชว์ก็รีบแย้งขึ้นมาทันที
“ ไม่เหมือนยังไง เมื่อกี้พี่ยังจะชวนผมไปลองของเด็ดอยู่เลย”
“แต่พี่ก็ไม่เคยทำให้ดรีมต้องรู้สึกกลัวเหมือนมัน เวลาที่อยู่ใกล้กัน” อันนี้ผมไม่เถียง ถึงแม้ว่าพี่โชว์จะปากไม่ว่าแต่มือไม้ถึงเนื้อถึงตัวไปหน่อย แต่เขาก็ไม่เคยทำให้ผมต้องรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย หรือไว้ใจเขาไม่ได้เลยสักครั้ง “และที่สำคัญ”
“อะไรอีกละ?”
“พี่หล่อกว่ามัน และเด็ดที่สุดในม.S” โชคดีจริงๆที่ผมกินอิ่มแล้ว ไม่งั้นผมคงกินต่อไม่ไหวหลังจากได้ยินคำพูดเมื่อครู่ เป็นผู้ชายที่หลงตัวเองที่สุด!
“ผมไม่อยู่คุยกับพี่แล้ว! แม่งหลงตัวเองว่ะ!”