หลังจากทำแผลเสร็จ เฟลิกซ์ก็ให้คนไปส่งวาสนาที่โรงพยาบาลเพราะอายุค่อนข้างเยอะแล้ว โรคภัยไข้เจ็บจึงเริ่มถามหาก็เลยต้องแวะเวียนโรงพยาบาลเป็นประจำ พอวาสนาไม่อยู่หน้าที่เตรียมอาหารทั้งสามมื้อในหนึ่งวันก็ตกมาเป็นของภคมนอย่างเลี่ยงไม่ได้
วันนี้เธอทำข้าวผัดไส้กรอกเป็นอาหารเช้าก่อนที่สองพ่อลูกจะแยกย้ายไปเล่นที่สวนหลังบ้าน เธอจึงต้องเตรียมอาหารในมื้อต่อไปอยู่ในครัวแต่เพียงลำพัง
วันนี้มีกุ้งที่วาสนาแกะไว้ เธอคิดว่าจะทำต้มยำที่รสชาติไม่เผ็ดมากนักมังกรจะได้ทานง่าย ส่วนอีกสองเมนูคิดว่าจะทำผัดผักรวมและไข่เจียวแบบง่าย ๆ เอา
เมื่อเตรียมวัตถุดิบแล้วเธอก็เตรียมตั้งหม้อ พลางชะเง้อมองไปที่สวนเห็นมังกรกำลังนั่งต่อเลโก้อยู่ในศาลาเธอก็นึกสงสัยว่าเฟลิกซ์หายไปไหน แต่พอหันไปหยิบเหยือกน้ำเธอก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนกอดอกแอบมองเธออยู่ทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“คุณเฟย!”
“ฉันแค่มาดูน่ะ ว่านายไม่ได้แอบใส่อะไรให้เราสองคนกิน”
“ถ้าไม่เชื่อใจขนาดนั้นทำไมไม่ทำเองล่ะ ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม” เธอตัดพ้อด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาแย่งเหยือกน้ำในมือของเธอไปเสียดื้อ ๆ
“งั้นนายไปนั่งเดี๋ยวฉันทำให้กินเอง”
“ไม่ต้อง ผมเป็นทาสยังไงมันก็คือหน้าที่ผม”
“จะเอายังไงกันแน่ เมื่อกี้บอกให้ทำอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ” ชายหนุ่มค้อนขวับ มือหนายังคงจับเหยือกไว้แน่น “นายเจ็บแผลอยู่...”
“คุณเฟยครับ ไก่ทอดเจ้าโปรดของคุณมังกรมาส่งแล้วครับ” ในขณะที่กำลังยื้อแย่งกันอยู่นั้น ธนาก็ขับรถเข้ามาพร้อมกับไก่ทอดร้านแก้วตาที่ภคมนเคยทำงานอยู่ที่นั่น
“ไปเอามาจัดใส่จานสิ” เฟลิกซ์แย่งเหยือกในมือไปแล้วออกคำสั่งกับคนตัวเล็กแทน หญิงสาวจึงต้องหยิบไก่ในมือของธนามาจัดเรียงใส่จาน พอได้กลิ่นที่แสนคุ้นเคยอีกครั้งเธอก็ใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนี้ไปคงไม่ได้กลับไปทำงานที่นั่นอีกแล้วสินะ
“เป็นอะไร” อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เข้ามาซ้อนแผ่นหลังเล็กไว้แล้วเอียงศีรษะจ้องมองใบหน้าของเธอด้วยความแปลกใจ “นายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ สงสารไก่มันเหรอ”
“ปละ...เปล่าครับ แค่นึกถึงอดีต” มือเรียวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ตัวว่าเพิ่งจะบอกความลับกับเขาไป
“ทำไม เคยทำงานที่นี่...หรือว่าเคยไปนั่งกินที่นี่กับแฟนเก่ากันล่ะ”
“ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ อยากทำเองนักก็ทำไปเลยก็แล้วกัน ผมจะได้ไปซักผ้า”
ภคมนหลบซ่อนพิรุธด้วยการถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วโยนไว้ให้เขาส่วนตัวเองก็รีบชิ่งกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อจะหอบผ้าลงมาซัก ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่หลังบ้านเพราะไม่อยากออกมาเผชิญหน้ากับคนเผด็จการอย่างเฟลิกซ์แต่ในขณะที่กำลังซักผ้าอยู่นั้นเสียงรถอีกคันก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับร่างบางระหงดุจนางพญาเหยี่ยวที่ก้าวลงมาจากรถ
“พี่เฟยคะ อยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ใครกัน” ภคมนชะเง้อมองไปยังต้นเสียง รีบตากผ้าตัวสุดท้ายแล้ววิ่งออกไปต้อนรับแขกทันที “สวัสดีครับ มาหาใครเหรอครับ”
“มาหาพี่เฟยหลงน่ะ เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า” เหมยอิงตอบแต่ไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่เธอ เห็นใบหน้าและการแต่งตัวของอีกฝ่ายคนมาใหม่ก็มองออกในทันทีว่าภคมนเป็นแค่คนรับใช้
“อยู่ครับ กำลังทำอาหารอยู่ในครัวน่ะ”
“งั้นเอาผลไม้นี่ไปจัดใส่จานให้หน่อย แล้วก็บอกพี่เฟยด้วยว่าฉันมาหา”
“ครับ” คนตัวเล็กรับตะกร้าผลไม้มาแล้วเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อจะบอกเฟลิกซ์ว่ามีแขกมาหา “แฟนคุณมาหาน่ะ”
“ใคร ฉันไม่เคยมีแฟนสักหน่อย”
“ไม่รู้สิ อยู่ข้างนอกโน่น” พอภคมนพูดจบ อีกฝ่ายก็ชะเง้อมองตามออกไปก่อนจะพบว่าเหมยอิงกำลังนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“แล้วนายบอกเขาว่าฉันอยู่ที่นี่เหรอ”
“ครับ ก็เขามาหาคุณจะให้ผมบอกว่าไงล่ะ”
“นายนี่มัน...” ชายหนุ่มกุมขมับ เขาไม่อยากพบหน้าเหมยอิงสักเท่าไหร่เพราะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายมาหานั้นเพื่อต้องการเดินหน้ารบเร้าเรื่องแต่งงาน
ในขณะที่กำลังหาทางหลบหน้าอยู่นั้น มังกรก็หอบของเล่นวิ่งเข้ามาในบ้านแล้วเจอกับเหมยอิงเข้าพอดี เฟลิกซ์ไม่มีทางเลือกจึงต้องวางมือจากอาหารที่ทำแล้วออกไปต้อนรับแขก
“งั้นนายจัดการต่อให้เสร็จ แล้วตั้งโต๊ะรอได้เลย”
“ให้คุณเหมยอิงด้วยไหมครับ”
“ก็ต้องจัดสิ ไม่น่าถาม” เขาหันมาตำหนิแล้วจึงออกไปร่วมวงสนทนา เห็นว่าลูกชายตัวเองกำลังอวดของเล่นที่อัลโดซื้อให้ชุดใหญ่ เขาจึงบอกให้เด็กชายขึ้นไปอาบน้ำเพื่อจะลงมาทานข้าว
“มังกร อย่าไปกวนน้าเหมยสิครับ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่าเดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าว”
“ครับ” มังกรรับปากอย่างว่าง่าย หันไปส่งยิ้มพิมพ์ใจให้ผู้เป็นพ่อหนึ่งกรุบแล้วจึงรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำ
“นั่นมังกร ลูกชายพี่เฟยเหรอคะ” เหมยอิงเอ่ยถาม อีกหน่อยจะได้เข้ามาอยู่ที่นี่เธอก็คงจะรู้ไว้บ้าง “ได้ยินลุงอัลโดบอกว่าซน แต่เหมยว่าเขาออกจะน่ารักนะคะ”
“ครับ แค่น่ารักเป็นพัก ๆ น่ะ”
“เมื่อกี้คนใช้บอกว่าพี่เฟยทำอาหาร เหมยเพิ่งรู้ว่าพี่ทำอาหารเป็นด้วย” หญิงสาวชวนคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์
“ก็พอเป็นบ้างน่ะ พอดีตะวันเขาบาดเจ็บ ผมก็เลยต้องช่วย”
“เป็นเจ้านายที่ใจดีมากเลยนะคะ”
ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันนานหลายชั่วครู่จนกระทั่งเฟลิกซ์หันไปเห็นภคมนกำลังเตรียมตั้งโต๊ะ เขาเลยตัดบทสนทนาที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายด้วยการชวนอีกฝ่ายร่วมทานข้าวด้วยกันตามมารยาท
“ครับ ไหน ๆ เหมยก็มาแล้ว งั้นอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะครับ”
“ยินดีมากเลยค่ะ เหมยกำลังหิวอยู่พอดี อยากรู้เหมือนกันว่าฝีมือพี่เฟยจะอร่อยแค่ไหน อีกหน่อยจะได้ทำให้เหมยทานบ่อย ๆ”
“งั้นเชิญทางนี้ครับ” ชายหนุ่มผายมือไปยังโต๊ะอาหาร ซึ่งภคมนกำลังนำถ้วยต้มยำร้อน ๆ เข้ามาเสิร์ฟพอดี มังกรที่อาบน้ำเสร็จแล้วย่องมาทางด้านหลังจึงนึกสนุกยื่นเท้าไปดักขาเรียวของเธอไว้จนต้มยำในมือร่วงหล่นพื้น น้ำร้อน ๆ กระเด็นใส่เสื้อผ้าราคาแพงของเหมยอิงจนเลอะเป็นวงกระจัดกระจาย
“กรี๊ด!” หญิงสาวร้องเสียงหลงรีบเด้งตัวลุกขึ้นปัดเช็ดกระโปรงสีขาวด้วยสีหน้าบึ้งตึง เช่นเดียวกับภคมนที่ตกใจจนลืมความเจ็บปวดเพราะถูกน้ำร้อน ๆ มันลวกใส่มือ
“โอ๊ย!เจ็บจัง”
“มังกร ป๊าเห็นนะ” เฟลิกซ์รีบเข้าไปลากตัวต้นเหตุที่ยืนนิ่งมาเพื่อจะลงโทษแต่เหมยอิงกลับเข้ามาขวางเอาไว้
“อย่าไปโทษมังกรเลยค่ะ เขาก็คงจะวิ่งเล่นตามประสาเด็กถ้าจะโทษก็ควรจะโทษผู้ใหญ่มากกว่าที่ไม่ระวัง” ดวงตาสวยคมโฉบเฉี่ยวหันไปที่ตะวัน ก่อนจะก้าวฉับ ๆ ไปหยุดยืนตรงหน้า เพื่อจะฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าของเธอสักครั้ง “แก ทำไมซุ่มซ่ามขนาดนี้ห้ะ ไม่รู้หรือไงว่าชุดฉันราคาเท่าไหร่ แกมีปัญญารับผิดชอบหรือเปล่า”
เสียงฝ่ามือฝ่าอากาศเข้ามาทำให้ภคมนรีบปิดตาลงแน่น แต่ทว่าเฟลิกซ์กลับเข้ามากระชากมือเรียวแล้วออกแรงผลักเหมยอิงออกไปได้ทันก่อนที่เขาจะเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าภคมนเพื่อปกป้องเธอ
“ผมเห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุนะครับ ตะวันเองก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก ผมว่าคุณไม่ควรลงโทษคนของผมแบบนี้นะ”
“พี่เฟย ถ้าไม่ลงโทษ มันก็ไม่หลาบไม่จำสิคะ” เหมยอิงโวยวายลั่น “ดูสิ ชุดเหมยสกปรกหมดแล้ว”
“ผมว่าถ้ายิ่งปล่อยไว้นานมันจะซึมเข้าเนื้อผ้านะครับ ผมว่าเหมยรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” เขาพยายามบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เหมยอิงลืมเรื่องที่จะลงโทษไปซะ ภคมนเป็นคนของเขา ยังไงซะคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง
“จริงด้วยค่ะ งั้นพี่เฟยพาเหมยขึ้นไปเปลี่ยนหน่อยสิคะ เหมยขอยืมชุดพี่เฟยหน่อย เดี๋ยวจะมาคืนวันหลังค่ะ”
“ผมไม่ได้ขนเสื้อผ้ามาหรอกครับ ปกติไม่ได้นอนค้างที่นี่อยู่แล้ว” เฟลิกซ์รีบปฏิเสธ ทำให้คนที่กำลังเดินไปทางบันไดต้องหยุดชะงัก “ถ้าจะมีก็มีแต่เสื้อผ้าของตะวันน่ะ คุณจะใส่ได้หรือเปล่า”
“ชุดราคาภูก ๆ แบบนั้นเหมยใส่ไม่ได้หรอกค่ะ คันแย่”
“งั้น เห็นทีผมว่าคุณเหมยคงต้องกลับไปเปลี่ยนที่บ้านแล้วล่ะครับ”
“แต่เหมยเพิ่งมาเองนะคะ” อีกฝ่ายตัดพ้อเพราะยังไม่อยากกลับ
“จะทำไงได้ล่ะ ถ้าไม่กลับก็คงต้องทิ้งชุดนี้เลยนะ”
“งั้นเหมยกลับก็ได้ค่ะ เอาไว้เหมยจะมาใหม่วันหลังนะคะ” เหมยอิงกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ ดวงตาคมกริบเหลือบมองมังกรอีกครั้งพร้อมกับประโยคแผ่วเบาที่เอ่ยออกมาแต่ไม่มีใครได้ยิน “เด็กเปรต...”
“ตะวัน นายขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ” เมื่อเหมยอิงขับรถออกไปแล้วเฟลิกซ์จึงหันมาออกคำสั่งกับภคมน หญิงสาวจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นปราดไปทั่วทั้งตัว
“บ้าจริง...เป็นพี่เลี้ยงเด็กว่าเหนื่อยแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงเด็กแสบอีก ถ้าไม่รอด ฉันได้พิการซ้ำซ้อนแน่” คนตัวเล็กโอดครวญในขณะที่เข้าไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด
“เป็นยังไงบ้างตะวัน” อยู่ ๆ เฟลิกซ์ก็วิ่งตามขึ้นมาด้วยความร้อนใจ เขารีบจับมือเรียวขึ้นมาตรวจดูให้แน่ใจอีกครั้ง “เจ็บตรงไหนไหม เมื่อกี้ถูกแผลที่โดนยิงหรือเปล่า”
“จะสนใจทำไม แผลโดนยิงก็มาจากคุณไม่ใช่เหรอ” ภคมนตัดพ้อ พยายามสะบัดมือเขาออกด้วยความเจ็บใจ
“ฉันขอโทษ”
“ว่าไงนะ” หญิงสาวแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยสักนิดว่าเธอจะได้ยินคำนั้นจากปากเขา
“เป็นความผิดฉันเองที่เลี้ยงดูมังกรไม่ดี”
“งั้นคุณก็ปล่อยผมไปสิ ผมเลี้ยงมังกรไม่ไหวแล้วจริง ๆ ขนาดมาอยู่แค่ไม่กี่วัน ลูกคุณยังเล่นงานผมขนาดนี้เลย”
“ฉันปล่อยนายไปไม่ได้จริง ๆ นายก้าวขามาแล้ว ตอนนายออกไปต่อให้ฉันไม่ฆ่านาย พ่อฉันก็ต้องเก็บนายอยู่ดี” ชายหนุ่มอธิบายในขณะที่ยังคงชโลมน้ำเย็น ๆ ลงบนมือเล็กด้วยความเป็นห่วงแต่ภคมนกลับมองไม่เห็นมัน เธอจึงออกแรงผลักเขาออกไป
“งั้นก็ไม่ต้องมาพยายามทำดีกับผมหรอกจะไปไหนก็ไป” พูดจบเธอก็เหวี่ยงประตูปิดใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ แต่พอมันถูกปิดลง น้ำตาหยดใสก็ไหลรื้นออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
“ทำยังไงฉันถึงจะหนีไปจากที่นี่ได้สักที ฮือ...”
หญิงสาวทุบฝ่ามือลงบนกระจกจนรู้สึกปวดร้าวที่บาดแผลแต่ความเจ็บปวดตรงนั้นมันกลับเทียบไม่ได้เลยเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดในหัวใจของคนที่ต้องการอิสรภาพอย่างเธอ