“มานั่งทำอะไรตรงนี้” พี่เวย์ในชุดนักศึกษาสวมเสื้อกราวน์ส่งยิ้มมาให้ เขาดูโทรมลงเยอะกว่าวันก่อนมาก ขอบตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนติดกันหลายๆคืน แต่ยังคงมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้า
“นี่มันเรื่องของผม พี่อะไรกับผม?”
“คนรู้จักกันจะทักกันบ้าง ไม่ได้หรอครับ?” พี่เวย์ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆผม
“ตามจริงผมไม่ได้อยากรู้จักพี่นะ แต่พี่กับน้องพี่เข้ามารู้จักผมเอง” เป็นคนทั้งหลายอาจจะโกรธผมไปแล้วที่ผมพูดแบบนี้ ผิดกับพี่เวย์ที่เขายังคงนั่งยิ้มมาให้ผม ราวกับคำพูดไม่น่ารักของผมไม่ได้เข้าไปในหัวของเขาเลย
“ถ้าดรีมไม่ไปรู้จัก ทำตัวสนิทกับโชว์ พี่ก็คงจะไม่รู้จักดรีม จริงไหม?”
“ถ้าพี่จะมาพูดเรื่องพี่โชว์กับผม ผมบอกเลยนะ ว่าผมไม่อยากรู้แล้ว เชิญพี่ไปได้เลย”
“พี่ไปก็ได้ครับ แต่พี่ขอเตือนนะ” พี่เวย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม มันใกล้พอที่ผมจะขนลุกไปกับรอยยิ้มมุมปากของเขา “อยู่ให้ห่างๆโชว์จะดีกว่านะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง พี่กับน้องพี่เป็นอะไรนักหนากับผมและพี่โชว์วะ?” ผมลุกขึ้นยืนตามอารมณ์ที่มันลุกโชน
“ก็แค่มาเตือนไว้ พี่ไม่อยากให้เด็กอย่างดรีมต้องมาเสียใจทีหลัง”
“ผมจะเสียใจหรือเสียอะไรก็เรื่องของผม พวกพี่ไม่ควรมายุ่งนะ”
“เสียอย่างอื่นคืออะไร? เสียอะไรให้โชว์!” พี่เวย์ถามผมเสียงแข็ง ผมไม่ได้ตอบอะไรเขา แค่ทำหน้าประมาณว่า อยากคิดอะไรก็เชิญเลย
“เลือกเองนะ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนก็แล้วกัน” พี่เวย์พูดกระแทกเสียงใส่ผม ก่อนที่เขาจะลุกเดินหุนหันออกไป
ผมนั่งรอปลายอีกไม่นานคนที่ผมรอก็มาถึง ปลายยังคงดูเป็นเด็กผู้ชายที่สดใสเสมอทุกครั้งที่เจอ ไม่แปลกเลยที่คนมืดมนแบบพี่แทนจะพ่ายแพ้ให้กับความสว่างสดใสของปลาย
“รอนานไหม?”
“ก็ไม่เท่าไร ไปคณะเราเลยไหมหรือปลายจะไปหาอะไรกินก่อน”
“ไม่ดีกว่า” ปลายตอบพร้อมส่ายหัว “พี่แทนทักมาตามยิกๆแล้ว” ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่แทนกับปลายเขาถึงขั้นไหนกันแล้ว แต่ทุกวันนี้ทั้งคู่ก็ตัวติดกันไม่ต่างจากผมกับพี่โชว์
ผลั่ก!
“โอ๊ย! เดินให้มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง” ผมเดินไม่ระวังเท่าไรเลยไปชนคนที่เดินสวนมาเข้า แต่ใครจะคิดว่าโลกมันกลมจนถึงขนาดที่ว่าผมต้องมาชนกับศัตรูเก่า “มองหน้าทำไม? ทำตัวแบบเนี่ยระวังจะไม่มีลมหายใจ”
“ทำไมหรอครับ พี่จะฆ่าผมหรอ?” ผมยังคงมองหน้ายัยพี่วิวเหมือนเดิม
“ก็ไม่แน่นะ เงินน่ะมีอำนาจเหนือทุกอย่าง”
“สั่งฆ่าคนทำร้ายคนก็ได้งั้นซิครับ” ผมยังต่อปากต่อคำกับเธอ แม้ว่าปลายจะสะกิดให้ผมหยุดแล้วตั้งหลายครั้งก็เถอะ
“ก็ใช่ ถ้านายยังมาทำตัวอ้อนออดโชว์ให้ฉันรำคาญตา” พอเธอพูดชื่อพี่โชว์ขึ้นมาไม่รู้ทำไมผมถึงมีอาการณ์ไปทั้งตัว ใบหน้าทั้งหน้าชาจนแทบจะไม่รู้สึก แถมหูทั้งสองข้างยังร้อนยังกับจะระเบิดปล่อยความร้อนออกมา
นี่รึเปล่าที่เขาเรียกว่า ‘หึง’ หึงคนของเรากับคนเก่าของเขา
“พะ..พี่..ยังติดต่อกับพี่โชว์อยู่งั้นหรอ” เธอหันมองไปทางด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาแสยะยิ้มให้กับผม
“ก็คิดดูเอาเองซิ” เหมือนมีค้อนขนาดใหญ่ทุบลงมาที่กลางหัวของผม มันหนักอึ่ง หัวสมองคิดอะไรไม่ออก เพราะด้านหลังที่เทอเพิ่งจะเดินออกมามันคือกลุ่มพี่โชว์ที่กำลังนั่งกันอยู่ และในนั้นก็มีคนที่นอนกอดผมทุกคืนนั่งอยู่ด้วย
“ดรีมไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่โชว์จะรอนาน”
“ปลายไปเหอะ บอกพี่โชว์ด้วยแล้วกัน คืนนี้เราจะกลับไปนอนห้อง”
ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธ จะหึง จะหวง พี่โชว์ผมรู้ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ความสัมพันธ์ทางกายผมกับพี่โชว์มันก็มากกว่าพี่น้องไปไกล มันอาจจะไม่ใช่แค่กายก็ได้ที่ไปไกล ใจผมก็คงคิดและรู้สึกไปกับพี่โชว์มากมายแล้วเหมือนกัน
ตึ๊ง!
(ถ้ามึงไม่เลิกยุ่งกับโชว์มึงเจอดีแน่)
ข้อความถูกส่งมาจากเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก พร้อมกับกายปรากฎตัวของเดย์ที่มาหยุดตรงหน้าผม
“ทำไมกลับมาคนเดียว พี่โชว์ไปไหนซะแล้วละ”
“ยุ่ง!” ผมผลักไหล่เดย์ให้พ้นทาง แต่กลายเป็นเดย์ไม่ขยับห่างไปเลยสักนิด แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยซ้ำ
“จะมายืนอยู่ข้างๆพี่ไหม”
“ไม่ หลบไปได้แล้วจะเข้าหอ”
“ยังยืนยันคำเดิมซินะ ถ้าน้องรู้จักพี่มากกว่านี้พี่อาจจะดีกว่าพี่โชว์ของน้องก็ได้” เดย์มองมาที่ผม “จะขึ้นไปชั้น7ใช่ไหม ไปพร้อมกันซิ”
“เฮ้ย! ปล่อยนะเดย์” ผมสบัดมือเดย์ที่ถือโอกาสมาจับแล้วลากผมให้เดินไปพร้อมเขา
“อย่าดื้อได้ไหม ตามมา” เดย์ใช้แรงที่เขามีลากผมเข้ามาในลิฟท์จนได้ เขาพาผมมาจนถึงชั้น7 พร้อมกับเดินตามผมออกมาจากลิฟท์
“จะตามมาทำไม”
“พี่อยากส่งน้องให้ถึงห้องไง” พอพูดจบเดย์ก็เดินนำผมไปทางห้องของผม อย่างกับเขาเคยมา
“อย่ายุ่งได้ไหม กลับไปเถอะ” เดย์ไม่ตอบแต่เขากลับหันมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนที่สายตาเขาจะเริ่มเบนไปมองบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังผม พอผมหันตามไปก็ไม่เจออะไรสักอย่าง
“อย่าเป็นเด็กดื้อได้ไหม เชื่อกันบ้างซิ” ผมถูกเดย์ลากข้อมือมาจนถึงหน้าห้อง เขาไม่ยอมไปไหนจนกระทั่งผมไขกุญแจเข้าห้อง
ปึงง!
“เฮ้ย! ไหนบอกแค่มาส่งจะเข้ามาทำไม พี่จะทำอะไรผ-“ เดย์เอามือเขาปิดปากผมไว้ ก่อนจะดันให้ผมถอยหลังเข้าไปในห้อง พร้อมกับเขาที่เดินตามเข้ามาในห้อง พร้อมกับกดล็อคประตู
“พี่ไม่ได้บอกหนิว่าจะส่งแค่ไหน?” เดย์กวาดตามองไปทั่วทั้งห้องของผม ก่อนที่จะผละตัวออกแล้วเดินสำรวจไปรอบๆห้อง
“เดินหาอะไร นี่ห้องผมนะ”
“ก็แค่ดูให้แน่ใจก็แค่นั้น” เดย์เดินกลับมาที่หน้าประตูเหมือนเดิม หลังจากที่เขาเดินไปรอบๆห้องผมแล้ว “คืนนี้ก็ล็อคห้องดีๆล่ะ พี่ไปก่อนนะ” เดย์ปิดประตูห้องผมลง พร้อมกับกลอนที่เขากดล็อคทิ้งไว้ให้ผมจากด้านใน
ทิ้งผมไว้ในห้องนอนที่ผมรู้สึกไม่คุ้นเคย ไม่เหมือนห้องนอนข้างๆ ที่ผมเคยนอนกับใครบางคน..
-เดย์-
หมับ!
“เวย์ คิดจะทำอะไร?” พี่ชายผมส่ายหน้าทันที เขามักจะเป็นแบบนี้ตลอดที่ผมจับเขาได้หรือตามเขาทัน ผมสังเกตเห็นเวย์ตามน้องดรีมมาตั้งแต่ทางเดินเข้าหอ
“เปล่า เดย์นั้นแหล่ะคิดจะทำอะไร ทำไมไม่เหมือนที่เราคุยกันไว้ละ?”
“เดย์เหนื่อยแล้ว ไม่อยากทำตามที่เวย์ขอแล้ว เวย์หยุดเหอะนะ กลับไปเป็นเวย์คนเก่าทีเหอะ”
ผมมองพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือเคล้าความหล่อที่เคยมี เวย์จัดเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่งในคณะแพทย์ แต่งตัวสะอาด ดูดี วางตัวดี พูดจาดี จนมารู้จักกับพี่โชว์ แล้วพอหลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้น พี่ผมก็เปลี่ยนเป็นคนละคน
วันๆเอาแต่เพ้อถึงเรื่องของพี่โชว์ ในหัวคิดแต่เรื่องผู้ชายแบบนั้นจนไม่ยอมไปเรียน ผมต้องใช้วิธีหลอกล่อเวย์สารพัดกว่าเขาจะยอมออกจากห้อง แล้วเข้าไปเรียนอย่างทุกวันนี้ แต่พอมีน้องดรีมเข้ามา ทุกอย่างก็พังลง เวย์แย่ขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวอาการรุนแรงขึ้นทุกวัน
“ไม่ได้นะเดย์ อีกแค่นิดเดียว นิดเดียวโชว์ก็จะกลับมาหาเวย์แล้ว”
ผมดึงเวย์กลับมาอยู่ที่เดิม ก่อนที่เวย์จะเดินไปถึงห้องของน้องดรีม ผมไม่รู้หรอกว่าในหัวพี่ชายผมเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่โชว์ ผมว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีเท่าไร
“พอเหอะเวย์ กลับห้อง อย่าให้เดย์โมโหนะ” ถ้าผมไม่อยู่กับเวย์ เวย์ก็จะเหลือตัวคนเดียว นั่นคือสิ่งที่เวย์กลัวมันที่สุด
“ไม่เอานะ อย่าทำแบบนั้นกับเวย์อีกเลย กลับห้องกันนะ เวย์หิวแล้ว” เวย์รีบจับมือผมไว้ แล้วพาผมเดินไปที่ลิฟท์ ทำเป็นว่าก่อนหน้านี้เราไม่ได้คุยเรื่องพี่โชว์แล้วก็ดรีม
ผมมักจะขังเว์เอาไว้เวลาที่เวย์พูดไม่รู้เรื่อง หรือก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น หรือไม่ก็จับเขากรอกยานอนหลับให้หลับ แต่ก่อนผมไม่เคยทำแบบนี้กับเวย์ ผมเพิ่งจะมาทำก็ตอนที่เกิดเรื่องของเวย์กับพี่โชว์ขึ้น
ผมไม่ได้เกลียดเขานะ แค่มองหน้าด้วยความสนิทใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้จริงๆ เขาทำให้พี่ชายผมเป็นบ้าเพราะเขาได้ขนาดนี้ ผมคงไม่ใจกว้างจะพูดคุยหรือคบเขาเป็นเพื่อนได้ต่อ รวมไปถึงพวกพี่แทนที่ออกตัวรับแทนพี่โชว์ เข้าข้างกันยิ่งกว่าอะไรดีนั่นด้วย ระหว่างผมกับพวกพี่เขา มันไม่ใช่ความเกลียดโกรธแค้น มันแค่…ไม่สนิทใจกับการพูดคุยกัน
-จบพาร์ทเดย์-
พี่โชว์โทรหาผมเป็นร้อยสาย มาเคาะห้องประตูแทบพังผมก็ไม่เปิด ข้อความอีกหลายสิบที่เขาส่งมา ผมก็ไม่เปิดอ่าน เช้านี้มีเรียนผมก็โดด นอนอยู่ห้องไม่ไปมหา’ลัย ถ้าผมไปพี่โชว์ก็ตามมาเจอผมอยู่ดี
ผมเคยเกลียดนางเอกละครที่ไม่ยอมถามความจริงกับพระเอก แล้วมานั่งคิดเองไปคนเดียว ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมพวกเธอเหล่านั้นถึงทำแบบนั้น ไม่ใช่เพราะโง่หรืองี่เง่า เป็นเพราะจิตใจมันไม่แข็งแรงพอที่จะทนฟังคำพูดที่เขาบอกว่าเขาคุยกับคนอื่น ในขณะที่นอนกอดเราอยู่ต่างหาก
เสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้น พร้อมกับซองจดหมายสีขาว ที่มันเปรอะไปด้วยหยดเลือดสอดเข้ามาข้างใต้ ผมมองมันด้วยความหวาดผวา
ปัง!
มันทุบประตูห้องเสียงดังจนผมสะดุ้ง เสียงลูกบิดประตูห้องผมดังก๊อกแก๊กเพราะคนที่อยู่ด้านนอกพยายามจะเปิดมันเข้ามา แต่ผมล็อคห้องไว้อยู่ ผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ขอบตามันร้อนผ่าวหยดน้ำตามันจะไหลออกมาทุกเมื่อ
ตู๊ดดด…ตู๊ด-
“พี่โชว์!” ผมเลิกสนใจเรื่องยัยพี่วิวที่ทำให้ผมคิดมากเรื่องพี่โชว์ นาทีผมคิดถึงแต่พี่โชว์ ถ้าเขารู้เขาจะมาอยู่ใกล้ๆผม แล้วผมจะปลอดภัย
(อยู่ไหน! รู้ไหมพี่เป็นห่วง!)
“พี่โชว์! ฮึก พี่อยู่ไหนมาหาผมหน่อย ผมกลัว ฮึก!” ผมจ้องประตูไม่ละสายตา เสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุด
(อยู่ไหนบอกพี่มาเดี๋ยวนี้)
“อยู่ห้อง ผมอยู่ ฮึก! ที่ห้อง” พี่โชว์วางสายไปทันที ผมแค่ภาวนาให้เขารีบมา ก่อนที่ไอ้คนหน้าประตูมันจะเปิดเข้ามาหาผมก่อน
เสียงเคาะประตูเงียบหายไป แล้วถูกแทนด้วยเสียงสิ่งของบางอย่าง ที่มันกำลังกีดลงกับบานประตูหน้าห้อง ผมย้ายที่อยู่จากนั่งอยู่บนเตียง ออกมาหลบอยู่หน้าระเบียง
ผมนั่งหลบอยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปแล้วกี่นาที ก็ได้ยินเสียงคนกำลังเดินอยู่ในห้อง วนอยู่ในห้องสักพัก ผมนั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ นาทีนี้ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้กับกระโดดลงไปให้ตายอันไหนมันน่ากลัวกว่ากัน จนประตูหน้าระเบียงมันเปิดออก ผมถึงรู้ว่าผมควรจะอยู่ตรงไหน
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ รู้ไหมว่าพี่หาดรีมตั้งนาน” ผมควรอยู่ข้างๆผู้ชายที่ชื่อโชว์
ผมโผตัวเข้ากอดพี่โชว์จนเกือบหงายหลัง ผมเริ่มร้องไห้อีกรอบ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปร้องไห้ไปด้วย
พี่โชว์บอกกับผมว่าพอเขามาถึง ที่หน้าห้องผมก็ไม่มีใครแล้ว มีแค่รอยขีดข่วนอยู่ที่ประตู โชคดีที่พี่โชว์ปั้มกุญแจห้องผมไว้ถึงได้ไขเข้ามา แล้วมาเจอผมในสภาพนั่งตัวสั่นเป็นลูกแมวอยู่หน้าระเบียง
“พี่ไปทำอะไรมา ทำไมพี่เหงื่อออกเยอะขนาดนี้” สะภาพพี่โชว์ตอนนี้คือทั้งตัวมันเปียกไปด้วยเหงื่อ หน้าหล่อๆของพี่โชว์เม็ดเหงื่อก็ซึมตามไรผมเต็มไปหมด
“รถมันติด พี่กลัวจะมาช่วยดรีมไม่ทันก็เลย…”
“พี่วิ่งมาหรอ!?” พี่โชว์พยักหน้ายอมรับ จากมหาลัยมาหอไม่ก็ไม่ได้ใกล้มาก แต่ก็ไม่ได้ใกล้ที่ว่าจะเดินมาถึงได้ อย่างน้อยก็เกือบ10กิโลได้มั้ง
“แล้วพี่วิ่งมาจากไหน แล้วรถพี่ไปจอดไว้ไหน?”
“ป้ายรถเมย์หน้าม. ส่วนรถพี่ให้ไอ้แทนมันขับมาให้ตอนเลิกเรียน พี่มาช้าไปรึเปล่า” ผมพูดอะไรไม่ออกกับความพยายามของพี่โชว์ ได้แค่กอดเขาอีกครั้ง แล้วก็กอดให้แน่นมากกว่าทุกครั้งที่เคยกอด
“ไม่เลย ขอบคุณนะที่ทำเพื่อผมมากขนาดนี้”
“พี่บอกแล้ว เรื่องดรีมพี่จริงจังทุกเรื่อง” เรายังคงนั่งกอดกันอยู่แบบนั้น ความรู้สึกปลอดภัยเวลาที่อยูาใกล้ใครสักคนมันเป็นแบบนี้นี่เอง “คืนนี้กลับไปนอนด้วยกันนะ”
พอทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางผมก็เพิ่งจะนึกได้ ว่าไอ้โรคจิตมันส่งจดหมายมาให้ ผมหยิบมามันส่งให้พี่โชว์เปิด มันไม่ได้เขียนขู่แบบทุกครั้ง ครั้งนี้มันเอารูปผมมากีดซะยับเยิน จนหน้าหาที่ดีไม่ได้
“มันกะจะฆ่าผมเลยรึเปล่า”
“ไม่ฆ่าหรอก มันกะจะขู่ให้ดรีมกลัวมากกว่า”
“ได้ผลนะ ผมกลัวจนร้องไห้เลย อ๊ะ!” พี่โชว์ดึงผมให้เข้ามานั่งที่ตักเขา แล้วกอดเอวผมไว้หลวมๆ
“กลัวขนาดนี้จะทิ้งพี่ไปแบบที่มันบอกรึเปล่า?”
“ถ้าผมจะทำ ผมไปตั้งแต่จดหมายอันแรกแล้วปะ มีสมองก็คิดบ้างดิ”
“ทั้งที่พี่เป็นต้นเหตุของเรื่องนะ ถ้าดรีมห่างพี่ไปทุกอย่างก็จบ”
“ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุ ก็รีบจัดการดิ พี่บอกจะดูแลผมไม่ใช่รึไง?”
“ดูแลทั้งชีวิตก็ยังได้” คนที่กอดผมรีบตอบทันที และเริ่มจะกอดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ปล่อยเลย พอยอมหน่อยชักจะเอาใหญ่”
“ไม่ได้เอาใหญ่ แต่เอาเก่ง” คำพูดของพี่โชว์ทำผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ขนาดยังไม่ได้ลึกซึ้งถึงขั้นสอดใส่ เหตุการณ์คืนนั้นก็ทำผมยับไปทั้งตัว “จะไปไหนดรีม กลัวพี่เอาหรอ?”
“ไปดูกล้องวงจรปิดไง จะรอให้มันมาหาผมอีกรอบรึไง”ผมหันหลังตอบ ไม่กล้าเอาหน้าที่แดงเป็นสตอเบอร์รี่หันกลับไปมอง
ตอนนี้พี่แทนกับคนอื่นๆกำลังดูกล้องวงจรปิดกันอยู่ ไอ้โรคจิตมันเตรียมทุกอย่างมาอย่างดี ไม่มีมุมกล้องจับมันได้เลยว่ามันคือใคร ผิดกับมันที่รู้ความเป็นไปของผมทุกอย่าง
“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้แบบนี้ ผมจะแจ้งตำรวจแล้วนะพี่โชว์ ถ้าพ่อจะรู้ก็รู้เถอะ ผมกลัว”
“อย่าเลยเดี๋ยวพี่จัดการเอง พี่สัญญา”
“พี่จะจัดการยังไง พี่ไม่รู้นะว่ามันเป็นใคร” ผมหันหน้ากลับไปถามพี่โชว์ เขาไม่สบตากับผมแล้วยังแกล้งมองไปทางอื่น “หรือ…พี่รู้?”
“ดรีมอย่าเพิ่งกดดันไอ้โชว์มันเลย ใจเย็นๆ พี่ขอร้องล่ะ เชื่อพี่เถอะ” พี่โชว์ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักอย่าง กลายเป็นว่าพี่แทนต้องมาออกหน้ารับแทน ผมเปลี่ยนจากกดดันพี่โชว์มากดดันพี่แทนกับเพื่อนๆเขาแทน
“พี่แทนก็รู้ใช่ไหมพี่ พวกพี่ทุกคนก็รู้ด้วยใช่ปะ?” ทุกคนเงียบใส่ผมหมด
“ไอ้โชว์ มึงจะทำอะไรก็ทำ ถ้ามึงไม่ทำอะไรสักอย่าง กูนี่แหล่ะจะจัดการเอง รวมถึงเรื่องนั้นด้วย กูจะบอกน้องมันเองแล้วนะ” พี่แทนคือคนที่มีความอดทนต่ำ พอโดนกดดันนิดหน่อยเขาก็ระเบิดลง แล้วหันไปเอาเรื่องกับพี่โชว์
“ไม่ต้อง กูพูดเอง” พี่โชว์ส่งกุญแจห้องของเขาให้กับพวกพี่แทน แล้วไล่ให้ไปรอที่ห้องนั้น
พี่โชว์พาผมกลับมาที่ห้องของผมเอง เขากดไหล่ให้ผมนั่งลงกับเตียงมีเขาตามมานั่งซ้อนกอดไว้ด้านหลัง คางได้รูปวางเกยบนไหล่ของผม จมูกโด่งชันถอนหายใจหลายครั้ง
“พี่ต้องมีเหตุผลให้ผมนะว่าทำไมถึงไม่ให้ผมแจ้งความ”
“จำสัญญาที่ของเราได้ใช่ไหม ห้ามลืมเด็ดขาด”
“ถ้ามันไม่ได้ร้ายแรงจนผมรับไม่ไหว ผมก็จะรักษาสัญญา” สัญญาที่บอกว่าผมจะไม่เปลี่ยนไป จู่ๆพี่โชว์ก็กอดผมแน่นขึ้น ปลายจมูกซุกแล้วกดลงแนบแน่นที่ท้ายทอย
“ถ้าดรีมจะทิ้งพี่ไป พี่จะจับดรีมทำเมีย ขังไว้ในห้อง ไม่ให้ไปไหนให้อยู่กับพี่คนเดียว”
“พี่โชว์..”
“พี่พูดจริง…ถ้าพี่เล่าจบแล้วดรีมจะออกจากห้องนี้ไป พี่บอกเลยนะ” แรงกอดที่เอวผมเพิ่มขึ้น พี่โชว์รั้งผมเข้าไปนั่งเกยอยู่ที่หน้าขาเขา แบบที่ว่า ผมอยากลุกก็ลุกหนีไปไม่ได้ “พี่พูดจริงทำจริง”
“ถ้าทำแบบนั้นผมอาจจะเกลียดพี่ไปตลอดชีวิตเลยนะ”
“เกลียดเพราะพี่ทำให้เกลียด มันก็ดีกว่าคนอื่นทำให้ดรีมเกลียดพี่”
“พี่เล่ามาเถอะ ผมอยากฟังแล้ว”
“ดรีมต้องฟังสิ่งที่พี่จะบอกก่อน” พี่โชว์เงยหน้าจากท้ายทอยผม เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกคลอเคลียกับแก้มใสของผม ก่อนที่จะเอ่ยประโยคนั้นออกมา “พี่รักดรีม”
“……” ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แค่นั่งให้เฉยๆให้พี่โชว์กอด ถึงแม้ว่าคำบอกรักของพี่โชว์จะพูดจบไปแล้ว ในหัวผมกลับมีเสียงที่บอกว่ารักผม สะท้อนกลับไปมา ให้ได้ยินแค่คำๆนั้นซ้ำๆ
“พี่ไม่ได้แค่ชอบ แต่พี่รักดรีมไปแล้ว” หลังจากนี้ไม่ว่าพี่โชว์จะพูดอะไรออกมา ในหัวผมมันประมวลข้อมูลอะไรไม่ถูกสักคำ มันจับใจความสำคัญแค่ ‘พี่โชว์เขาบอกรักผม’
“หลังฟังเรื่องนี้จบ ดรีมจะให้คำตอบพี่เรื่องของเรายังไง ดรีมก็ควรรู้ไว้นะ ว่าพี่รักดรีมมาก”