bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

book_age18+
0
ติดตาม
1K
อ่าน
เศรษฐี
ครอบครัว
จบสุข
พ่อเลี้ยง
มาเฟีย
แม่เลี้ยงเดี่ยว
ผู้สืบทอด
คนใช้แรงงาน
ดราม่า
โศกนาฏกรรม
หวาน
ชายจีบหญิง
เบาสมอง
ฉลาด
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

นิยายรักฟีลกู๊ด ดราม่าขมนิดหน่อยพอกลืนได้

พระเอกธง ?+ ? ถึงจะชอบเอาปืนจริงจ่อคอแต่พ่อคลั่งรักหนักมาก เยดุมากเช่นกัน ? เผลอไม่ได้จ้องจะเอาปืนใหญ่ใส่น้องตลอด

ที่เห็นว่าร้ายน่ะ แผนคุณเขาทั้งนั้น

ไม่มีนอกกายไม่มีนอกใจ เน้นความรักแบบดุ ๆ ของพระเอก

พะแพง/ภคมน หญิงสาวกำพร้า ถูกป้ารับเลี้ยงแต่รังเกียจยิ่งกว่าขี้ในไส้ มิหนำซ้ำลุงเขยก็จ้องจะงาบลูกเดียว ต้องอยู่แบบหวาดระแวงทุกวี่วัน

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอดันดวงซวยไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า จึงถูกตามล่าตัวเพื่อปิดปาก

ทางเดียวที่จะหนีรอดคือเธอต้องหนีไปตายเอาดาบหน้า เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชาย และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ตะวัน

แต่แล้วก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งเมื่อ เฟยหลง หรือ เฟลิกซ์ มาเฟียลูกครึ่งยุโรป ฮ่องกงแต่พูดไทยได้ประหนึ่งเจ้าของภาษา ตามหาตัวเธอจนเจอ แต่ครั้งนี้เขากลับยื่นมือเข้ามาช่วย ฉุดเธอขึ้นไปอยู่ในวิมานหลังใหญ่ ในฐานะพี่เลี้ยงเด็กแสบอย่าง มังกร ลูกชายสุดที่รักของเขาที่หาเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันจนเธอต้องขอลาออก

"ผมไม่อยากทำแล้วครับ ผมเลี้ยงมังกรไม่ไหวแล้ว"

"นายไม่รู้เหรอตะวันว่าก้าวขาเข้ามาที่นี่แล้ว นายออกไปได้ก็ตอนที่เหลือแค่ร่างเท่านั้นแหละ"

นี่มันนรกชัดๆ มังกรว่าแสบแล้ว

พ่อมันแสบกว่าร้อยเท่า ทั้งที่เธอกลายร่างเป็นผู้ชาย เขาก็จ้องจะงาบทุกครั้งที่มีโอกาส

จะหนีก็หนีไม่ได้ ถ้าจะลาออกก็ต้องตายสถานเดียว อีแพงเอ๊ยยย !!!

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทนำ(1)
ฝนห่าใหญ่สาดเทลงมาอย่างไม่ปรานี ทำให้ทัศนวิสัยบนท้องถนนใจกลางกรุงเทพมหานครค่อนข้างย่ำแย่ เนื่องจากมีน้ำที่ท่วมขังอยู่บนถนนเพราะฝนที่ตกหนักติดต่อกันนานหลายวันทำให้รถติดกันแน่นจนแทบขยับไม่ได้ เสียงมือถือดังขึ้นในขณะที่ร่างหนึ่งกำลังจะก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ประจำตำแหน่ง ทำให้คนที่สวมชุดกันฝนลายพรางต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ในการหยิบมันขึ้นมาเพื่อกดรับสายก่อนจะเลี่ยงหลบสายฝนกลับเข้าไปใต้ชายคาเพื่อคุยโทรศัพท์ “ค่ะพี่แก้ว” (ส่งเสร็จหรือยัง มีออเดอร์ด่วนน่ะ รีบกลับมาที่ร้านหน่อยนะ) เสียงเจ้านายที่ออกคำสั่งมาจากปลายสายทำให้หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอเหลือบมองนาฬิกาตรงหน้าจอมือถือครู่หนึ่งแล้วจึงรับปากไปอย่างไม่มีทางเลือก “ได้ค่ะ กำลังไป...” พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ตัดสายไปด้วยความรีบเร่ง คนตัวเล็กจึงทำได้แค่กลับขึ้นไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ของร้านแล้วจึงขับฝ่าสายฝนกลับไปยังที่ทำงาน ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เธอก็ขับรถมาจอดที่หน้าร้านขายอาหารจานด่วน “เลยเวลาอีกจนได้” ภคมนหรือพะแพง หญิงสาวกำพร้าวัยยี่สิบเอ็ดปี มองป้ายหน้าร้านด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่เธอก็มักจะถูกสั่งให้ทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อย ๆ แม้จะมีค่าแรงตอบแทนให้แต่เธอกลับต้องแลกมาด้วยสารพัดคำด่าทอของป้าที่ต้องเลี้ยงดูเธอตามหน้าที่ “คอยดูนะ ถ้าพรุ่งนี้ให้ทำโออีก จะฟ้องกรม...” “มาแล้วเหรอพะแพง” พูดยังไม่ทันจบ แก้วตาก็วิ่งออกมาพร้อมกับกล่องอาหารมากมายที่หิ้วมาเก็บไว้ในกล่องใบใหญ่หลังรถ “ใครสั่งอะไรเยอะแยะคะเนี่ย” “ก็ลูกค้าวีไอพีไง” เจ้าของร้านตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี “ลูกค้าคนไหนคะ หนูเห็นพี่ก็เรียกลูกค้าทุกคนว่าวีไอพีอยู่แล้ว” “ก็ลูกค้าที่สั่งชุดใหญ่คราวก่อนไง คราวนี้สั่งไก่ทอดเพิ่มอีกตั้งสองชุดแน่ะ โชคดีนะเนี่ย ถ้าไม่มีออเดอร์ทางบ้าน ฝนตกแบบนี้คงจะเงียบน่าดู” “หนูก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีอะว่าคนไหน” ภคมนตอบอย่างงงๆ พลางจัดเรียงอาหารในกล่องให้เป็นระเบียบ “พี่เองก็ไม่เคยเห็นหน้าหรอก ชอบสั่งมาทางข้อความ แถมยังย้ำว่าให้ลุงชัยเป็นคนไปส่งด้วยนะ” “แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะคะ ลุงชัยป่วยยังไม่หายดีเลย หนูเองก็ไม่อยากไปเหมือนกันอะ” หญิงสาวบ่นอุบเพราะเธอไม่ใช่คนส่งอาหารของทางร้าน แต่ต้องมารับหน้าที่แทนเนื่องจากวิชัยคนส่งยังไม่สามารถมาทำงานได้ “มันเหตุสุดวิสัยน่ะ ในเมื่อลูกค้าสั่งมาเราก็ต้องไปส่ง จะทำยังไงได้ล่ะ ก็พี่ขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นนี่ สภาพจราจรแบบนี้ก็ต้องพึ่งน้องพะแพงคนสวยของพี่นี่แหละ” “พี่แก้วก็ชอบชมแบบนี้ตลอด ส่งออเดอร์นี้เสร็จ หนูกลับบ้านแล้วนะ เดี๋ยวโดนป้าบ่นอีก” “ส่งเสร็จก็เอารถกลับบ้านไปได้เลย พี่ดูตรงปักหมุดแล้ว ไกลจากร้านอยู่เหมือนกัน” แก้วตาว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้อีกฝ่ายดูทำเอาคนส่งถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ “โหพี่แก้ว ไกลมากเลยนะคะ แถวชานเมืองเลยนะนั่น” “ลูกค้าคนนี้เขาทิปดีนะ ถ้าไม่พอพี่ให้โบนัสพิเศษด้วยเลยแต่ตอนนี้รีบไปก่อนเถอะ เดี๋ยวลูกค้ารอนาน” “ค่า เจ้านาย” ภคมนลากเสียงยาวเหยียดก่อนจะกลับขึ้นไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของร้านที่แก้วตาให้ยืมขับมาทำงานและส่งอาหารตอนที่วิชัยไม่อยู่ หญิงสาวขับรถฝ่าสายฝนไปยังพิกัดที่ลูกค้าปักหมุดไว้ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แสนจะแออัดตอนหกโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ใครหลายคนกำลังเดินทางกลับบ้านแต่ต้องมาติด แหง็กอยู่บนท้องถนน มือเรียวปาดเช็ดหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนซองพลาสติกใส่มือถือที่หน้ารถเพื่อดูทางลัดที่พอจะลัดเลาะไปยังบ้านลูกค้าได้ “ไกลขนาดนี้ทำไมไม่ไปสั่งร้านที่มันอยู่ใกล้ ๆ กันนะ” ภคมนบ่นพึมพำแต่ก็ยังคงขับรถเลี้ยวไปตามซอกซอยที่บอกไว้ในพิกัด ผ่านถนนใหญ่มาไกลหลายกิโลเมตรก็ดูเหมือนว่าฝนจะขาดเม็ดไปแล้วและในที่สุดหมุดที่แสดงอยู่บนหน้าจอก็ปรากฏตรงหน้า “โห...นี่มันบ้านหรือวังเนี่ย” ดวงตาคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยวเบิกกว้างทันทีที่เห็นบ้านหลังใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เพียงแค่เธอขับรถเข้ามาจอดที่ประตูรั้ว บุรุษชุดดำก็กรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังจนเธอต้องยกมือขึ้นเหนือศีรษะอัตโนมัติด้วยความหวาดกลัว “อะไรกันเนี่ย” ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกกันน็อกใบใหญ่ตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด “กำลังถ่ายหนังกันอยู่เหรอ” “มีธุระอะไร” หนึ่งในนั้นเข้ามาถามสีหน้าเอาเรื่องจนภคมนรู้สึกหวาดกลัว “หนูมาส่งอาหารค่ะพี่” คำตอบของเธอทำให้อีกฝ่ายชะงักแล้วก้มลงมองชื่อร้านที่แปะอยู่ข้างกล่องจากนั้นจึงหันไปถามเพื่อนร่วมงานให้แน่ใจอีกครั้ง “ปกติคนที่มาเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ” “นั่นน่ะสิ แกเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้” หนึ่งในนั้นเริ่มระวังตัวเอื้อมมือไปด้านหลังเหมือนกำลังจะหยิบบางอย่าง ซึ่งภคมนก็พอจะเดาออกว่ามันต้องเป็นปืนแน่ ๆ “ใจเย็นก่อนพี่ หนูมาส่งแทนลุงวิชัยค่ะ ลุงแกไม่สบาย พี่แก้วเลยส่งหนูมา” “เห้ย ค้นตัวมัน” คำตอบของเธอเหมือนล่องลอยหายไปในสายลมเมื่ออีกฝ่ายออกคำสั่งให้ลูกน้องเข้ามาค้นดูที่รถและที่ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้พกอาวุธหรือสิ่งแปลกปลอมอย่างอื่นเข้ามาด้วย “อย่านะพี่ หนูเป็นผู้หญิงนะ หนูแค่มาส่งอาหารจริง ๆ” “ยังไงก็ต้องค้นตัวให้แน่ใจ ไม่รู้หรือไงว่าแถวนี้ห้ามคนนอกเข้ามาเด็ดขาด” “ทีหลังไม่ให้เข้ามาก็ไปซื้อเองที่ร้านสิวะ” คนตัวเล็กตวาดกร้าว เมื่ออธิบายไปคนพวกนั้นก็ไม่มีใครเข้าใจ เธอจึงถอดเสื้อกันฝนออก สะบัดมันทิ้งลงพื้น แล้วรูดซิปเสื้อคลุมตัวใหญ่จนเผยให้เห็นเรือนร่างบอบบางภายใต้เสื้อยืดที่แปะโลโก้ของทางร้าน “นี่ไง ดูซะว่าไม่ได้พกอะไรมา จะเชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ ถ้ายังไม่เชื่อก็โทรไปถามพี่แก้วเจ้าของร้านได้เลย ทำอย่างกับฉันอยากมาส่งนัก ไกลก็ไกล ถ้าคราวหลังระแวงขนาดนี้ก็ทอดไก่ ทำพิซซาแดกเองสิ จะสั่งทำไม” “อึก...” เสียงใส ๆ ที่ตะโกนดังลั่นทำให้อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องยอมก้าวถอยออกมา “เอาอาหารไปให้คุณมังกร” “พูดง่ายแบบนี้ก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” หญิงสาวหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แล้วจึงหันไปขอค่าอาหาร “สองพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทค่ะ” “อะ เอาไป” หนึ่งในนั้นส่งธนบัตรสีเทาให้มาจำนวนห้าใบแล้วรีบนำอาหารกลับเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูใหญ่เปิดออกพร้อมกับรถหรูสีดำเงาวับถูกขับออกมาจอดที่ด้านหน้า สังเกตว่ากระจกด้านหลังถูกเลื่อนเปิดลงเหมือนจะเอ่ยถามถึงเธอเพราะคนที่เพิ่งจ่ายเงินให้เมื่อครู่กำลังเหลือบมองมาที่เธอ “พนักงานส่งอาหารน่ะครับ เห็นว่ามาแทนคนเก่า” พอพูดจบ กระจกรถสีทึบก็ถูกเลื่อนปิดลงเหมือนเดิมก่อนที่รถจะขับผ่านหน้าออกไปทำให้หญิงสาวเผลอจ้องมองกระจกสีดำสนิทของรถคันนั้นจนมันหายลับไป โดยไม่รู้เลยว่าคนข้างในเองก็จ้องเธอกลับมาเช่นเดียวกัน “ก็รวยนะ แต่ทำไมไม่โอนหรือตัดบัตรเอาล่ะ” ภคมนจ้องมองจำนวนเงินในมือก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข “ทิปตั้งสองพันห้า คราวหน้าถ้าสั่งอีกก็ไม่ว่าหรอก” หญิงสาวจุมพิตธนบัตรในมือด้วยความดีใจ รีบหยิบเสื้อกันฝนมาพับเก็บไว้ใต้เบาะจากนั้นจึงขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ เพิ่งสังเกตว่าบ้านหลังนี้ค่อนข้างจะห่างจากถนนใหญ่พอสมควร นอกจากป่าสองข้างทางก็ไม่มีเพื่อนบ้านเลยสักหลัง “แปลก...สงสัยจะรักสันโดษ” คนตัวเล็กครุ่นคิดในขณะที่ยังคงกวาดสายตามองไปข้างทางที่กำลังมืดสนิท หลังจากขับออกมาจนถึงถนนใหญ่เธอจึงเริ่มเห็นบ้านคนบ้างประปราย เพราะเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะสองทุ่ม หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้เส้นทางลัดเพื่อขับรถกลับบ้าน แต่ในระหว่างที่กำลังขับผ่านเส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากป่าข้างทาง ฝนห่าใหญ่สาดเทลงมาอย่างไม่ปรานี ทำให้ทัศนวิสัยบนท้องถนนใจกลางกรุงเทพมหานครค่อนข้างย่ำแย่ เนื่องจากมีน้ำที่ท่วมขังอยู่บนถนนเพราะฝนที่ตกหนักติดต่อกันนานหลายวันทำให้รถติดกันแน่นจนแทบขยับไม่ได้ เสียงมือถือดังขึ้นในขณะที่ร่างหนึ่งกำลังจะก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ประจำตำแหน่ง ทำให้คนที่สวมชุดกันฝนลายพรางต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ในการหยิบมันขึ้นมาเพื่อกดรับสายก่อนจะเลี่ยงหลบสายฝนกลับเข้าไปใต้ชายคาเพื่อคุยโทรศัพท์ “ค่ะพี่แก้ว” (ส่งเสร็จหรือยัง มีออเดอร์ด่วนน่ะ รีบกลับมาที่ร้านหน่อยนะ) เสียงเจ้านายที่ออกคำสั่งมาจากปลายสายทำให้หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอเหลือบมองนาฬิกาตรงหน้าจอมือถือครู่หนึ่งแล้วจึงรับปากไปอย่างไม่มีทางเลือก “ได้ค่ะ กำลังไป...” พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ตัดสายไปด้วยความรีบเร่ง คนตัวเล็กจึงทำได้แค่กลับขึ้นไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ของร้านแล้วจึงขับฝ่าสายฝนกลับไปยังที่ทำงาน ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เธอก็ขับรถมาจอดที่หน้าร้านขายอาหารจานด่วน “เลยเวลาอีกจนได้” ภคมนหรือพะแพง หญิงสาวกำพร้าวัยยี่สิบเอ็ดปี มองป้ายหน้าร้านด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่เธอก็มักจะถูกสั่งให้ทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อย ๆ แม้จะมีค่าแรงตอบแทนให้แต่เธอกลับต้องแลกมาด้วยสารพัดคำด่าทอของป้าที่ต้องเลี้ยงดูเธอตามหน้าที่ “คอยดูนะ ถ้าพรุ่งนี้ให้ทำโออีก จะฟ้องกรม...” “มาแล้วเหรอพะแพง” พูดยังไม่ทันจบ แก้วตาก็วิ่งออกมาพร้อมกับกล่องอาหารมากมายที่หิ้วมาเก็บไว้ในกล่องใบใหญ่หลังรถ “ใครสั่งอะไรเยอะแยะคะเนี่ย” “ก็ลูกค้าวีไอพีไง” เจ้าของร้านตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี “ลูกค้าคนไหนคะ หนูเห็นพี่ก็เรียกลูกค้าทุกคนว่าวีไอพีอยู่แล้ว” “ก็ลูกค้าที่สั่งชุดใหญ่คราวก่อนไง คราวนี้สั่งไก่ทอดเพิ่มอีกตั้งสองชุดแน่ะ โชคดีนะเนี่ย ถ้าไม่มีออเดอร์ทางบ้าน ฝนตกแบบนี้คงจะเงียบน่าดู” “หนูก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีอะว่าคนไหน” ภคมนตอบอย่างงงๆ พลางจัดเรียงอาหารในกล่องให้เป็นระเบียบ “พี่เองก็ไม่เคยเห็นหน้าหรอก ชอบสั่งมาทางข้อความ แถมยังย้ำว่าให้ลุงชัยเป็นคนไปส่งด้วยนะ” “แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะคะ ลุงชัยป่วยยังไม่หายดีเลย หนูเองก็ไม่อยากไปเหมือนกันอะ” หญิงสาวบ่นอุบเพราะเธอไม่ใช่คนส่งอาหารของทางร้าน แต่ต้องมารับหน้าที่แทนเนื่องจากวิชัยคนส่งยังไม่สามารถมาทำงานได้ “มันเหตุสุดวิสัยน่ะ ในเมื่อลูกค้าสั่งมาเราก็ต้องไปส่ง จะทำยังไงได้ล่ะ ก็พี่ขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นนี่ สภาพจราจรแบบนี้ก็ต้องพึ่งน้องพะแพงคนสวยของพี่นี่แหละ” “พี่แก้วก็ชอบชมแบบนี้ตลอด ส่งออเดอร์นี้เสร็จ หนูกลับบ้านแล้วนะ เดี๋ยวโดนป้าบ่นอีก” “ส่งเสร็จก็เอารถกลับบ้านไปได้เลย พี่ดูตรงปักหมุดแล้ว ไกลจากร้านอยู่เหมือนกัน” แก้วตาว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้อีกฝ่ายดูทำเอาคนส่งถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ “โหพี่แก้ว ไกลมากเลยนะคะ แถวชานเมืองเลยนะนั่น” “ลูกค้าคนนี้เขาทิปดีนะ ถ้าไม่พอพี่ให้โบนัสพิเศษด้วยเลยแต่ตอนนี้รีบไปก่อนเถอะ เดี๋ยวลูกค้ารอนาน” “ค่า เจ้านาย” ภคมนลากเสียงยาวเหยียดก่อนจะกลับขึ้นไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของร้านที่แก้วตาให้ยืมขับมาทำงานและส่งอาหารตอนที่วิชัยไม่อยู่ หญิงสาวขับรถฝ่าสายฝนไปยังพิกัดที่ลูกค้าปักหมุดไว้ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แสนจะแออัดตอนหกโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ใครหลายคนกำลังเดินทางกลับบ้านแต่ต้องมาติด แหง็กอยู่บนท้องถนน มือเรียวปาดเช็ดหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนซองพลาสติกใส่มือถือที่หน้ารถเพื่อดูทางลัดที่พอจะลัดเลาะไปยังบ้านลูกค้าได้ “ไกลขนาดนี้ทำไมไม่ไปสั่งร้านที่มันอยู่ใกล้ ๆ กันนะ” ภคมนบ่นพึมพำแต่ก็ยังคงขับรถเลี้ยวไปตามซอกซอยที่บอกไว้ในพิกัด ผ่านถนนใหญ่มาไกลหลายกิโลเมตรก็ดูเหมือนว่าฝนจะขาดเม็ดไปแล้วและในที่สุดหมุดที่แสดงอยู่บนหน้าจอก็ปรากฏตรงหน้า “โห...นี่มันบ้านหรือวังเนี่ย” ดวงตาคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยวเบิกกว้างทันทีที่เห็นบ้านหลังใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เพียงแค่เธอขับรถเข้ามาจอดที่ประตูรั้ว บุรุษชุดดำก็กรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังจนเธอต้องยกมือขึ้นเหนือศีรษะอัตโนมัติด้วยความหวาดกลัว “อะไรกันเนี่ย” ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกกันน็อกใบใหญ่ตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด “กำลังถ่ายหนังกันอยู่เหรอ” “มีธุระอะไร” หนึ่งในนั้นเข้ามาถามสีหน้าเอาเรื่องจนภคมนรู้สึกหวาดกลัว “หนูมาส่งอาหารค่ะพี่” คำตอบของเธอทำให้อีกฝ่ายชะงักแล้วก้มลงมองชื่อร้านที่แปะอยู่ข้างกล่องจากนั้นจึงหันไปถามเพื่อนร่วมงานให้แน่ใจอีกครั้ง “ปกติคนที่มาเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ” “นั่นน่ะสิ แกเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้” หนึ่งในนั้นเริ่มระวังตัวเอื้อมมือไปด้านหลังเหมือนกำลังจะหยิบบางอย่าง ซึ่งภคมนก็พอจะเดาออกว่ามันต้องเป็นปืนแน่ ๆ “ใจเย็นก่อนพี่ หนูมาส่งแทนลุงวิชัยค่ะ ลุงแกไม่สบาย พี่แก้วเลยส่งหนูมา” “เห้ย ค้นตัวมัน” คำตอบของเธอเหมือนล่องลอยหายไปในสายลมเมื่ออีกฝ่ายออกคำสั่งให้ลูกน้องเข้ามาค้นดูที่รถและที่ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้พกอาวุธหรือสิ่งแปลกปลอมอย่างอื่นเข้ามาด้วย “อย่านะพี่ หนูเป็นผู้หญิงนะ หนูแค่มาส่งอาหารจริง ๆ” “ยังไงก็ต้องค้นตัวให้แน่ใจ ไม่รู้หรือไงว่าแถวนี้ห้ามคนนอกเข้ามาเด็ดขาด” “ทีหลังไม่ให้เข้ามาก็ไปซื้อเองที่ร้านสิวะ” คนตัวเล็กตวาดกร้าว เมื่ออธิบายไปคนพวกนั้นก็ไม่มีใครเข้าใจ เธอจึงถอดเสื้อกันฝนออก สะบัดมันทิ้งลงพื้น แล้วรูดซิปเสื้อคลุมตัวใหญ่จนเผยให้เห็นเรือนร่างบอบบางภายใต้เสื้อยืดที่แปะโลโก้ของทางร้าน “นี่ไง ดูซะว่าไม่ได้พกอะไรมา จะเชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ ถ้ายังไม่เชื่อก็โทรไปถามพี่แก้วเจ้าของร้านได้เลย ทำอย่างกับฉันอยากมาส่งนัก ไกลก็ไกล ถ้าคราวหลังระแวงขนาดนี้ก็ทอดไก่ ทำพิซซาแดกเองสิ จะสั่งทำไม” “อึก...” เสียงใส ๆ ที่ตะโกนดังลั่นทำให้อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องยอมก้าวถอยออกมา “เอาอาหารไปให้คุณมังกร” “พูดง่ายแบบนี้ก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” หญิงสาวหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แล้วจึงหันไปขอค่าอาหาร “สองพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทค่ะ” “อะ เอาไป” หนึ่งในนั้นส่งธนบัตรสีเทาให้มาจำนวนห้าใบแล้วรีบนำอาหารกลับเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูใหญ่เปิดออกพร้อมกับรถหรูสีดำเงาวับถูกขับออกมาจอดที่ด้านหน้า สังเกตว่ากระจกด้านหลังถูกเลื่อนเปิดลงเหมือนจะเอ่ยถามถึงเธอเพราะคนที่เพิ่งจ่ายเงินให้เมื่อครู่กำลังเหลือบมองมาที่เธอ “พนักงานส่งอาหารน่ะครับ เห็นว่ามาแทนคนเก่า” พอพูดจบ กระจกรถสีทึบก็ถูกเลื่อนปิดลงเหมือนเดิมก่อนที่รถจะขับผ่านหน้าออกไปทำให้หญิงสาวเผลอจ้องมองกระจกสีดำสนิทของรถคันนั้นจนมันหายลับไป โดยไม่รู้เลยว่าคนข้างในเองก็จ้องเธอกลับมาเช่นเดียวกัน “ก็รวยนะ แต่ทำไมไม่โอนหรือตัดบัตรเอาล่ะ” ภคมนจ้องมองจำนวนเงินในมือก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข “ทิปตั้งสองพันห้า คราวหน้าถ้าสั่งอีกก็ไม่ว่าหรอก” หญิงสาวจุมพิตธนบัตรในมือด้วยความดีใจ รีบหยิบเสื้อกันฝนมาพับเก็บไว้ใต้เบาะจากนั้นจึงขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ เพิ่งสังเกตว่าบ้านหลังนี้ค่อนข้างจะห่างจากถนนใหญ่พอสมควร นอกจากป่าสองข้างทางก็ไม่มีเพื่อนบ้านเลยสักหลัง “แปลก...สงสัยจะรักสันโดษ” คนตัวเล็กครุ่นคิดในขณะที่ยังคงกวาดสายตามองไปข้างทางที่กำลังมืดสนิท หลังจากขับออกมาจนถึงถนนใหญ่เธอจึงเริ่มเห็นบ้านคนบ้างประปราย เพราะเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะสองทุ่ม หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้เส้นทางลัดเพื่อขับรถกลับบ้าน แต่ในระหว่างที่กำลังขับผ่านเส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากป่าข้างทาง

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook