“พี่โชว์ ผมต้องมาอยู่กับพี่อีกนานแค่ไหน” ผมถามคนที่กำลังยกแก้วดื่มแบบไม่เกรงใจ ว่าคืนนี้ต้องขับรถพาผมกลับห้อง
“จนกว่าจะรู้ว่าใครทำ” พูดจบก็หันไปเทเหล้าใส่แก้วเพิ่ม ผมรู้สึกว่าวันนี้พี่โชว์จะดื่มหนักกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น หรือเป็นเพราะคืนนี้ของฟรีโดยมีพี่แทนเป็นเจ้ามือด้วยรึเปล่าถึงได้กินกันเอาเป็นเอาตาย
“ถ้าไม่รู้จะทำไง? ผมไม่ต้องนอนเตียงพี่ไปจนพี่จบปี4เลยหรอ”
“ดรีมไม่อยากนอนข้างๆพี่แล้วหรอ?” พี่โชว์ละมือจากแก้วสีสวยของเขา แล้วเปลี่ยนมานั่งเท้าคางมองหน้าผม
“คิดเรื่องอื่นบ้างดิที่ไม่อกุศลอ่ะ”
“พี่ก็คิด แค่เรื่องที่มันเป็น18+มันน่าคิดกว่า” พี่โชว์ตอบพร้อมกับปลายลิ้นแดงที่แตะออกมาเลียตามขอบริมฝีปากหยัก ผมต้องหลบสายตาจากกริยาท่วงท่าเหล่านั้นของพี่โชว์ “แต่เรื่องที่น่าคิดกว่า คือทุกเรื่องที่เกี่ยวกับดรีม”
“พะ..พี่โชว์” ผมตกใจไม่น้อยกับคำพูดประโยคนั้นของพี่โชว์ ไหนจะน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มนวลชวนหลงไหนนี่อีก “ผมเป็นน้องพี่นะ”
“ครับ! พี่น้องก็พี่น้อง” พี่พยักหน้าหงึกหงักใส่ผม ก่อนที่เขาจะโน้มเข้ามากระซิบผมใกล้ๆว่า.. “พี่น้องท้องชนหลังนะ”
“ทะลึ่งว่ะพี่ ลามก บ้ากาม-“ ผมกำลังจะพูดต่อ พี่โชว์ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ถ้าผมขยับตัวหลบไม่ทัน ปากพี่โชว์คงกัดลงที่ปลายจมูกโด่งของผม
“พูดมากจัง เดี๋ยวก็จับปล้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“ถ้างั้นเชิญครับ ชั้นสองห้องกูว่าง” เพราะเสียงพี่โชว์มันดังหรือคนทั้งวงกำลังสนใจผมกับพี่โชว์อยู่กันแน่ พี่แทนถึงได้พูดแบบนั้นออกมา ผมต้องอายหรือพี่โชว์ที่ต้องอาย
“พี่โชว์ฟังที่พี่แทนพูดดิ”
“ฟังแล้ว…พี่คิดว่ามันพูดถูกนะ ดรีมไม่อยากรู้บ้างหรอว่าท้องชนหลังมันเป็นไง”
“มะ..ไม่!”
.
“ถ้าดรีมง่วงก็ขึ้นไปนอนบนห้องพี่ก่อนก็ได้นะ เฮียธีมมันไปที่สนามแข่งแล้ว”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” ผมยืนกรานที่จะไม่ขึ้นไปนอนบนห้องพี่แทน ถึงแม้ว่าดวงตาแทบจะปิดแล้วก็ตาม ผมไม่ได้ดื่มจนเมา แต่นี่มันก็ดึกมากแล้วและผมก็ไม่ใช่เด็กที่จะมานอนห่ามรุ่งห่ามค่ำ ในใจก็ได้แต่ภาวะนาให้พี่โชว์วางแก้วในมือ แล้วพาผมกลับห้อง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ไม่อยากเห็นเด็กมาอดหลับอดนอน”
“แต่-“
“ไอ้โชว์มึงพาเด็กมึงขึ้นไปนอนรอมึงก่อนไป สงสารน้องมัน” พี่แทนจัดการพูดคุยกับพี่โชว์เสร็จสัพ จนผมก็ไม่กล้าจะปฏิเสธ ต้องเดินตามพี่โชว์ขึ้นมาด้านบน
“ให้พาน้องไปนอน ไม่ใช่มึงนอนกับน้องนะไอ้โชว์” เสียงพี่แทนตะโกนตามหลังเราสองคน “รีบลงมากินเหล้ากับกูนะ เพื่อนหายแล้วใจคอไม่ดี!” พี่แทนยังตะโกนต่อผมเดินเข้ามาในบ้านแล้วเลยได้ยินไม่ถนัด แต่พี่โชว์น่าจะได้ยินชัดอยู่ ก็เล่นหันไปชูนิ้วกลางใส่เพื่อนเขาแบบนั้น
-โชว์-
“เฮ้ยๆ! ดื่มเบาๆหน่อยเหอะไอ้เสือ แหม่ดื่มหนักยังกับจะเผด็จศึก” ไอ้แทนดึงแก้วออกจากผม ไอ้พวกที่เหลือก็ยกขวดเหล้าหนี
“กูไม่ได้จะเผด็จศึก” ผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง แต่ไอ้พวกเพื่อนตัวดีของผม กลับมาทำหน้าทำตาไม่เชื่อในประโยคที่ผมพูด
“หรอครับเพื่อน” ไอ้แทนก็ยังทำท่าไม่เชื่อ ผมเลยต้องพูดให้มันเข้าใจสักหน่อย
“กูไม่ได้จะเผด็จศึกน้อง คืนนี้แค่ประกาศสงครามเฉยๆ” พูดจบผมก็ลุกเดินเซเข้ามาในบ้าน เป้าหมายก็คนที่อยู่ข้างในนั่นแหล่ะ ส่วนไอ้พวกนั้นพอได้ฟังจากที่ผมพูด ต่างก็โห้ร้องแซวกันเกรียวกราว
“มันแน่จริงๆเว้ยเพื่อนกู”
ผมเปิดประตูเข้ามาคนที่นอนบนเตียงก็หลับไปแล้ว ผมดูเวลาในมือถือก็เห็นว่ามันดึกมาก แล้วผมก็ค่อนข้างจะเมามากด้วย คงพาน้องกลับไม่ไหวและคงต้องนอนกับน้องที่นี้ และอาจจะไม่ใช่แค่นอน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คำพูดคำจา หรือท่าทางที่ผมปฏิบัติกับน้องมันก็บอกอยู่แล้ว ว่าผมรู้สึกยังไงอยากทำอะไรด้วย ผมไม่ใช่พวกปากไม่ตรงกับใจ ที่ใจบอกชอบแต่ปากบอกไม่ เพราะผมเป็นพวกที่ใจโคตรตรงกับปาก อยากได้อยากทำก็บอก บางทีไม่บอกผมก็ทำเลย!
“พี่โชว์หรอ?” น้องงัวเงียตื่นขึ้นมาถาม เพราะผมล้มตัวลงไปนอนกอดน้องไว้จากด้านหลัง ใช้จมูกกดดมกลิ่นตามลำคอขาวผ่อง ให้สมใจกับที่คิดไว้นานแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ
“อืม..พี่เอง” ผมตอบไปทั้งๆที่จมูกกับริมฝีปากไม่ได้ละออกไปจากเนื้อเนียน ชวนให้ลงปากลงลิ้น หรือรวมไปถึงดูดดึง ให้เกิดรอยสวยๆตามผิวขาวๆ น้องไม่ได้ดิ้นหนีอะไร ออกจะนอนเกร็งไม่กล้าที่จะขยับตัวไปมาก น้องอาจจะรู้ว่ายิ่งขยับ ร่างกายมันยิ่งเสียดสี และเราทั้งคู่ก็จะยิ่งร้อน!
“พี่กำลัง…กอดผมอยู่นะ..” ผมไม่ตอบ แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น จนอะไรๆด้านหน้าของผมมันไปสัมผัสกับพื้นที่ด้านหลังน้องทุกสัดส่วน
ผมมันก็ไม่ใช่ผู้ชายหื่นกระหายจะลักหลับน้องขนาดนั้น แต่เวลาที่คนเรามีแอลกอฮอล์ไหลเวียนในร่างกาย ความรู้สึกกับเรื่องมันเตียงมันก็ต้องมีเพิ่มมากขึ้นเป็นธรรมดา แล้วยิ่งอยู่กับคนที่เราชอบแล้วด้วย การหักห้ามใจมันโคตรเป็นสิ่งที่ทำยากกับผมในตอนนี้ แต่ผมก็จะพยายามทำให้ได้ หวังว่านะ
“ใช่” ผมยื่นหน้าเข้าไปชิดกับหูน้อง และผมก็มั่นใจมากว่าน้องต้องได้ยินและสัมผัสได้ถึงลมหายใจของผม ที่มันร้อนและหนักหน่วง ฟึดฟัดกว่าปกติที่เป็น
“มากอดทำไม ผมร้อน” น้องพยายามจะแกะมือที่ผมกอดเอวเขาอยู่ให้หลุด นอกจากมือผมจะไม่หลุด มันยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากจะกอดให้แน่นขึ้น เอาให้จมอกไปเลย ตัวบางร่างน้อยจริงๆ
จากที่นอนเบียดกันมาสักพัก น้องคงจะเริ่มรู้ตัวบ้างแล้วว่าร่างกายผมมันไม่เหมือนเดิมถึงได้นอนนิ่งไม่ยอมขยับ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะปิดบังว่าตอนนี้ร่างกายผมมันกำลังรู้สึกยังไงอยู่แล้ว ที่เข้ามาในห้องก็ตั้งใจจะมาทำให้น้องรู้สึกเหมือนกัน ว่าร่างกายน้องก็อาจจะไม่เหมือนเดิม ถ้ามีผมอยู่ใกล้ๆ
“พี่โชว์ ไม่กลับไปนอนที่ห้องหรอพี่” ผมไม่ได้ตอบในทันที แต่เลือกที่จะซุกหน้าลงติดลำคอขาวผ่อง ไล้ปลายจมูกคลอเคลียกับมันไปมาให้คนโดนสัมผัสรู้สึกผวาเล่นๆ แล้วมันก็ได้ผล
หน้าท้องแบนราบเกร็งอย่างหนัก ขนาดผมกอดอยู่นอกเนื้อผ้ายังสัมผัสได้ ร่างบางเพรียวในอ้อมกอดผม ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆด้วยซ้ำไป ผมขยับเอาปลายจมูกดุดใบหูที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อ แล้วตอบคำถามน้องด้วยเสียงที่แหบจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ไม่อ่ะ พี่เมาแล้ว ไม่อยากขับรถกลัวดรีมเป็นอันตราย”
“แล้วพวกพี่แทนละ” น้องคงกลัวว่าจะมีคนขึ้นมาเห็นเข้า ว่าเรากำลังนอนกอดกันอยู่ แต่เดี๋ยวอีกหน่อยผมว่ามันจะไม่ใช่แค่กอด สาบานด้วยเกียรติของโชว์คนนี้เลย!
“นอนอยู่ข้างล่าง ไม่ต้องกลัว พี่ขึ้นมาแค่คนเดียว” ถึงจะตามมาก็ไม่ได้หรอก ผมล็อคประตูแล้ว
“พี่โชว์..มือพี่กำลังลูบหน้าท้องผมอยู่นะ”
ผมไม่หยุดแม้น้องจะเอามือตัวเองปัดมือผมให้เลิกยุ่งย่ามกับตัวเขาก็ตาม ในเมื่อมือน้องมันวุ่นวายนักผมก็เลยรวบมันไว้ด้วยมืออีกข้างให้หมดปัญหาไป เอวเพรียวบางเป็นจุดที่ผมชอบมากที่สุด
มันบางจนผมกลัวว่าหากทำอะไรมากไปกว่านี้ น้องจะหักครึ่งก่อนรึเปล่า หรือจะรองรับแรงที่ผมมีได้ไหม ขนาดในความมืดแค่มือลูบคลำ ผมยังจินตนาการได้ ว่าถ้าหากได้เห็นรูปร่างเพรียวบางในแบบที่ไม่มีอะไรปกปิด เอวเอสอันนี้ต้องเอ็กชวนเซ็กส์แตกขนาดไหน
“ผอมจัง เอวนิดเดียวเอง”
นอกจากเอวบางที่ผมชอบอกชอบใจ ยังมีหน้าท้องแบนราบ ที่ผมอยากจะก้มหน้าจูบจุมพิตสักครั้ง มันแบนราบยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนที่ผมเคยนอนด้วยซะอีก น้องมีอาการบิดเกร็งทันทีที่ผมเปลี่ยนมือมาลูบหน้าท้องเขา ยิ่งผมลูบวนหน้าท้องแบนราบนั้นมากเท่าไร เสียงลมหายใจของน้องมันก็เริ่มเปลี่ยนขึ้นทุกที จนตอนนี้เริ่มที่จะหนักหน่วงตามผมแล้วล่ะ
“พี่โชว์ พี่รู้ตัวไหมหนิว่ากำลังทำอะไรอยู่” เสียงสั่นๆถามออกมา
“พี่รู้ตัว พี่จำได้ทุกอย่างว่าพี่กำลังทำอะไร อยู่กับใคร ที่ไหน” ตอนนี้มือผมกำลังมัวเมาอยู่กับหน้าท้องแบนที่เริ่มเกร็งขึ้นทุกที ตามจังหวะหอบหายใจของเจ้าของ มันอาจจะดูจิตนิดๆที่ผมดันชอบเสียงหอบหนักหน่วงกับหน้าอกที่ไหวสั่นด้วยแรงหอบของน้อง
“งั้นคืนนั้นพี่ก็จำได้ดิ”
“จำได้ว่า…” น้องนิ่งเงียบรอฟังคำตอบจากผม
ผมปรับเปลี่ยนท่าทางจากที่แค่กอด มาคร่อมทับน้องไว้ทั้งตัว ตาสบตา ลมหายใจประสานกัน ผมไม่เคยรู้สึกว่าท่าทางบนเตียงที่ผมเคยทำมา มันจะอีโรติกขนาดนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะดวงตาใสตรงหน้า ที่กำลังปรือตามองผมอยู่กันนะ ผมถึงรู้สึกว่ามันดีกว่าทุกคนและทุกครั้งที่ผ่านมา
“พี่จูบดรีมแบบนี้..” ต่อให้ห้องมันจะมืดขนาดไหนแต่รับรองว่าผมกดปากลงไปไม่พลาดเป้าหมาย
ริมฝีปากนุ่มนิ่มโดนผมกดจูบหนักๆลงไป ไม่ได้ถึงขั้นดิฟคิส แต่ก็ไม่ได้อนุบาลจนคนที่นอนใต้ร่างไม่รู้สึกอะไร ริมฝีปากนุ่มนิ่มถูกผมสัมผัสและกลืนกินอย่างช้าๆ ผมชอบที่ริมฝีปากเราคลอเคลียกันไปมา ริมฝีปากบางไม่ได้ขยับอะไรตอบโต้ แต่แปลกที่มันเชิญชวนให้ผมอยากสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า ได้แต่กดลงไปซ้ำๆ ย้ำเหตุการณ์นี้เข้าไปในหัวให้น้องจำ ว่าผมจูบเขานะ ริมฝีปากเขาหวานมาก จนผมไม่อยากจะผละออกมาแม้แต่วิเดียว
“ตอนนี้พี่ก็กำลังจูบ และต่อจากนี้พี่ก็จะจูบ”
“อย่าพี่โชว์!” น้องดันหน้าอกผมไว้ แล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่น เห็นคนที่เรารู้สึกชอบมากๆทำแบบใส่ ใจผมก็เคว้งไม่น้อย
“ดรีมรังเกียจพี่หรอ?...” ผมเกือบจะถอดใจลุกออกจากตัวแล้ว ถ้าไม่มีมือเย็นๆมาดึงคอเสื้อผมให้กลับมานอนท่าเดิม ดวงตาใสเหลือบกลับมาสบตาช้าๆ มือก็กำคอเสื้อผมไว้แน่นคงกลัวว่าผมจะลุกออกไปจริงๆ ลุกได้ก็บ้าแล้ว! ตัวผมอ่ะไม่ลุกไปแน่นอน แต่อย่างอื่นมันลุกแทนไปแล้ว!
“เปล่า ผมไม่ได้รังเกียจพี่ ไม่เคยด้วย”
“แล้ว…หลบพี่ทำไม..”
“พี่..พี่ทำแบบนี้ทำไม..มากอด มาจูบผมทำไม” ถึงแม้ในห้องไอ้แทนมันจะมืด แต่ผมก็รู้สึกได้อ่ะว่าสายตาของน้อง มันกำลังจ้องมองรอคำตอบจากผมอยู่ ทำถึงขนาดนี้พี่ไม่ได้อยากได้หนูไปเป็นลูกแน่ แต่ถ้าลูกสะไภ้ของแม่อันนี้ไม่แน่
“ดรีมยังดูไม่ออกอีกหรอ?”
“ไม่ ผมไม่เคยดูพี่ออก”ผมอยากจะตะโกนบอกน้องจริงๆ ว่าคนรอบตัวเขาดูผมออกหมด เรียกได้ว่าหมดไส้หมดพุง มีแค่คนใกล้ตัวคนนี้คนเดียว ที่มองไม่ออก ต้องให้ผมจับน้องขึงแล้วข่มขื่นก่อนใช่ไหม เจ้าตัวถึงจะดูออก
“พี่ชอบดรีม ชอบมากด้วยชอบมานาน” คนเราเวลาเมาอะไรที่อยู่ในใจมันก็พูดออกมาหมด ผมก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น คิดอะไรไว้เก็บอะไรไว้ ถ้ามีใครถามก็จะเล่าออกมาหมด ถ้าน้องถามว่าผมชอบเขาตั้งแต่เมื่อไร ผมก็ยินดีจะบอก
“พี่-“
“แล้วดรีมชอบพี่บ้างรึเปล่า?” อยากจะรู้เหมือนกันว่าน้องจะพูดอะไรต่อ แต่ความอึดอัดที่อยู่ในใจมันก็เร่งให้ถาม ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง
“ผม..ผมไม่ค่อยมั่นใจในความรู้สึกตัวเอง” คำตอบนั้นมันไม่ได้ตัดความรู้สึกผมให้พังทลาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผมดีขึ้น เหมือนผมยืนอยู่กลางสะพานที่สร้างไปได้แค่ครึ่งเดียว
“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยทำให้มั่นใจ” มันอาจจะเป็นความคิดบ้าๆที่ผมเลือกที่จะทำแบบนี้กับน้อง ในเมื่อน้องบอกไม่มั่นใจ งั้นมันก็ต้องลอง ถ้าไม่ลองคนเราจะรู้ได้ไงว่าอันไหนใช่ หรือไม่ใช่ ก็เหมือนรองเท้านั่นแหล่ะ ไม่ใช่ก็วางไว้ที่เดิม คู่ไหนใช่ก็ใส่ต่อ
“อื้ออ” ไม่ต้องรอให้น้องพูดอะไรต่อ ผมก็จัดการปิดปากน้องด้วยปากของผมให้สนิท ถ้าน้องจะขาดอากาศหายใจในตอนนี้ ผมก็ยินดีที่จะสละออกซิเจนในปอดของตัวเองให้ แต่ไม่ยอมผละไปจากปากนุ่มนิ่มชวนสัมผัสอันนี้หรอกนะ กว่าจะได้แตะลิ้มชิมรสแต่ล่ะครั้งมันไม่ง่าย
น้องไม่ขัดขื่นกับสิ่งที่ผมทำกับเขา แต่ก็ไม่สมยอมซะทีเดียว มีเอามือมาปัดบ้างเวลาที่มือของผมมันซุกซน วิ่งเข้าไปลูบไล้เนื้อเนียนใต้ร่มผ้าเขา ผิวสัมผัสของน้องมันเนียนมันละมุนไปซะทุกจุด ลูบเท่าไรก็ไม่เคยพอสักที แถมกลิ่นกายก็ยังหอมติดจมูก จนผมอดที่จะแตะจมูกดมไปตามร่างกายตรงหน้าไม่ได้
“พี่โชว์!”
“ชู่ววว~ พี่ไม่ทำอะไรที่เรายังไม่อยากทำหรอก”
น้องขื่นตัวเล็กน้อยตอนที่ผมพยายามจะดึงกางเกงนักศึกษาเขา มือเล็กเอื้อมลงมาดึงขอบกางเกงเอาไว้ไม่ให้หลุดติดมือผมมาง่ายๆ ผมเลยปลี่ยนจุดเรียกร้องความสนใจ อ้าปากงับลงที่ปลายยอดอกผ่านเสื้อนักศึกษา ใช้ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ ปลายลิ้นแตะหยอกเย้าเล็กน้อย มือที่เคยดึงกางเกงก็เปลี่ยนมาจับบ่าผมไว้แทน
ผ่ามือเล็กออกแรงดันให้หน้าผมออกห่างจากหน้าของตัวเอง ขนาดไม่ค่อยจะเต็มใจให้สัมผัส ร่างเพรียวยังแอ่นอกบางตามริมฝีปากที่ผละออกมาขนาดนี้ ถ้าสมยอมมันจะขนาดไหน แรงจิกแน่นบริเวณบ่าทำให้ผมรับรู้ว่าที่ทำไปเมื่อกี้ มันกระตุ้นน้องมากแค่ไหน
พรึ่บ!
กางเกงนักศึกษาที่ผมพยายามดึง สุดท้ายมันก็หลุดออกมาจากสะโพกมนขนาดพอดีมือ เหลือไว้แค่อันเดอร์แวร์ขนาดพอดีตัว ที่มีชายเสื้อนักศึกษาหล่นมาปิดอย่างหมิ่นเหม่ ผมรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ห้องไอ้แทนมันมืดสนิท เลยอดเห็นผิวเนื้อใต้ร่มผ้ากับท่าทางเขินอายของน้อง จะให้ลุกไปเปิดไฟก็คงจะไม่ได้ ตอนกำลังนัวไม่ควรหยุดกลางคัน
“อ๊ะ!” ร่างบางเกร็งผวาจากมือผมไปแตะต้องส่วนกลางกายที่กำลังมีอารมณ์พอตัว ไม่ต่างจากของผม ที่รู้สึกคับแน่นอยู่ใต้กางเกงยีน
เสียงร้องครางแผ่วเบาในลำคอ ดังขึ้นเป็นจังหวะตามการขยับมือลูบไล้ส่วนนั้นของน้อง อันเดอร์แวร์เริ่มเปียกชุ่มเล็กน้อย เพราะอารมณ์ที่มีมากไปของน้อง ผมใช้มือรั้งมันลงมากองไว้ที่ข้อเท้า โดยที่ไม่มีการขัดขื่นของน้องแม้แต่นิดเดียว
“อื้ออ” เราจูบกันอีกครั้ง แต่เป็นครั้งที่ดีพคิสสุดๆ ริมฝีปากร้อนอ้างับริมฝีปากผมอย่างเงอะๆงะๆ ผมชอบที่มันเป็นแบบนั้นเพราะมันสื่อถึงว่าน้องไม่เคยจูบกับใครมาก่อน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาทำให้ผมหลงอย่างมัวเมา ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพร่งปากนุ่ม กวาดต้อนทุกความหวานที่ผมจะตักตวงได้ออกมาให้หมด ลิ้นเล็กได้แต่หามุมหลบซ่อน เพราะกลัวว่าผมจะดูดดึงมันเหมือนที่ทำกับริมฝีปากของเขา
ฝ่ามือเล็กเอื้อมมาคว้าท้ายทอยผมไว้ สอดเข้าใต้กลุ่มเส้นผมแล้วออกแรงขยุ้มเบาๆตามแรงอารมณ์ เรียวขาขาวขยับชันขึ้นเสียดสีไปมากับผ้าปูเตียง
มือผมขยับตามจังหวะขึ้นลงในแบบที่ผมชอบกับส่วนสำคัญของน้อง ร่างบางบิดเกร็ง บางจังหวะก็พยายามจะส่ายสะโพกหนี บางทีก็เด้งเข้าหา ผมก็ทนหมั่นเขี้ยวไม่ไหว ต้องขยี้ปลายหัวให้ได้ครางสะอื้นกันไปบ้าง
“อ๊ะ”
ผมนัวกับน้องจนเสื้อนักศึกษาถูกปลดกระดุมออกจนหลุดหลุ่ย เผยให้เห็นยอดอกสีเชอร์รี่ระเรื่อน่าสัมผัส มีแต่ผมที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผมเดาเลยนะ น้องเองก็คงสติไม่ครบเท่าไรเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้ผมทำกับเขามาจนถึงขั้นนี้
“พี่ทำให้…” แม้หน้าอกแบนราบที่มีเชอร์รี่สองลูกเชิญชวนขนาดไหน แต่สิ่งที่อยู่ในมือมันก็ชวนให้ชิมรสไม่ต่างกัน
ทุกพื้นผิวเนียนที่ผมผ่านมา จะต้องมีรอยจูบระเรื่อเกิดขึ้น ตั้งแต่กลางอกที่หอบหายใจสะท้าน หน้าท้องแบนราบที่เกร็งจนขึ้นเลข11 สะดือหลุมสวย ตอนนี้หน้าผมฝังอยู่กลางหว่างขาเรียว มีขาเรียวขาวสองข้างพาดผ่านบ่าตามท่าที่ผมจัด
“พี่โชว์ อ๊ะ!” น้องผวาจิกมือลงกับไหล่ผมแน่น น้องคงคิดไม่ถึงว่าที่ผมบอกจะทำให้ นั้นจะลึกซึ้งถึงขั้น ‘ใช้ปาก’ ลงไปทำให้เขา จนเจ้าของร่างกายนุ่มนิ่มตรงหน้านอนอยู่เฉยไม่ได้
ผมใช้ริมฝีปากรูดรั้งสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ขนาดมันกำลังน่ารัก น่ารังแกให้ครางหวานหูให้ฟัง ผมไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร ที่ผ่านมามีแต่คนทำให้ แต่ก็พอจะรู้ว่าผมควรจะทำยังไงให้น้องพูดอะไรออกมาไม่ได้ นอกจากครางให้ผมฟัง
ผมถนุถนอมสัมผัสมันจนทั่วทุกซอกทุกมุม รวมไปถึงซอกขาขาวเนียนผมก็ไม่เว้น และไม่ลืมที่จะทิ้งรอยแดงระเรื่อเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องคืนนี้เอาไว้
“อื้ออ พี่โชว์” เสียงร้องที่ผมได้ยินทำเอาผมอยากจะกลายเป็นคนบาป ทำกับน้องให้มากกว่านี้ อยากจับสองขาพาดบ่า แล้วเปลี่ยนจากหน้าเป็นอย่างอื่นที่เข้าไปอยู่ในตัวน้องได้
“ครับ..” น้องไม่ตอบแต่ดึงเสื้อผมให้ขยับขึ้นไปใกล้เขา ทีนี้ล่ะผมถึงได้รู้ว่าน้องต้องการอะไร!
มือเล็กกำลังลูบคลำหาซิปกางเกงของผม ผมนัวน้องมาขนาดนี้แล้วมีหรอที่ผมจะไม่รู้สึกอะไร! มันปวดหนึบไปหมดแต่แค่อยากพาน้องไปให้ถึงก่อนแล้วค่อยจัดการตัวเองทีหลังก็แค่นั้น ในเมื่อน้องทำถึงขนาดนี้มีหรอที่ผมจะปฏิเสธ!
ผมจับมือเล็กให้ไปถึงจุดที่เขาต้องการ น้องรูดซิปลง ปลดเข็มขัดกับกระดุมออก แต่ยังคงลังเลว่าควรจับดีไหม
“ลองจับสิ”
“เอ่อ…ไม่รู้ว่าต้องจับยังไง” เสียงเล็กๆตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไร น้องคงจะอายที่เขาเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาเอง แต่กลับมาตกม้าตายทีหลัง
“จับแบบที่ดรีมชอบไง แต่ต้องมาจับตรงนี้เท่านั้นนะ” ผมจับมือน้องล้วงเข้ามาในกางเกง พาฝ่ามืออุ่นนุ่มเข้าไปดึงสิ่งนั้นออกมา น้องขื่นมือไว้นิดนึงตอนที่สัมผัสได้ ว่ามันแข็งจวนจะระเบิด แต่ก็แค่แวบเดียว มือนุ่มนิ่มกอบกุมผมไว้ทั้งมือ สัมผัสขยับขึ้นลงเนิบช้า อย่างกล้าๆกลัวๆ ผิดจากผมที่ขยับข้อมือรัวยิก น้องก็ทั้งร้องทั้งขยับจนจับทางไม่ถูกว่าควรเอาสมาธิไปอยู่กับจุดไหน
“อื้มม..ดรีม ดีมากเด็กดีของพี่” พอได้รับคำชม เหมือนว่าน้องจะมีกำลังใจมากขึ้น ว่าสิ่งที่เขาทำให้ผมอยู่มันทำให้ผมรู้สึกดี ขนาดแค่น้องนอนอยู่เฉยๆให้ผมทำ ยังรู้สึกดี นี่มือเขามาจับมาลูบมาขยับ แค่นี้ผมก็รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์แล้ว
ผมยังขยับข้อมือตามจังหวะปกติแบบที่ตัวเองชอบ ไม่ได้แรงเร่งให้ถึง แต่ก็ไม่ได้ทำช้าจนน้องต้องหมดอารมณ์ เรียกว่าจังหวะพอดีแต่ดุดันจนต้องออกปากร้องทุกจังหวะ สะโพกบางที่เคยขยับหนีบ้าง ตอนนี้มีแต่จะเด้งขึ้นสู้มือ เรียกร้องให้ผมทำให้อีก ขยับมันอีก มืออุ่นนุ่มนิ่มนั่นก็ด้วย จากจังหวะเนิบนาบตอนนี้กลับเร่งเร้า ให้ผมระเบิกตัวตนตายคามือเล็กนั่น ทั้งเร่งจังหวะ ทั้งเผ็ดร้อน มือยังขนาดนี้ แล้วตรงนั้นจะขนาดไหน
“เรียกชื่อพี่หน่อย..”
“พี่โชว์…อื้อ..”
เสียงใสที่ดังคลอเคลียอยู่ข้างหูทำเอาอารมณ์ผมขึ้นกระฉูด แรงขยับข้อมือของผมก็หนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์ ทำเอาคนที่โดนกระทำอยู่ไม่เป็นสุขต้องส่งเสียงออกมาทุกครั้งที่ผมขยับข้อมือ
น้องเองก็คงรู้ที่ผมขยับรัวเร่งแบบนี้หมายถึง ผมกำลังจะทำให้เขาถึงจุดสุดยอด ข้อมือเล็กก็เลยเร่งขยับไม่ต่างกัน เสียงร้องครางของเราทั้งคู่ต่างก็หลุดออกมาจากปากของกันและกันเป็นระยะๆ เสียงครางสั่นของน้องต้องดังกลบเสียงผมอยู่แล้ว ถ้าหากมีใครขึ้นมาข้างบน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้ยินเสียงนี้
ผมขยับข้อมือเร่งรัวอยู่อีกไม่กี่ครั้ง เสียงร้องครางเรียกชื่อผมก็ดังขึ้นอีก พร้อมกับเร่งเกร็งและแรงกระตุก จนน้ำสีขุ่นไหลมาตามนิ้วมือ ผมเองก็ไปถึงจุดสุดยอดไปต่างจากน้อง เรียกได้ว่าเราเสร็จไปพร้อมๆกัน หน้าท้องต่างเปรอะเปื้อนน้ำของกันและกัน เสียงหอบหายใจเสียงดังจากคนใต้ร่าง
น้องนอนหมดแรงได้แค่หอบสะท้าน ผมมองหน้าใสๆที่เหงื่อชุ่มไปทั้งใบหน้า ถ้าไฟมันสว่างหน้าน้องคงแดงเป็นมะเขือเทศ และจะแดงยิ่งกว่านั้น ตอนที่ผมยกมือที่เปื้อนน้ำของเขา ขึ้นมาเลียต่อหน้าเจ้าของ
ผมใช้เวลาอยู่กับน้องในห้องไอ้แทนตลอดคืน และคงไม่ต้องให้บอกว่าเมื่อคืนผมทำสงครามให้น้องหมดแรงไปกี่รอบ เอาเป็นว่าวันนี้ผมกับน้องก็คงปวดข้อมือไม่ต่างกัน
“เอ้า ไอ้โชว์ กูก็ว่ามึงหายไปไหน ที่แท้ก็ขึ้นไปนอนกับน้องนี่เอง” ไอ้แทนที่นั่งรออยู่ข้างล่าง ทักผมตอนที่พาน้องเดินลงมาจากชั้นบน มันยิ้มอย่างรู้ทันว่าเมื่อคืน ระหว่างผมกับน้องต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ และต้องเป็นเรื่อง18+แบบที่ผมชอบคิดกับน้องแน่นอน
“พี่โชว์ ไปรอที่รถนะ” น้องก็คงรู้ตัวแหล่ะว่าเพื่อนผมมันรู้ทัน เลยไม่อยากอยู่ให้โดนแซว
“มึงอ่ะมันร้ายไอ้โชว์” พอน้องเดินไปไอ้แทนก็ยกนิ้วชี้หน้าผม
“กูร้ายยังไง”
“กูเห็นนะที่คอน้องว่ามีรอยอะไร” ผมหยักไหล่ใส่มันอย่างไม่สนใจ ก็ใครใช้ให้ผิวเนียนจนน่าทำรอยขนาดนั้นล่ะ ผมอยากจะทำรอยตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าน้องด้วยซ้ำไป
“กูก็นึกว่าเช้านี่จะต้องยกห้องให้น้องนอนพักซะอีก”
“กูรู้ดี ว่าควรทำอะไรตอนไหน และที่ไหน” ถ้าผมจะเผด็จศึกน้องจริงๆ สถานที่นั้นมันต้องใช้งานสะดวกมากกว่าห้องมืดของไอ้แทน
“ที่นอนกูยับหมดแล้วมั้งเนี่ย”
“คำว่าที่นอนยับสำหรับกูมันน้อยไป”
“งั้นเตียงกูก็คงพัง”