หลังจากเรื่องคืนนั้นที่ผมยอมปล่อยตัวให้พี่โชว์นัวเนียซะจนยับเยิน ผมเริ่มรู้สึกว่าช่วงนี้ผมใช้ร่างกายเปลืองเกินเหตุเวลาที่อยู่กับพี่โชว์ เขาไม่ได้ถึงขั้นจะจับผมกินทั้งตัว แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธว่าจะไม่ทำ! แล้วผมเนี่ยก็ดันรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็รู้สึกดีทุกครั้งที่พี่โชว์เข้ามาใกล้หรือสัมผัสตัวผมด้วยดิ!
อันตรายกว่าพี่โชว์ก็หัวใจผมเองนี่แหล่ะ!
“ดรีม เหม่ออะไรของนาย”
“เปล่า..แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วอาจารย์สอนถึงไหนแล้วละ?” ผมหันไปถามปลายที่ตั้งใจเรียน หลังจากที่เผลอปล่อยหัวสมองคิดถึงเรื่องพี่โชว์ไปซะไกล
“อาจารย์เขาปล่อยแล้ว มัวแต่เหม่อไงเลยไม่รู้เรื่องไง”
“โทษทีเราใจลอยไปหน่อย” ผมรีบเก็บของบนโต๊ะทั้งหมดลงกระเป๋า แต่ยังไม่ทันที่จะหยิบมันขึ้นมาสะพายก็ถูกชิงไปจากมือใครบางคน
“จะรีบไปไหนอยู่คุยกันก่อนซิ” เดย์แย่งกระเป็าผมไปสะพายไว้บนบ่าของตัวเอง และยังใช้ขนาดตัวที่ใหญ่กว่ามาบังทางออกผมไว้
“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุย เอากระเป๋ามา” เดย์เบี่ยงตัวหลบมือผมที่เอื้อมไปจับกระเป๋า
“แล้วถ้าพี่ไม่ให้ดรีมจะทำยังไง”
“ไม่ให้ก็ไม่เอา ไปกันเถอะปะ- ปลาย!” ผมหันกลับมาอีกครั้งปลายก็ไม่ได้ยืนข้างผมแล้ว และตอนนี้ก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “นี่เดย์!”
“พี่แค่อยากคุยกับดรีมสองคน ห่างจากเพื่อนไม่กี่นาทีคงไม่เป็นไรนะ”
“นายเอาปลายไปไว้ไหน” เดย์ไม่ยอมผม เขาทิ้งสะโพกพิงกับโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกอดอกมองมาที่ผม
“พี่ไม่บอกตอนนี้หรอก เราต้องคุยกันก่อน”
“ก็รีบๆพูดมา จะได้จบๆ”
“มาอยู่กับพี่” เดย์พูดคำนั้นออกมาอย่างกับคนที่คิดไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี ไม่มีท่าทีลังเล ไม่มีความไม่มั่นใจ
“หมายความว่าไง..”
“ก็หมายความตามที่พูด ถ้าน้องไม่อยากเจอเรื่องแบบที่เจออยู่ตอนนี้ ก็เปลี่ยนจากยืนข้างๆพี่โชว์ มายืนข้างๆพี่”
“พี่รู้-“
“ไม่ต้องถามว่าพี่รู้ได้ยังไง” เดย์ชิงตอบก่อนที่จะถามจบด้วยซ้ำ “ก็พี่คิดว่าเด็กใสๆแบบน้องไม่ควรจะมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะผู้ชายแบบนั้นไง เอาเป็นว่า.. ถ้าน้องมาอยู่ข้างๆพี่ น้องจะปลอดภัยกว่ายืนอยู่ข้างพี่โชว์ พี่รับประกันเลยว่าน้องจะเป็นอะไรแม้แต่ปลายเส้นผม” พูดจบเดย์ก็วางกระเป๋าทิ้งไว้ให้ผม ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจริงๆเดย์หันกลับมาชี้ที่กระเป๋าของผม
“ถ้าตัดสินใจได้..เบอร์โทรพี่อยู่ในนั้น”
เดย์ใช้เวลาที่เรายืนคุยกันแอบเขียนเบอร์โทรใส่ไว้ในกระเป๋า ผมดึงมันออกแล้วเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง ที่ยังไม่ทิ้งเพราะผมคิดว่าผมอาจจะใช้ประโยชน์จากมันได้
.
หมับบ!
“เฮ้ย! พี่จะทำอะไรผมพี่โชว์!” ผมพลิกตัวหนีพี่โชว์จนเกือบตกไปข้างล่างเตียง ถ้าไม่ได้พี่โชว์ดึงขาเอาไว้
“ก็เห็นเรานั่งเหม่อมาเป็นพักล่ะ อะไรกัน พี่แต่แตะขาแค่นี้ทำเป็นหนี ทีแตะมากกว่านี้ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ”
“พูด เป็นไงผมจะไม่พูด”
“ใช่สิ ดรีมพูด พูดว่าทำอีก แรงอีก” ผมไม่เถียงกับคำพูดพวกนั้นหรอก เพราะผมเองก็พูดมันออกมาจริงๆ “โอ๊ย!”
“สม! ชอบคิดแต่อะไรบ้าๆ” ผมนั่งกอดอกมองค้อนพี่โชว์ที่กำลังก้มลงไปหยิบหมอนใบใหญ่ ที่ผมเพิ่งใช้มันปาหัวเขาไปเมื่อครู่
“เขินแล้วชอบรุนแรงนะเรา ไม่เป็นไรพี่ชอบเรื่องแรงๆเนี่ย เพราะปกติเรื่องนั้นพี่ก็..” พี่โชว์ทำเป็นหยุดพูดเพื่อเรียกร้องความอยากรู้อยากเห็น แล้วมันก็ได้ผลกับผมเสมอ
“ก็อะไร!”
“ก็รุกแรง ทำแรง แล้วดรีมก็จะหมดแรง”
“ไอ้พี่บ้า คิดแต่เรื่องอะไรต่ำๆ ผมไม่คุยด้วยแล้ว” ผมลุกหนีออกมาจากเตียง สถานการณ์แบบนี้ ถ้าให้ผมนั่งอยู่บนเตียงต่ออาจจะมีสภาพอ่อนแรงไม่ต่างจากคืนนั้น
“ไปไหนอะ?”
“อาบน้ำดิ” ผมตอบแล้วหันหนีพี่โชว์ ไม่อยากจะมาเสียอาการต่อหน้าเขาให้ใครบางคนได้ใจ
“ดรีม” ผมไม่รู้ตัวว่าพี่โชว์เขาลุกเดินตามผมมาตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้นาทีนี้เขากำลังยืนซ้อนหลังผมในระยะประชิด “เวลาอาบน้ำอย่าคิดถึงหน้าพี่นะ…เดี๋ยวจะเมื่อยมือ”
“พะ..พี่โชว์!”
“อาบเสร็จแล้วเอาผ้ามาใส่ในตะกร้านะ เดี๋ยวพี่เอาลงไปซักให้” พี่โชว์พูดด้วยเสียงอารมณ์ดีที่เขาสามารถยั่วผมได้
ผมเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าหากผมใช้เวลาในห้องน้ำนานคนด้านนอกเขาจะคิดว่าผมกำลังใช้มือ กับหน้าของเขาอยู่
ตอนออกมาจากห้องน้ำผมก็ไม่ลืมที่จะทิ้งกางเกงกับเสื้อไว้ในตะกร้าตามที่พี่โชว์บอก แต่ผมดันลืมกระดาษที่เขียนเบอร์ของเดย์ไว้ในกางเกงแทน จะวิ่งตามไปก็ไม่ทันเพราะพี่โชว์ได้ถือตะกร้าเปล่าเดินกลับเข้ามาในห้องแล้ว
“ดรีมลืมอะไรไว้ในกางเกงรึเปล่า” พี่โชว์เดินกลับมาพร้อมกับตะกร้าเปล่า และกระดาษในมือ
“เปล่า..ผม..”
“พี่ให้โอกาสดรีมบอกพี่ ว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ใคร” พี่โชว์ชูกระดาษแผ่นนั้นให้ผมดู
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่าไง พี่ไม่ไว้ใจผมหรอ?”
“พี่ไว้ใจดรีม แต่พี่ไม่ไว้ใจคนที่เข้ามาหาดรีม” พี่โชว์ตอบก่อนที่เขาจะปากระดาษนั่นทิ้งลงพื้น “เราไม่บอกไม่เป็นไร พี่มีวิธีที่จะทำให้เรายอมพูด”
“วิธีอะไร พี่จะทำอะไรผม”
พรึ่บ..
พี่โชว์ตอบคำถามผมมาเป็นการกระทำที่ผลักผมให้หงายหลังลงไปกับเตียง ไม่กี่วินาทีถัดมาร่างกายที่กำยำของพี่โชว์ก็ล้มลงมากักขังผมไว้ พร้อมกับนิ้วมือทั้งสอบที่ประสานลงกับนิ้วของผม แล้วกดตรึงมันไว้ให้ยึดแน่นกับเตียงนอน
“พี่ก็จะจูบ..”
ริมฝีปากอุ่นๆกดทับลงมาที่ริมฝีปากผม เขาไม่ได้จงใจจะจูบดูดดื่มแบบคืนนั้น แค่กดลงมาให้ใจผมเต้นไม่เป็นสุข ริมฝีปากนุ่มกดจูบคลึงเคล้าอย่างลมุน พาให้ลมหายใจมันแรงและร้อนขึ้นทุกการขยับ แล้วหักดิบความรู้สึกวูบวาบลงด้วยแรงกัดแสบซี๊ดที่ริมฝีปากล่างของผม เหมือนเป็นการลงโทษของคนปากแข็ง
“ปากก็ไม่เห็นจะแข็งเลย..แล้วที่นี้จะบอกพี่ได้รึยังครับ?”
“ก็…” พี่โชว์กระตุ้นคำตอบของผมด้วยการใช้มือปัดป่ายไปทั่วพื้นผิวนุ่ม ที่อยู่นอกร่มผ้า และกำลังจะเข้าไปใต้ร่มผ้าถ้าหากผมมาหยุดมือนั่นไว้ไม่ทัน! “พี่โชว์..”
ถ้าคิดว่ามือแค่ข้างเดียวจะหยุดคนอย่างพี่โชว์ได้ คุณคิดผิด มือผมทั้งสองข้างถูกรวบไว้ด้วยมือข้างเดียวของพี่โชว์ และยึดแน่นไว้เหนือหัวของผม
ฝ่ามือหยาบแบบผู้ชายกำลังลูบไล้ไปตามผิวเนื้อที่อ่อนนุ่มของผม ผมสัมผัสลูบไล้มันด้วยความนุ่มนวล ต่อด้วยการลงแรงบีบขย้ำด้วยความหมั่นเขี้ยวที่เอวคอดบางของผม แบบที่เขาชอบทำเวลาที่เรานอนด้วยกัน
“คิดดีๆก่อนตอบนะดรีม ถ้าโกหกพี่ พี่สัญญาเลย พรุ่งนี้ดรีมได้คลานเข่าไปเรียนแน่ๆ” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ชิดใบหูผม
“พี่ห้ามทำไรผมนะ,เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย”
“ก็ทำซะสิ จะได้เป็น แฟนอ่ะไม่เป็นหรอก ข้ามขั้นไปอย่างอื่นเลยดีกว่า”
ผิวเนื้อหน้าท้องผมเย็นวาบตามพื้นเนื้อที่ไม่มีเสื้อปกปิด เพราะโดนพี่โชว์ดึงขึ้นไปกองไว้ที่หน้าอก ฝ่ามือใหญ่ลูบวนอยู่แถวหน้าท้องผมซ้ำๆราวกับว่าหลงไหลมันนักหนา ใบหน้าหล่อคมก้มต่ำลงมา จนลมหายใจอุ่นๆกระทบกับผิวเนื้อ พี่โชว์จูบลงเบาๆที่หน้าท้อง จูบวนซ้ำจนทั่ว ไม่ใช่แค่จูบเขายังอ้าปากงับเบาๆไปตามผิวเนื้อให้มันขึ้นสีระเรื่อ และกำลังจะไล่ระดับลงไปจูบสิ่งที่อยู่ต่ำกว่านั้น
มือผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เนื่องจากพี่โชว์ต้องเอามือลงไปใช้ถอดกางเกงของผม ผมมัวแต่หลงไหลสัมผัสที่เขามอบให้ เลยลืมตัวว่าตัวเองกำลังเจอสถานการณ์อะไรอยู่ จนมันหลุดออกมากองที่หัวเข่า สติผมถึงได้กลับมาร้องห้าม ก่อนที่กางเกงในจะหลุดติดมือพี่โชว์ไปอีกชิ้น
“หยุดนะพี่!”
“ถ้าดรีมไม่ตอบก็นอนลงไป แล้วถ้าจะเอามือมาวุ่นวาย พี่จะเปลี่ยนจากมือพี่เป็นอย่างอื่นที่มารวบมันไว้ด้วยกัน”
พี่โชว์ก้มหน้าลงอีกครั้ง เขาไม่ได้จูบหน้าท้องผมแต่เลื่อนไปจูบหน้าขา ปลายลิ้นชุ่มแตะลากเลียไปทั่วต้นขาด้านใน ที่ใกล้กับใจกลางร่างกาย เขาทั้งจูบทั้งเลียปัดป่ายวนเวียนไปมาสลับซ้ายขวา ให้ผมลุ้นระทึกว่าจะฉกปากลงมาที่จุดนั้นตอนไหน ถ้าผมรู้สึกอะไรไปมากกว่านี้พี่โชว์ก็คงสังเกตเห็น การที่ใส่ไว้แค่กางเกงในมันไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรผมเลย
“บอก!..บอกแล้วๆ! หยุด!”
“งั้นพูดมา” พี่โชว์หยุดที่จะลงลิ้นลงปากกับส่วนด้านล่าง แต่ยังคงไม่ขยับตัวผละออกไป
“นั่งคุยกันได้ไหมอ่ะ ผมรู้สึกนอนคุยแบบนี้แล้วไม่ปลอดภัย”
“ได้สิ” การที่ผมลุกขึ้นมานั่งคุยกับพี่โชว์ มันเป็นอะไรที่คิดผิดมาก! ในเมื่อผมโดนพี่โชว์ลากขึ้นไปนั่งบนตัก โดยที่เรานั่งหันหน้าเข้าหากัน ร่างกายหลายๆส่วนของเราทั้งคู่มันก็สัมผัสแนบชิดกันไป โดยเฉพาะส่วนร้อนที่มันอยู่ต่ำกว่าสะดือ
รู้งี้นอนคุยก็ดีแล้ว
“ถ้าผมบอกพี่ไป พี่ต้องสัญญานะว่าจะไม่มีเรื่องกับเขา”
“พี่ไม่มีเรื่องกับใครสัญญา เพราะว่าจะเก็บแล้วเอามาลงกับดรีม” คำพูดนั้นมาพร้อมกับฝ่ามือที่บีบเค้นสะโพกผมอย่างแรง
“เบอร์ของเดย์ แต่! แต่ผมไม่ได้ขอนะ เขายัดเหยียดมันมาให้ผม” ผมรีบอธิบาย กลัวว่าพี่โชว์จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ขนาดเข้าใจแค่นี้ผมยังโดนชุดใหญ่เลย
“อืม พี่รู้แล้วแหล่ะว่าเป็นเบอร์มัน เคยอยู่กลุ่มเดียวกันเป็นไงจะไม่มี” พี่โชว์ตอบมาด้วยหน้าตาล้อเท้าเบอร์40ของผมมาก!
“เอ้า! แล้วจะมาหาเรื่องกันทำไมวะพี่!” ตัวพี่โชว์เซเล็กน้อยด้วยแรงผลักจากผม
“ก็เผื่อฟลุ๊ค พี่จะได้ขย้ำดรีมให้ยับคามือ”
“ถ้าต้องการมากนักก็นู้น ห้องน้ำอยู่นั่นอ่ะไปซะ!” ผมกำลังจะขยับลงจากตัก แต่ก็ถูกพี่โชว์ใช้แรงเอามือมารั้งเอวผมเอาไว้ ดึงเข้าไปเสียจนหน้าท้องช่วงล่างเราเบียดกัน แล้วผมก็สัมผัสได้ด้วยว่าใต้ล่างกางเกงนอนของพี่โชว์ มันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป
“ดรีม ไปห้องน้ำด้วยกันไหม?..”
ผ่านไปประมาณ20นาที พี่โชว์ก็เดินอารมณ์ออกมาจากห้องน้ำ แล้วล้มตัวนอนลงข้างๆผมเหมือนกับทุกคืนที่เรานอนด้วยกัน แขนใหญ่รวบตัวผมเข้าไปกอดไว้แนบอก จนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย ว่ามันกำลังเต้นแรงมากขนาดไหนเวลาที่เราสองคนใกล้ชิดกัน!
“เรื่องของเราสองคนล่ะดรีมว่าไง พี่ว่าพี่ให้เวลาดรีมคิดมาหลายวันแล้วนะ”
“พี่รีบหรอ?”
“รีบสิ กลัวว่าจะไม่ได้ประกาศสงครามขย้ำดรีมให้ยับคามือ” พูดจบพี่โชว์ก็บีบสะโพกผมเต็มแรงเขาเต็มๆหนึ่งที ผมผวาสะดุ้งสุดตัว ถึงช่วงนี้จะโดนจับบ่อยแต่ก็ไม่ชินสักที
“นี่พี่จะคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องบนเตียงบ้างไหม? ถ้าได้ผมเป็นแฟนพี่คิดแต่จะพาขึ้นเตียงรึไง?!”
“ขนาดยังไม่เป็นก็พาขึ้นมาแล้ว ขึ้นไปถึงยันสวรรค์เลยด้วย” ขนาดผมไม่ได้มองหน้า ผมยังรับรู้ได้เลยว่าสายตาพี่โชว์มันจะต้องกรุ่มกริ่ม พร้อมกับอำนาจแผดเผาผมให้ยอมสยบเขาด้วยดาเมจที่รุนแรงมหาศาล
“ทะลึ่งว่ะพี่” ผมต่อยไปที่อกแน่นๆนั้นหนึ่งที แต่ก็ไม่เต็มแรงนักหรอก เดี๋ยวผมจะโดนเอาคืน
“แรงกว่านี้ก็ได้นะพี่ไม่เจ็บ ถึงต่อให้เจ็บก็ทนได้ถ้าเป็นดรีม”
“นอกจากพี่จะขี้อ่อย หื่นกาม ยังจะพูดจาหวานเลี่ยนอีกหรอ?” ผมพลิกตัวหันหลัง แต่พี่โชว์ก็ยังจะใช้แรงที่เขามี รวบตัวผมเข้าไปกอดเหมือนเดิม เรียกได้ว่ายุงก็บินผ่ากลางเราทั้งคู่ไม่ได้
“พี่จริงจังนะกับเรื่องของเรา” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความมืด พูดจบพี่โชว์ก็ฝังใบหน้าเขาลงมากับต้นคอของผม
“ไว้รอเรื่องนี้จบ ผมจะให้คำตอบพี่นะ”
“ดรีมสัญญากับพี่นะ ไม่ว่าต่อจากนี้ดรีมจะรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวพี่มา อย่ารู้สึกกับพี่ต่างไปจากตอนนี้” พี่โชว์เงยหน้าขึ้นมาจากต้นคอผม แล้วออกแรงพลิกตัวผมให้หันหน้ากับไปหาเขาแบบที่เรานอนคุยกันตอนแรก “สัญญาสิ ถ้าไม่สัญญาพี่จะจับดรีมขึงแล้วข่มขื่นเดี๋ยวนี้เลย”
“เออๆ สัญญา ปล่อยผมได้แล้ว”
“เดี๋ยวดิ ขอจูบก่อน”
“ไม่! พี่มันหื่นกามตลอดเวลาเลย”
“จูบเบาๆ กู๊ดไนท์คิสไง นะๆ”
ถึงนี่จะไม่ใช่จูบแรกของเรา แต่สิ่งที่มันเกิดเหมือนจูบแรกเลยก็คือหัวใจที่เต้นเร็วระรัวเป็นจังหวะกลอง ก่อนที่ผมจะนอนหลับไปหลังริมฝีปากนั้นประทับจูบละมุนลงมา