ด้วยพิษไข้และอาการบาดเจ็บตรงศีรษะรวมถึงรอยฟกช้ำตามร่างกายทำให้ภคมนหลับเหมือนตายตลอดทั้งวัน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สัมผัสได้ถึงความเย็นของน้ำที่กำลังกระทบกับใบหน้า
“อือ...” หญิงสาวขยับตัวหนีในทันทีแต่ก็รู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนพยายามดึงมือเธอไปเพื่อจะเช็ดต่อ เธอจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาในที่สุด “คุณเฟย...”
“ตื่นแล้วเหรอ” เฟลิกซ์เอ่ยทักด้วยสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่ยังนำผ้ามาเช็ดถูเนื้อตัวเธอให้
“ไม่ต้อง ผมเช็ดเอง”
“ไม่สบายหนักขนาดนี้ อย่ามาทำอวดดี” เขาขู่เสียงเข้มพยายามดึงมือเรียวไปจับไว้แล้วเริ่มเช็ดถูอีกครั้ง “นายน่าจะกินอาหารบำรุงตัวเองบ้างนะ ดูสิ แขนจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง ผมเช็ดเองได้”
“ถอดเสื้อออกซะ ฉันจะได้เช็ดข้างในให้” ชายหนุ่มทำเมินเฉยกับคำปฏิเสธของเธอ เขายังคงเช็ดวงแขนเรียวให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ภคมนรู้สึกตกใจไม่น้อย
“ไม่ต้อง” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง แย่งผ้าในมือเขาแล้วปากลับไปที่กะละมัง “พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ไม่ต้องมาแตะตัวผม”
“นายจะอายอะไรขนาดนั้น เราก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน”
“ผมไม่ได้อาย แต่ผมรังเกียจคนที่ชอบบังคับฝืนใจคนอื่นอย่างคุณต่างหาก” เจ้าของริมฝีปากซีดเผือดตะคอกใส่ แม้ว่าเสียงมันจะแหบพร่าเพราะพิษไข้แต่เฟลิกซ์กลับรู้สึกฉุนจนควันออกหู
“รังเกียจนักเหรอ เหอะ...” เฟลิกซ์หัวเราะในลำคอแผ่วเบา เขาเสมองไปทางอื่นเหมือนพยายามสะกดอารมณ์ไว้ ภคมนคิดว่าเขาจะลุกจากไป ไม่ทันคิดเลยว่าอยู่ ๆ อีกฝ่ายจะจับมือเรียวไว้แน่นแลวลากเธอลงจากเตียง ไม่ได้สนใจอาการเจ็บป่วยของเธอเลยแม้แต่น้อย “มานี่”
“คุณ ปล่อย...ผมเจ็บนะ” คนตัวเล็กพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถสู้เรี่ยวแรงเขาได้ “ผมบอกให้ปล่อยไง”
พูดจบ ริมฝีปากบางก็งามงับและกัดลงบนแขนแกร่งนั้นเต็มแรงจนเฟลิกซ์ร้องเสียงหลงรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“โอ๊ย...เป็นหมาหรือไงห้ะ!”
“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับผม” ภคมนรีบถอยกรูดจนแผนหลังแนบชิดกับหัวเตียง คราวนี้ใบหน้าที่เรียบเฉยของชายหนุ่มกลับแปรเปลี่ยนไปจากเดิม คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันเป็นปมด้วยความหงุดหงิด เขาขบกรามแน่นและถลกแขนเสื้อขึ้นจากนั้นจึงกระชากข้อเท้าเรียวลงจากเตียงจนภคมนต้องรีบหันไปหาที่จับไว้ “ทำอะไรของคุณ ปล่อยผมนะ”
“ฤทธิ์เยอะนักนะ” เฟลิกซ์ออกแรงกระชากเธอจนล้มลงจากเตียงใบหน้าคะมำจนรู้สึกเจ็บที่ปลายจมูก มือเรียวพยายามจับขาเตียงไว้ไม่ยอมให้ถูกลากไป แต่เรี่ยวแรงเธอมีเพียงน้อยนิดจะไปสู้อะไรกับอีกฝ่ายได้ ท้ายที่สุดเธอจึงถูกเขาลากเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ
“ปล่อยผม ผมบอกให้ปล่อย”
“เลิกแหกปากสักทีได้ไหม!” เฟลิกซ์ตวาดกร้าว เขาปล่อยมือจากขาเรียวแล้วจับร่างบางแนบไปกับผนังห้องน้ำ ใช้ฝ่ามือใหญ่บีบรัดลำคอขาวระหงไว้ด้วยความโกรธ
“อื้อ...ปล่อย ผมหายใจไม่ออก” มือเรียวพยายามแกะมือหนาออกจากลำคอของตัวเองเพราะรู้สึกว่าเขาเริ่มบีบรุนแรงขึ้นจนขาแทบจะลอยจากพื้น
“นายกำลังทำให้ฉันหมดความอดทนนะ”
“งั้นคุณก็อย่ามาทนกับผมสิ บอกแล้วไงว่าผมจะหาเงินมาคืนคุณ ถ้าคุณกลัวผมเบี้ยว เรามาเขียนสัญญากันก็ได้ ผมไม่หนี...” น้ำเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นเงียบหายไปเมื่อเธอสัมผัสได้ว่าเขาหยิบวัตถุบางอย่างขึ้นมาจรดที่ปลายคางพร้อมกับนิ้วเรียวที่เตรียมจะลั่นไก
“ถ้าแหกปากอีก ฉันยิงนายแน่”
“อึก...” คนกลัวตายได้แต่ยืนเงียบด้วยขาที่สั่นเทา น้ำตาหยดใสไหลรื้นออกมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ทั้งโกรธทั้งกลัวจนไม่กล้าจะหายใจ
เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มสงบลง เฟลิกซ์จึงเก็บปืนไว้แล้วปล่อยลำคอของเธอให้เป็นอิสระ
“อาบน้ำซะ อย่าให้ฉันต้องโมโหอีก” เขาขบกรามแน่น จ้องมองใบหน้าของเธอครู่หนึ่งแล้วจึงหมุนตัวออกไปจากห้องน้ำ พอประตูปิดลง ขาที่สั่นเทาของภคมนก็เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงจนต้องหันไปจับอ่างล้างหน้าไว้พยุงกาย
ดวงตาแดงก่ำจ้องมองสภาพเหมือนตายทั้งเป็นของตัวเองผ่านเงาสะท้อนในกระจก ลำคอขาวระหงของเธอแดงเถือกเพราะถูกแรงกดทับจากการกระทำแสนป่าเถื่อนของเฟลิกซ์เมื่อครู่นี้
ปัง!
“ถ้านายยังไม่อาบ ฉันจะเข้าไปอาบให้เดี๋ยวนี้แล้วนะตะวัน”
เสียงทุบประตูดังขึ้นอีกครั้งทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง รีบหันไปล็อกประตูไว้ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ ยอมทำในสิ่งที่เขาสั่งอย่างปลง ๆ เหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
สายน้ำจากฝักบัวทำให้กายสาวสั่นสะท้านเพราะความเหน็บหนาวจากพิษไข้ ริมฝีปากบางสั่นระริกแต่ก็ฝืนอาบต่อจนเสร็จ รู้สึกได้ทันทีว่าอาการหนักอึ้งก่อนหน้ามันหายไป
“ค่อยยังชั่ว” มือเรียวนำผ้าขึ้นมาพันรอบหน้าอกไว้ตามเดิมก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำออกไปหาเสื้อผ้าตัวใหม่ในกระเป๋า เธอกระชับมันไว้แน่นทันทีที่ออกไปเห็นร่างสูงกำลังนั่งไขว่ห้างรอเธอออกมาอย่างใจเย็น
“พูดรู้เรื่องก็เป็นนี่”
“...” ภคมนไม่ตอบ แต่ได้ก้มหน้าควานหาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าของตัวเองก่อนจะนำกลับเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็กลับออกมาอีกครั้ง “ไปซะได้ก็ดี อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”
คนตัวเล็กบ่นอุบ เมื่อออกมาพบเพียงความว่างเปล่ากับเห็นถ้วยข้าวต้มหอม ๆ วางไว้ข้างเตียง หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาก่อนจะตักเข้าปากด้วยความหิว นึกขอบคุณที่เขายังมีความสำนึกผิดชอบชั่วดีนำข้าวนำน้ำมาให้ ไม่ปล่อยให้อดอาหารตายเหมือนที่เคยคิดจะทำในคืนนั้น
ปัง ปัง!
ในขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาและเตรียมพร้อมยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ อยู่ ๆ เสียงปืนก็ดังขึ้นมาจากทางสนามหลังบ้าน รู้สึกตกใจจนช้อนในมือร่วงหล่นลงในถ้วย
“เกิดอะไรขึ้น” ภคมนหน้าซีดเผือดขึ้นมาอีกครั้งเพราะยังไม่คุ้นชินกับเสียงปืนสักเท่าไหร่ ความอยากรู้ทำให้เธอตัดสินใจลุกออกไปเปิดประตูก่อนจะพบว่าลูกน้องที่เฟลิกซ์สั่งให้เฝ้าประตูไว้นั้นหายไปแล้ว
หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบกาย เห็นแต่เพียงความว่างเปล่า จึงคิดอยากจะหนีขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอลงมาถึงชั้นล่างเธอก็ได้ยินเสียงบทสนทนาหนึ่งดังขึ้นมาจากในสวน
“ผมขอโทษครับคุณเฟย ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ฉันไว้ใจนายมากเลยนะเมฆา ไม่คิดเลยว่านายจะเอาความลับของฉันไปขายให้ไอ้สิงห์ ทั้งที่นายก็รู้ว่าไอ้สิงห์มันไม่เคยเห็นฉันเป็นพี่มันเลยด้วยซ้ำ”
เฟลิกซ์เอ่ยลอดไรฟันด้วยความโกรธ หลังจากลงทุนก่อสร้างกาสิโนแห่งใหม่โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมบังหน้า แต่กลับถูกสิงหาปล่อยข่าวลือออกไปจนทางการเข้ามาตรวจสอบการก่อสร้างทำให้เขาต้องเสียเวลาจัดการอีกหลายวันกว่าจะลงตัว
ภคมนค่อย ๆ ย่องไปตามต้นเสียงจนเห็นว่าเขากำลังจรดปลายกระบอกปืนไปที่ร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พยายามกระพุ่มมือไหว้ร้องขอชีวิตจากเขา
“อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ ผมขอร้อง ผมจะไม่ทำอีก...”
ปัง!
พูดยังไม่ทันจบ กระสุนจากปลายกระบอกปืนก็พุ่งใส่หน้าอกของเมฆา ตัดขั้วหัวใจของอีกฝ่ายจนล้มลงนอนแน่นิ่งจมกองเลือดที่ไหลท่วมอาบตัว
“กรี๊ด!” คนที่กำลังแอบมองร้องเสียงหลงออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต ถึงจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่คล้ายกันมาแล้วแต่เธอก็ยังไม่เคยเห็นเขาฆ่าคนตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้มาก่อน
“เสียงผู้หญิงที่ไหนครับคุณเฟย” ธนาเอ่ยถามทำให้เฟลิกซ์วิ่งไปทางต้นเสียงทันที ภคมนเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน กลัวว่าถ้าถูกจับได้แล้วเธอจะมีชะตากรรมเหมือนกับเมฆา
“บ้า...นี่มันบ้าที่สุดเลย” หญิงสาวร้อนใจราวกับคนเสียสติ เธอพยายามพาตัวเองกลับมาจนถึงห้อง แต่ยังไม่ทันได้ปิดประตู เจ้าของบ้านก็ผลักมันเข้ามาเต็มแรงจนเธอล้มลงกระแทกพื้น “คุณ...คุณอย่าทำอะไรผมนะ...ผมกินข้าวอยู่ แล้วได้ยินเสียงดังก็เลยออกไปดู ผม...ไม่ได้จะหนีนะ”
เธอรีบอธิบายจนลิ้นแทบพันกันเพราะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงถือปืนไว้แน่น
“เห็นแล้วล่ะสิ”
“ค...ครับ ผมเห็นแล้ว ผมจะไม่หนีอีก” ภคมนก้มหน้าตอบ พยายามขยับกายให้พ้นจากเขาด้วยความหวาดกลัว
“ดี เห็นแล้วก็ดี นายจะได้ไม่กล้าหนีอีก”
“ครับ...ถ้าคุณไว้ชีวิตผม ผมจะไม่หนีอีก” หญิงสาวรับปากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อเห็นว่าเธอยอมจำนนแต่โดยดี เฟลิกซ์ก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
“ดี งั้นก็กินยาแล้วไปนอนพักซะ หายดีเมื่อไหร่เราจะได้กลับกรุงเทพฯ กัน”
“ครับ” ภคมนก้มหน้ารับอย่างว่าง่าย และนับตั้งแต่วินาทีนั้นเธอก็ไม่กล้าจะหนีหรือต่อปากต่อคำกับเขาอีกเลยจนถึงวันที่หมอมาตัดไหมที่แผลออกและกำลังจะเตรียมตัวนั่งรถกลับกรุงเทพฯ
“เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยหมดแล้วใช่ไหม” เฟลิกซ์เอ่ยถามในตอนที่คนตัวเล็กหอบหิ้วกระเป๋าลงมาจากชั้นบนของบ้าน ตอนนี้บาดแผลและอาการป่วยของเธอเริ่มดีขึ้นแล้ว เขาจึงตัดสินใจกลับเข้ากรุงเทพฯ ในตอนบ่าย
“ครับ”
“งั้นขึ้นรถสิ” เขาว่าพลางผายมือให้เธอขึ้นไปนั่งในรถตู้สีดำ ส่วนตัวเองก็ยังตามประกบไม่ห่าง
“คุณเฟยจะแวะที่ไหนก่อนไหมครับ” ธนา ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนขับรถหันมาเอ่ยถาม เฟลิกซ์จึงหันมาถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แทน
“นายน่ะจะแวะซื้ออะไรก่อนไหม”
“ไม่ครับ”
“แน่ใจเหรอ ไม่ซื้อของ...ที่ต้องใช้ทุกเดือนหรือไง” เขาถามย้ำอีกครั้งจนเธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ
“ของอะไรครับ”
“ของที่นายต้องใช้ไง คิดดูดี ๆ สิ”
“ไม่ครับ ผมไม่อยากได้อะไร” หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปอีกทางจนสายตาเหลือบไปเห็นเมฆา ลูกน้องที่ถูกยิงเมื่อคืนกำลังขึ้นรถอีกคันที่อยู่ด้านหลัง “นั่นมัน...คนที่คุณยิงเมื่อคืนนี่”
“อืม ฉันให้หมอมาทำแผลให้แล้วล่ะ” เฟลิกซ์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนว่าเรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญอะไร
“ทำแผลได้ยังไง เมื่อคืนเขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถูกยิงตัดขั้วหัวใจแบบนั้นจะรอดมาได้ยังไง”
“นายตาบอดล่ะมั้ง เมื่อคืนฉันยิงแค่ที่ไหล่ ไม่ใช่ที่หัวใจนะ”
“ว่าไงนะ แล้วคุณทำแบบนั้นทำไม” เธอถามกลับด้วยความรู้สึกสับสนมึนงงไปหมด
“แค่เชือดไก่ให้ลิงดูน่ะ คนที่เอาข้อมูลฉันไปไม่ใช่เมฆาแต่ถูกฉันเก็บไปหลายวันแล้ว สิ่งที่นายเห็นน่ะ ฉันก็แค่จะขู่นายเท่านั้น เมฆาก็เลยต้องเจ็บตัวเพื่อให้สมจริงที่สุดไง”
“คุณนี่มัน...” ภคมนจุกจนพูดไม่ออก มือเรียวกับเข้าหากันแน่นก่อนจะถูกเฟลิกซ์จับมันไว้แล้วกระชากเข้าหาตัวจนใบหน้าคะมำลงบนแผงอกกว้าง
“ถึงมันจะเป็นแค่การแสดง แต่ฉันสาบานได้เลยว่าถ้านายหนี ฉันเอานายตายแน่”
“เหอะ...” หญิงสาวหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ถึงจะรู้สึกเจ็บใจที่ถูกปั่นหัวแต่เธอกลับไม่กล้าจะขัดขืนเหมือนครั้งก่อน ๆ เพราะกลัวว่าเขาจะทำแบบที่ขู่เอาไว้จริง ๆ