[SHOW] EP15

3582 คำ
-โชว์- ถ้าย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็คงจะเริ่มตั้งแต่เมื่อ3ปีที่แล้ว ตอนที่ผมเข้ามาเรียที่นี่ใหม่ๆ ก่อนที่จะรู้จักพวกไอ้แทน ก่อนหน้านั้นผมรู้จักกับเวย์ก่อนเป็นคนแรก เพราะเราทั้งคู่ต้องไปซ้อมกิจกรรมดาวเดือนด้วยกัน ในช่วงก่อนเปิดเรียน เรื่องหน้าตารูปร่างผมกับเวย์ก็จัดว่าเป็นผู้ชายหล่อทั้งคู่ แค่บุคลิกแตกต่างกัน ผมเป็นพวกผู้ชายนอนกลางดินกินกลางทราย ลุยๆ แต่กับเวย์มันเป็นพวกรักสะอาด เนียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเลยปฏิบัติกับมันแตกต่างจากที่ทำกับพวกไอ้แทน พูดจาดีกว่า เอาใจใส่มากกว่า ดูแลมันมากกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่ม ผมมองมันเป็นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งมาตลอด เพราะมันไม่เคยแสดงอะไรให้ผมเห็นเลยสักครั้ง ว่ามันชอบผู้ชายด้วยกัน และไม่เคยคิดเหมือนกัน ว่าการที่ผมปฏิบัติกับมันไม่เหมือนคนอื่น จะทำให้มันมองผมมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ นอกจากเวย์จะเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มแล้ว ยังมีเดย์ที่ตามเข้ามาด้วยอีกคน ในช่วงที่เราขึ้นปี2 เดย์มันเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมใครพอๆกับไอ้แทน แต่ก่อนมันสองคนเคยสนิทกันมาก เดย์มันเลยให้ความเกรงใจแทนมากกว่าใครในกลุ่ม แต่ก่อนกลุ่มพวกเราเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่ได้แค่คณะเกษตร แต่พอเกิดเรื่องคืนนั้นที่งานวันเกิดเวย์ ที่บ้านของเวย์ ห้องของเวย์ และบนเตียงของเวย์ -วันเกิดเวย์ (บทบรรยาย)- “โชว์เบาๆหน่อย เดี๋ยวก็เมาเป็นหมาพอดี” เวย์ปรามเพื่อนข้างๆ ที่กำลังยกแก้วเพรียวๆดื่มแข่งกับคนอื่นในโต๊ะ “วันเกิดนายไม่ได้มีบ่อยๆนะเวย์ อย่ากังวลไปเลย” “ไม่ได้กังวล แค่เป็นห่วง” เวย์ตอบเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วงจริงๆ “ถ้าเราเมา นายก็พาเราขึ้นไปนอนด้วยล่ะกันนะ” ในเมื่อห้ามไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เวย์ก็นั่งมองโชว์ดื่มต่อไป ใบหน้าหล่อนั่งเท้าคาง เอียงหน้ามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดมาตอนไหน มารู้ตัวอีกทีเวย์ก็ละสายตาจากผู้ชายฮอตคนนี้ไม่ได้แล้ว รูปร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อกำยำได้สัดส่วนทุกมัดกล้าม ยิ่งเวลาที่โชว์ยกแก้วขึ้นดื่ม จนลูกกระเดือกขยับตามแรงกลื่น เขายิ่งละสายตามองไม่ได้ เวย์นั่งมองโชว์อยู่แบบนั้นไม่ขยับหนีไปไหน พวกคนอื่นบนโต๊ะก็เริ่มเมาบังคับตัวเองไม่อยู่ นอนหมอบไปกับโต๊ะ บางคนก็หล่นตกเก้าอี้ไปนอนอยู่บนพื้น เหลือแค่ผู้ชายข้างๆคนเดียว ที่ยังทรงตัวนั่งอยู่ได้ “เมารึยังละ?” คนถูกถามส่ายหัว แล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ยืนได้ยังไม่ถึงนาที ก็เริ่มเซจะล้ม เวย์เลยรีบเข้ามาช่วยพยุง กลิ่นน้ำหอมผสมเคล้ากับกลิ่นแอลกอฮอล์ มันชวนให้หลงไหลจนต้องสูดดม เวย์ดมกลิ่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เขาห้ามตัวเองที่จะเข้าใกล้โชว์ให้มากกว่านี้ไม่ได้ จมูกโด่งของเวย์กดลงที่ซอกคอเบาๆ แล้วหายใจเข้าสูดเอากลิ่นของผู้ชายคนนี้ให้ได้มากที่สุด แล้วความคิดหนึ่งมันก็วูบเข้ามาในหัวของเขา “โชว์…จะนอนอยู่ข้างล่าง หรือจะขึ้นไปที่ห้องเรา” โชว์ฝืนลืมตามองพวกที่นอนหมดสภาพบนพื้น แล้วส่ายหน้า “ข้างบน” เวย์พาโชว์ขึ้นมาจนถึงชั้นสอง อาจจะลำบากหน่อยเพราะอีกฝ่ายช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย ตอนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าห้อง เสียงของเดย์ก็ทักขึ้นมา “อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆดีกว่าเวย์” เดย์ยืนพิงกำแพงมองดูพี่ชายตัวเอง ที่พยุงเพื่อนรุ่นพี่ของเขาเอาไว้ข้างกาย “เปล่า เวย์ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย” “เดย์ไม่ได้โง่เวย์อย่าลืม เป็นเพื่อนกันมันไม่ดีรึไง” “เดย์ไม่เคยรักใคร เดย์ไม่เข้าใจเวย์หรอก” พูดจบเวย์ก็หันหน้ากลับมาเปิดประตูอีกครั้ง โดยไม่ฟังเสียงเตือนของเดย์ “ก็รักเวย์ไง ตามใจอยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่ามาเสียใจทีหลัง” หลังจากที่เวย์พาโชว์หายเข้ามาในห้อง เดย์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตามองแค่ประตูที่เพิ่งถูกปิด แล้วก็ตัดสินใจเดินถอยหลังออกมา คว้ากุญแจรถขับออกมาข้างนอก ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ขอไม่รับรู้มันเลยก็แล้วกัน เวย์นั่งมองโชว์ที่นอนหลับแบบไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขาพิจารณาใบหน้าหล่อจนถึงรูปร่าง หาสาเหตุที่ทำให้เขารักผู้ชายคนนี้ จนมองหาคนอื่นไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะโชว์ใส่ใจเขา ไม่เหมือนที่ละเลยคนอื่น โชว์พูดดีกับเขา ดูแลเขา จนมันมาสร้างความหวังว่าโชว์อาจจะมีใจให้กับเขา จนถลำลึกความรู้สึกมาไกลขนาดนี้ แต่แล้วโชว์ก็ตัดความหวังเขาลง ด้วยการพาผู้หญิงมาให้เขากับคนอื่นๆรู้จัก เธอคนนั้นไม่ใช่แฟน แต่ก็ได้มีโอกาสสัมผัสร่างกายของคนที่เขารัก แบบที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ในตอนนั้นเขาทำได้แค่นั่งมองแล้วก็ยิ้ม ทำเป็นพูดคุยกับเธอทั้งที่ในใจอยากจะด่าสาปส่งเธอสารพัด แต่ก็ทำไม่ได้! “นายเป็นผู้ชายที่หล่อมากเลยนะโชว์ หล่อจนเราเลิกมองนายไม่ได้เลย” เวย์ขยับตัวลงนอนตะแคงข้าง มองหน้าโชว์ที่อยู่ห่างเขาแค่คืบ เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของโชว์ ทำให้เขาคิดว่าโชว์หลับไปแล้ว ริมฝีปากหยักถึงได้ขยับปาก บอกรักกับคนตรงหน้า “เรารักนายนะโชว์…” เวลาผ่านไปสักพักคนตรงหน้าเวย์ก็ลืมตาขึ้น โชว์มองเวย์นิ่งๆโดยไม่พูดอะไร ทั้งคู่นอนสบตากันอยู่แบบนั้นหลายนาที แล้วโชว์ก็กลายเป็นฝ่ายขยับร่างกายเข้ามาหาเวย์ ใบหน้าหล่อของโชว์ขยับยื่นเข้ามาใกล้ จนเวย์ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งมาจากลมหายใจ โชว์ขยับเข้ามาใกล้ห่างกันแค่ปลายจมูก ฝ่ามืออุ่นวางลงทาบบนแก้มของเวย์ ปลายนิ้วลูบไล้สัมผัสวนเวียนอยู่บนแก้มแล้วลามลงมาที่ริมฝีปาก โชว์จดจ้องมองริมฝีปากนั้นไม่กระพริบตา “ขอจูบได้ไหม?” “อึก!” เวย์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะที่ได้ยินประโยคนั้น ตอนแรกเขาคิดว่าเขาฝันไป จนกระทั่งสัมผัสอุ่นนุ่มนิ่มที่ริมฝีปากเกิดขึ้น เขาถึงได้รู้ว่า..นี้มันเรื่องจริง เวย์ปล่อยให้โชว์จูบโดยไม่ต่อต้านอะไร เขาตามใจโชว์ทุกอย่าง ไม่ว่าโชว์จะขยับยังไง บดคลึงรุนแรงหรืออ่อนโยนแค่ไหน เขาก็รู้สึกดีไปเสียหมด เวย์รู้เพียงแค่ว่า สัมผัสของผู้ชายคนนี้ มันตื่นเต้นและเร้าใจไปทุกท่วงท่า เวย์สัญญากับตัวเองไว้ว่าเขาจะหยุด ก็ต่อเมื่อโชว์หยุด! “อื้มมม..อื้อ…” ทั้งคู่จูบกันอยู่นาน นานจนพอที่จะสามารถถอดเสื้อผ้า ให้เปลือยเปล่ากันได้ทั้งคู่ เหงื่อเริ่มซึมชื้นไปทั่วทั้งร่างของคนสองคนที่กอดรัดกันอยู่บนเตียง ด้วยแรงอารมณ์ที่มันพุ่งสูงกันทั้งคู่ นาทีนี้ไม่ใครยอมใครทั้งนั้น เวย์ทำได้เพียงนอนหอบหายใจกระเส่าอยู่ด้านล่าง ปล่อยให้คนด้านบนเขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ ทุกการกระทำที่เขาได้รับ มันเจ็บปวดจนน้ำตาซึม แต่ความรู้สึกเติมเต็มที่โชว์หมอบให้ มันช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดไปจนแทบไม่เหลือ โชว์รุนแรงและหนักหน่วงกับเขา แบบที่เขาไม่เคยคิดว่าคนแบบโชว์จะทำอะไรแบบนี้ ที่เขาคาดไม่ถึง “โชว์!..บะ..เบา” ทุกการกระทำจบลง พร้อมกับอีกฝ่ายที่ทิ้งตัวลงนอนข้างเขา ดึงเขาเข้าไปกอดไว้แนบอก ได้ยินเสียงหัวใจที่มันเต้นถี่ไม่แพ้ของเขา วันเกิดเขาปีนี้โชว์คือของขวัญที่ดีที่สุดของเขา เวย์นอนยิ้มด้วยใจที่มันพองโต ในหัวเขาครุ่นคิดแค่เรื่องโชว์ ผู้ชายที่เป็นของเขา แล้วเขาก็กลายเป็นของอีกฝ่าย “นายก็รู้สึกดีกับเราใช่ไหม ถึงทำแบบนี้” เขามั่นใจว่าโชว์ยังไม่หลับ เพราะอีกฝ่ายยังคงไล้จมูกไปตามลำคอของเขาเล่นอยู่ ถึงได้ถามออกไป แต่คำตอบมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวัง “พี่ชอบดรีมนะ” -จบพาร์ท บทบรรยาย- คืนนั้นผมเมามากจนจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยว่าสาเหตุมันเกิดมาจากอะไร คืนนั้นผมถึงมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทได้ รู้แค่ว่าผมตื่นเช้ามาก็เห็นว่าตัวเอง นอนอยู่ข้างๆเวย์ด้วยสภาพเปลื่อยเปล่าทั้งคู่ ร่องรอยบนตัวเวย์ที่ผมเห็นมันตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเมื่อคืน…เรามีอะไรกัน “ผมไม่หนีพี่ไปไหนหรอก..” น้องเห็นผมเงียบไปนาน ก็เลยเลือกจะเป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบ ผมเองก็พอใจชื้นขึ้นบ้าง ที่เล่ามาถึงขนาดนี้แล้วน้องยังยืนยันจะอยู่ข้างผม “เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ คนเมาเข้าใจนะพี่โชว์” “จำคำพูดของตัวเองเมื่อกี้ไว้นะ เพราะสิ่งที่พี่ทำต่อจากนี้มันไม่ได้ดีเท่าไร” ผมลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแต่งตัว ก่อนที่ผมจะออกมาจากห้อง เวย์ก็ตื่นขึ้นมาพอดี ผมมองหน้ามันได้แค่แวบเดียว แล้วก็ต้องหลบสายตา ผมไม่กล้าสู้หน้ามันจริงๆ มันเองก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ลุกขึ้นมาแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยรีบพูดกับมันก่อนที่มันจะเดินเข้าห้องน้ำไป “เรื่องนี้อย่าใคร ทำเป็นว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกันนะเวย์” มันพยักหน้าตกลง แล้วยิ้มมาให้เหมือนปกติ แต่กลายเป็นว่าผมนี้แหล่ะที่ไม่ปกติ ผมยิ้มให้มันไม่ได้ ผมเดินออกมาจากห้องของมัน ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ ตอนนั้นในหัวผมคิดบ้าอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงไม่พูดออกมา ผมเดินสวนกับเดย์หน้าบ้าน เดย์ไม่พูดกับผมทำเมินผมแล้วเดินเข้าบ้านไป เรื่องทุกอย่างมันควรจบไว้แค่บ้านเวย์ แต่แล้วทุกอย่างมันก็บานปลาย ตั้งแต่วันนั้นผมไม่สนิทกับเวย์เหมือนแต่ก่อน เวย์เองก็เงียบซึมไปจนหลายๆคนในกลุ่มทัก และแล้วก็เป็นเดย์ที่ทนสถานการณ์ต่อไปไม่ไหว เดย์เป็นคนพูดเรื่องของผมกับเวย์ขึ้นมา แล้วก็ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะไม่นับถือผมอีก แล้วจูงมือพาเวย์ออกมา เราต่างคนต่างอยู่ จนมาวันหนึ่งเวย์มาเคาะประตูห้องขอคุยกับผม “ถ้าโชว์ไม่รังเกียจ เราขอเข้าไปได้ไหม?” ผมเปิดประตูให้เวย์เข้ามา เวย์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ “มีอะไรรึเปล่า?” ผมไม่ได้เจอเวย์เกือบครึ่งเดือน มันดูโทรมลงไปเยอะ ซูบผอมลงไปมาก “เรามีเรื่องจะคุยกับโชว์” “อืม” ผมเดินไปนั่งคุยกับเวย์ที่ปลายเตียง แต่ก็ไม่ได้มองหน้ามันหรอก ผมเลือกหันไปมองวิวนอกหน้าต่างแทน เสียงอะไรบางอย่างกระทบลงกับพื้นห้อง ผมเลยหันมามอง ก็เห็นเป็นเวย์ที่ทิ้งตัวนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าผม “โชว์ เรารักนาย” คำพูดของเวย์มันทำให้ผมน็อคคาอากาศ พูดไม่ออก ได้แต่นั่งมองหน้ามันนิ่งๆ แต่แล้วเวย์ก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง มันคลานเข่าเข้ามากอดขาผม เอ่ยคำอ้อนวอนให้ผมรักมันสารพัด ผมตั้งตัวไม่ถูกเลยผลักมันออกไป มันไม่ได้ตั้งตัวเลยหงายหลังหัวไปกระแทกกับขอบเก้าอี้ จนหัวแตกเลือดไหลเป็นทาง “เวย์ คือ..” ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ที่เลือดมันไหลออกมา “โชว์ นายจะทำอะไรเราก็ได้ อย่าไล่เราก็พอ” แทนที่มันจะโกรธที่ผมทำให้มันเจ็บ มันกลับมานั่งคุกเข่ายกมือไหว้ขอร้อง ผมพยายามพยุงตัวมันให้ลุกขึ้น เพื่อจะพาไปทำแผลแต่มันก็ไม่ยอม เกาะขาผมเอาไว้แล้วร้องไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “ลุกขึ้นมาเวย์! บอกให้ลุกมาไง จะปล่อยให้เลือดหมดตัวรึไงวะ!?” “โชว์สนใจเราเพราะเราเจ็บใช่ไหม ถ้าเราเจ็บโชว์ถึงจะสนใจใช่ไหม?” เวย์เริ่มคุมตัวเองไม่อยู่หนักขึ้นทุกที ผมไม่รู้จะทำยังไงในตอนนั้น ก็เลยลากเขาออกมานอกห้อง แล้วปิดประตูหนี ปล่อยให้เวย์ร้องไห้เคาะประตูอยู่หน้าห้อง รอจนเสียงทุกอย่างมันเงียบลง ถึงเปิดประตูออกไปดู ก็ไม่เจอเวย์แล้ว วันถัดมาเดย์มันก็บุกเข้ามาต่อยผมถึงคณะ เหตุการณ์นี้แหล่ะที่ทำให้คนอื่นที่เหลือกับเดย์ไม่ค่อยถูกกัน ตอนนั้นเป็นเรื่องใหญ่พอควร เกือบถึงหูอธิการบดี ได้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยเคลียร์ให้ เรื่องถึงได้เงียบ ตอนแรกผมคิดว่ามันมาต่อยผมเพราะผมผลักพี่ชายมันหัวแตก มารู้ความจริงทีหลังว่าเวย์มันพยายามจะทำร้ายตัวเอง เดย์มาเจอในห้องพักว่าเวย์กำลังเอาหัวโคลกกำแพงห้อง จนเป็นแผลยับเยินนอนโรงบาลอยู่หลายวัน หลังจากที่เวย์มันออกจากโรงบาล มันก็หายหน้าไปเกือบเดือน ผมเลยต้องไปขอแรงเฮียธีมให้ช่วยสืบให้หน่อย ว่าเวย์มันหายไปไหน เพราะการเจอกันครั้งล่าสุดอาการเวย์มันไม่ค่อยดีเท่าไร มันคุมตัวเองไม่ได้ ได้เรื่องมาว่าเดย์พามันไปพบจิตแพทย์ เพราะมันเริ่มรู้สึกเหมือนกัน ว่าเวย์ไม่ปกติเหมือนแต่ก่อน พอรู้เรื่องนี้เข้า พวกไอ้แทนกับคนอื่นๆก็เตือนไม่ให้ผมไปยุ่งกับเวย์อีก มันอาจจะไม่เป็นผลดีกับผม และตอนนั้นผมเชื่อคำพูดของพวกมัน ผมกับเวย์เจอกันอีกครั้ง เวย์มันพยายามเข้าหาผม ยิ้มให้ผม แต่ผมกลับหลบหน้า เดินหนี ทำเป็นไม่รู้จักมัน จนมารู้อีกทีว่ามันมีอาการเป็นโรค อเดล ซินโดรม ที่หลงไหลคลั่งไคล้ในความรัก สาเหตุที่เกิดขึ้นก็มาจากผม! “พี่โชว์…พี่กำลังจะบอกผมว่า..” “เวย์มันมีอาการทางจิต ที่เกิดจากการลุ่มหลง คลั่งไคล้ในความรักกับใครสักคน ดรีมลองทายดูสิว่าใครจะเป็นสาเหตุ” ผมทิ้งคางลงบนเส้นผมนิ่มๆของน้อง สูดดมกลิ่นหอมของแชมพูจากเส้นผมเหล่านั้น “พี่ใช่ไหม?” เสียงน้องตอบมาเบาๆ “ใช่ แทนที่ตอนนั้นพี่จะคุยกับมันดีๆ พี่กลับผลักไสไล่ส่งมัน หันหลังให้มัน” ถ้าวันนั้นผมอธิบายให้มันฟัง ขอโทษมันสักคำ ผมว่าตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่คิดไปก็เท่านั้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว “อาการของพี่เวย์ก็เลยหนักขึ้น” “ดรีมอาจจะเป็นอีกแรงกระตุ้น พอมีดรีมเข้าอยู่ใกล้พี่ แล้วพี่ให้ความสนใจกับดรีม เวย์มันก็เลยยิ่งคลั่งมั้ง ถ้าให้พี่เดา” “เขาเลยเลือกที่จะมาเล่นงานผม โจมตีผมให้ห่างจากพี่ เพื่อหวังว่าสักวันพี่จะกลับไปหาเขา แบบนั้นใช่ไหม?” “พี่คิดว่างั้นนะ” เพราะก่อนหน้าจะมีน้องเข้ามาอยู่ใกล้ผม เด็กที่ผมควงก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบน้อง “ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ที่พี่หลบหน้าพี่เวย์ก็เพราะเรื่องนี้หรอ ที่พี่ทำตามที่พี่เวย์ขอวันนั้นก็เพราะว่าพี่รู้สึกผิดกับเขางั้นซิ?” ผมรู้มาตลอดว่าน้องไม่ใช่เด็กโง่ไม่รู้เดียงสา เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าน้องจะสังเกตและจับผิดได้เก่งขนาดนี้ “ใช่ จริงอย่างที่ดรีมพูดมาหมดนั้นแหล่ะ พี่เป็นสาเหตุ” ผมกอดเอวบางให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าให้ผมสิงร่างน้องได้ ผมคงทำไปนานแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ผมก็ยิ่งไม่อยากให้น้องห่างไปไหน “พี่ทำให้คนๆหนึ่งคลั่งไคล้พี่จนเป็นบ้าได้ ดรีมกลัวไหมว่าตัวเองจะเป็นแบบนั้น” “ถ้าในกรณีนี้ พี่ควรจะเป็นบ้ามากกว่า เพราะพี่มาชอบผมเอง ผมอยู่ของผมเฉยๆ” ผมโต้แย้งไม่ได้เลยจริงๆกับสิ่งที่คนตัวเล็กพูด “แล้ว…จะทิ้งพี่ไปไหม ถ้าดรีมทิ้งพี่ พี่คงไม่ต่างจากเวย์แน่นอน” น้องเริ่มขยับตัวผมคิดว่าเขาคงจะอึดอัด ก็เลยคลายอ้อมกอดให้เขาได้นั่งสบายๆ แต่สิ่งที่น้องตอบกลับผมมา มันดึงความคิดเรื่องเวย์ออกจากหัวผมไปทั้งหมด แล้วอยากจะพาน้องขึ้นมานอนบนเตียงกับผมให้มันจบๆไป! “อื้ออ!” น้องขยับหันหน้าเข้าหาผม ริมฝีปากนุ่มนิ่มกดทาบลงมา เพียงแค่ไม่กี่วิแล้วก็ละจากไป น้องคงจะเขินไม่น้อย แก้มทั้งสองข้างเริ่มมีสีระเรื่อขึ้นจางๆ เห็นแบบนี้แล้วผมก็อดที่จะแทะโลมน้องให้มากกว่านี้ไม่ได้ “ดูแลผมด้วยนะพี่โชว์” หมับ! ผมกำลังจะคว้าตัวคนที่พูดเข้ามากอด และฟัดแรงๆสักที! แต่กลายเป็นว่าผมคว้าได้แต่ลม เพราะน้องดันรู้ทันเลยรีบลุกออกไปยืนให้ห่างผม ด้วยระยะที่ไกลกว่าหนึ่งช่วงแขน ดวงตาคู่ใสไม่กล้าสบตากับผมตรงๆ เอาแต่มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าผมกำลังจะลุกขึ้นไปหาเขา น้องก็รีบเปิดประตูวิ่งหนีออกไป แล้วอ้างว่าจะไปตามพวกที่เหลือมาให้ เด็กมันร้าย! “แหน่ะๆ พอได้พูดความจริงออกมาก็หน้าระรื่น กูล่ะหมั่นไส้!”ตั้งแต่ไอ้แทนเดินเข้ามาในห้อง แล้วรู้ว่าน้องยังไม่หนีผมไปไหน ปากหมาๆของมันก็พูดแซะผมไม่หยุด “ถ้ากูไม่หน้าระรื่นพวกมึงก็เตรียมพากูไปนู้น พบจิตแพทย์แล้วดรอปเรียนให้กูด้วย คงไม่ต่างจากเวย์มันหรอก” “แล้วน้องหายไปไหน มึงปล่อยให้ออกไปข้างนอกหรอ?” “เปล่า พ่อน้องโทรมาเลยออกไปคุยที่หน้าระเบียง” ผมหันไปมองหน้าระเบียง เห็นขาเรียวขาวยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ ด้วยความที่ว่าน้องไม่ได้ออกไปไหน เจ้าตัวเลยยังอยู่ในชุดขาสั้นสบายตัว ที่ผมเห็นแล้วไม่ค่อยไม่จะสบายใจ ชวนคิดเรื่องที่ต่ำกว่าระดับหน้าท้องทุกที “ถ้าเรื่องนี้ที่บ้านน้องรู้จะเป็นไงวะไอ้โชว์”เสียงไอ้แทนดึงสติผมให้กลับมาอยู่กับตัว เพราะก่อนหน้านี้มันหลุดไปอยู่กับน้องที่หน้าระเบียง “ลูกชายคนเดียว มึงคิดเอาเองก็แล้วกัน” “แล้วลูกชายคนเดียวแบบเนี่ย พ่อเขาจะยกให้มึงง่ายๆหรอวะ?” “ระดับกูแล้ว กูเคลียร์ไว้หมดแล้วเว้ย!” ถ้าจำไม่ผิด ผมน่าจะเคลียร์เรื่องนี้ไปตั้งแต่น้องยังไม่จบม.ปลายด้วยมั้ง “แล้วพวกกูต้องช่วยอะไรมึงไหม?” ไอ้แทนรีบทำหน้าดีด๊าใส่ ความที่สนิทกันมากมันเลยรู้นิสัย ว่าถ้าผมคิดจริงจัง ยังไงก็ต้องได้! ไม่ได้แต่งก็ต้องได้เมียล่ะว่ะ! “ช่วยแห่ขันหมากก็พอ” “เดี๋ยวกูสั่งทำเตียงให้ เอาให้ขาแน่นๆไม่สั่น ไม่ว่าแรงแค่ไหนสบายหายห่วง” มันคงจะจำฝังใจเรื่องที่ผมทำเรื่องแบบนั้นกับน้อง บนเตียงของมัน ถึงได้ขุดเรื่องเตียงมาพูดอีกรอบ “ถ้างั้นกูขอเตียงก่อนแห่เลยล่ะกันไอ้แทน” “เพื่อนกูนี่มันใจร้อนจริงๆ” ในขณะที่พวกผมในห้องกำลังคุยกันอย่างเฮฮา คนที่เปิดประตูระเบียงเข้ามา กลับมีสีหน้าวิตกกังวล เพื่อนผมไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา คนตัวเล็กเดินเข้ามานั่งลงข้างๆแล้วเอนตัวพิง พร้อมกับถอนหายใจแรงๆอยู่สองสามครั้ง “พี่โชว์…” เสียงเล็กเรียกผมอย่างอ่อนแรง ใบหน้าใสช้อนตามองผมแล้วกระพริบปริบๆ เห็นแล้วอยากจะฟัดแก้มนุ่มนิ่มชะมัด! “พ่อจะลงมาหา ทำไงดี” ทำไงดีของน้องไม่ได้หมายถึงเรื่องเวย์ที่ตามรังควาน แต่กำลังหมายถึงเรื่องของผมกับน้อง ที่ความสัมพันธ์ทางร่างกายไปไกลกว่าสถานะที่เป็นอยู่! -จบพาร์ทโชว์-
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม