หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ ภคมนก็หลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเช้าตรู่ของอีกวันเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นหูปลุกให้เธอตื่นขึ้นมา
“ตะวัน ตื่นได้แล้วตะวัน”
“หืม...” คนที่ยังงัวเงียพลิกตัวตื่นขึ้นมาก่อนจะพบกับหมอที่เฟลิกซ์พามามาเพื่อจะตรวจบาดแผลให้เธอ
“ฉันให้หมอมาดูแผลให้”
“เอ่อ...ครับ” หญิงสาวพยักหน้าอย่างงง ๆ เธอได้แต่นอนแน่นิ่งเพื่อให้หมอตรวจดูและเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้
“แผลเริ่มแห้งแล้ว อีกวันสองวันก็ตัดไหมได้แล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณครับหมอ” เฟลิกซ์กล่าวขอบคุณจากนั้นจึงออกไปส่งหมอที่ชั้นล่าง กลับขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าภคมนยังนอนอยู่ที่เดิม “ลุกได้แล้วตะวัน”
“อือ” หญิงสาวส่งเสียงครางแต่ก็ไม่แม้แต่จะขยับตัวลุก ชายหนุ่มจึงเข้าใจว่าเธอยังไม่หายดีเขาจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไร
“ฉันจะออกไปข้างนอก นายจะเอาอะไรไหม”
“ไม่อะ ผมจะนอน” คนตัวเล็กตอบ มือทั้งสองข้างยังจับผ้าห่มคลุมใบหน้าไว้
“ฉันให้คนเอาข้าวขึ้นมาให้แล้ว เดี๋ยวนายก็ตื่นมากินซะด้วย จะได้กินยา”
“อือ” ภคมนส่งเสียงออกมาเป็นคำตอบทำท่าเหมือนจะหลับอีกครั้ง แต่พอได้ยินเสียงประตูถูกปิดลงเธอกลับเด้งตัวลุกจากเตียงแทบจะในทันที “เอาล่ะ โอกาสนี้แหละ”
หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างพอใจ เธอหันไปเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง แอบชะเง้อมองผ่านหน้าต่างจนเห็นรถของเฟลิกซ์ถูกขับออกไปพร้อมกับลูกน้องสองคน ส่วนอีกสางก็ยังเฝ้าอยู่ที่บ้าน
ร่างบางสะพายกระเป๋าเป้แล้วแอบย่องลงไปข้างล่าง เห็นว่าลูกน้องของเขากำลังนั่งเล่นหมากฮอตที่หน้าบ้าน ส่วนทางหลังบ้านมีลูกน้องอีกหนึ่งคนกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ ถ้าเดินทะเล่อทะล่าลงไปแบบนี้ทั้งสามคนต้องเห็นเธอแน่ ๆ
“เอายังไงดีเนี่ย” ภคมนพยายามครุ่นคิด เธอกลับขึ้นไปบนชั้นสองอีกครั้ง เห็นระเบียงที่สุดทางซึ่งทอดยาวออกไปทางหน้าบ้านมองเห็นทะเลอยู่ไม่ไกล จึงตัดสินใจนำผ้าห่มมามัดต่อกันเป็นเชือก แล้วใช้มันปีนลงไปทางหน้าบ้าน ทำทุกอย่างให้เบาที่สุดไม่ให้ลูกน้องของเฟลิกซ์ได้ยิน
“เรียบร้อย” ทันทีที่สองเท้าแตะพื้น หญิงสาวก็รีบวิ่งลัดสนามออกไปทางหาดทราย คิดว่าถ้าผ่านพ้นอาณาเขตของบ้านไปได้เธอก็จะปลอดภัย “ใกล้แล้วไอ้แพง...”
ปัง!
“กรี๊ด!” ภคมนร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อเสียงปืนดังขึ้นจากทางข้างหลังหนึ่งนัดพร้อมกับต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ใกล้ ๆ จะกระจัดกระจายเพราะคมกระสุนที่ผ่านร่างเธอไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
“จะหนีไปไหน!” เสียงทรงอำนาจตวาดกร้าว มือหนึ่งข้างถือปืนไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้าวมาจับต้นคอเล็กไว้จากทางด้านหลัง
“คุณ...คุณไม่ได้ออกไปข้างนอกเหรอ”
“เพราะว่าฉันไม่เชื่อใจนายไง ฉันเลยส่งลูกน้องไปแทน” ฝ่ามือใหญ่จับต้นคอเธอไว้แล้วลากกลับเข้ามาในบ้านท่ามกลางสายตาของลูกน้องที่ได้แต่ยืนมองสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ
“ปล่อยผมนะคุณ ผมบอกให้ปล่อยไง”
“นายบังคับให้ฉันต้องร้ายเองนะตะวัน ทำดีด้วยไม่ชอบหรือไง”
“ก็ผมไม่อยากไปกับคุณ ทำไมต้องบังคับกันด้วย ปล่อย!” คนตัวเล็กตัดสินใจจับข้อมือเขาไว้แล้วออกแรงกัดลงบนนั้นเต็มแรงจนเฟลิกซ์ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย!”
พอเขายอมปล่อยเธอออกจากการกอบกุม หญิงสาวก็เริ่มออกแรงวิ่งอีกครั้งทำให้อีกฝ่ายต้องยิงปืนขู่เธออีกรอบ
ปัง!
“กรี๊ด!”
“ถ้านายวิ่ง ฉันยิงแน่ รับรองคราวนี้นายจะไม่มีขาไว้วิ่งอีก” ชายหนุ่มขู่เสียงเข้ม ทำให้ภคมนต้องหยุดชะงัก เห็นดังนั้นเขาจึงลากเธอกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เมื่อมาถึงห้องนอนเขาก็หยิบกุญแจมือออกมาก่อนจะล็อกแขนเรียวติดไว้กับหัวเตียงด้วยความรวดเร็ว
“นี่คุณ...ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย ปล่อยผมนะคุณเฟย”
“ในเมื่อฉันทำดีด้วยแล้วนายไม่ชอบ มันก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ” เฟลิกซ์กระตุกยิ้มอย่างพอใจ หันไปหยิบจานข้าวที่ยังไม่มีรอยแตะมาวางไว้ตรงหน้า “กินซะ จะได้กินยา”
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังหรอก เมื่อกี้คุณจะฆ่าผมอยู่แล้วนี่”
“ฉันไม่ได้ตบหัวแล้วลูบหลัง บอกแล้วไงว่าฉันจะพานายกลับไปทำงานเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย ถ้านายตายฉันก็ไม่ได้อะไรสิ”
“เหอะ...ผมไม่กิน” ภคมนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ยิ่งเห็นหน้าเขาเธอก็ยิ่งรู้สึกเกลียดมากกว่าความหวาดกลัวไปเสียแล้ว ขนาดตอนนี้เธอเป็นผู้ชายเขายังทำได้ขนาดนี้ คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าถ้าเขารู้ว่าเป็นผู้หญิง สภาพของเธอจะเป็นยังไง
“หรือจะให้ป้อน”
“ก็บอกว่าไม่กินไง”
“ได้...ไม่กินใช่ไหม” เฟลิกซ์ขบกรามแน่น เขาจับใบหน้าเล็กไว้แล้วตักข้าวขึ้นมายัดใส่ในปากจนภคมนสำลักหน้าดำหน้าแดง
“แค่กๆ ๆ”
“ถ้าไม่อยากตายก็กินซะ” เขาขู่เสียงเข้มก่อนจะเดินออกจากห้องไปแต่ถึงกระนั้นคนตัวเล็กก็ยังฝืนกินมันไม่ลงอยู่ดี
“ฮึก ฮือ...นี่มันเป็นเวรกรรมอะไรของฉัน ทำไมต้องมาพบเจอคนอย่างคุณด้วย” มือเรียวกำเข้ามากันแน่น พยายามสลัดมือออกจากกุญแจมือจนมันถลอกบาดผิวเป็นรอยแดง ทำให้เธอรู้สึกโมโหจึงใช้มืออีกข้างปาจานข้าวที่วางอยู่ตรงหน้าทิ้งจนมันกระจัดกระจายไปทัั่วทั้งห้องนอน
อีกด้านหนึ่งของประตู เฟลิกซ์ยืนฟังจนกระทั่งเสียงร้องไห้เงียบหายไป เขาจึงเปิดประตูเข้าไปจนเห็นว่าภคมนหลับสนิทด้วยพิษไข้ เลยสั่งให้คนเข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดภายในห้อง
ครืด...
เสียงมือถือดังขึ้นมาในขณะที่เขากำลังจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง พอเห็นว่าเป็นอัลโดที่โทรเข้ามา เขาจึงรีบกดรับสายแล้วเอ่ยไล่แม่บ้านให้ออกไป
“ครับพ่อ”
(แกรู้หรือเปล่าว่ามีคนปล่อยข่าวเรื่องบ่อนน่ะ บอกแล้วไงว่าให้ระวังตัว) ปลายสายเอ่ยด้วยความร้อนใจ
“แล้วจะเป็นใครอีกล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ไอ้สิงห์ ผมเองไม่ได้เข้าไปที่บ่อนตั้งแต่วันที่พ่อสั่งให้ผมหยุดงานแล้วนะครับ”
(ตอนนี้ฉันจัดการปิดข่าวไปแล้ว แกก็บริหารงานที่บริษัทให้ดีล่ะ อย่าให้หุ้นตกเด็ดขาด ไม่งั้นเราได้ซวยกันหมดแน่) อัลโดกำชับอีกครั้ง เพราะเขายังต้องใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บังหน้าธุรกิจสีเทาที่หลบซ่อนไว้ (แล้วงานที่นั่นเป็นไงบ้าง ได้ฤกษ์เปิดหรือยัง)
“ผมดูแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” เฟลิกซ์ตอบในขณะที่สายตายังจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของภคมน “ไม่เกินปีหน้าเสร็จเรียบร้อยแน่นอนครับ”
(ดี ยิ่งเราขยายสาขาได้มากเท่าไหร่ ไพศาลบดินทร์ก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น) ปลายสายยิ้มอย่างพอใจหลังจากที่ลงทุนหลายพันล้านเพื่อสร้างโรงแรมและคอนโดมิเนียมริมหาดเพื่อเปิดธุรกิจบ่อนกาสิโนไว้เบื้องหลังอีกสาขา
“ครับ ผมไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอน” ชายหนุ่มรับปากทั้งที่ความเป็นจริง การก่อสร้างยังไม่ถึงไหนด้วยซ้ำเพราะมีหนอนบ่อนไส้แอบส่งข่าวไปให้สิงหา
(อย่ามาพูดดีหน่อยเลย ไอ้เรื่องผู้หญิงคนนั้นน่ะ จัดการแล้วหรือยัง) คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ ฝ่ามือใหญ่เผลอยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าเนียนใสของภคมนแผ่วเบาด้วยความลืมตัว
“จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
(ดีมาก ฉันไม่อยากให้มีปัญหาทีหลัง เวลานี้เราเชื่อใจใครไม่ได้ทั้งนั้น)
“ครับพ่อ” เฟลิกซ์ตอบรับ เมื่ออัลโดวางสายไป เขาก็หันมากระชับผ้าห่มคลุมร่างบางไว้แต่ยังไม่ยอมถอดกุญแจมือออกเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะหนีไปอีกครั้ง
“อือ...เจ็บจัง” อยู่ ๆ ภคมนก็ละเมอเพ้อออกมาเธอพยายามดึงมือที่ถูกพันธนาการไว้จนชายหนุ่มเหลือบไปเห็นรอยถลอกตรงข้อมือ ความรู้สึกผิดก็แล่นปราดขึ้นมาจนเขาต้องไขมันออกให้ในที่สุด
“เมื่อไหร่จะเข้าใจว่าฉันทำเพื่อปกป้องไม่ได้อยากทำร้าย”
เขาพึมพำแผ่วเบาก่อนจะหยิบกุญแจมือวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ จากนั้นจึงเดินหายออกจากห้องไปโดยไม่ลืมสั่งลูกน้องให้เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไม่ให้คลาดสายตา