เฟลิกซ์รีบขับรถบึ่งมาที่บ้านของลูกชายในตอนค่ำ หลังจากที่มังกรรักษาตัวจนอาการปวดตรงศีรษะเริ่มหายดีแต่เจ้าตัวแสบก็ยังให้เขาสัญญาว่าจะกลับมาเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังในทุก ๆ คืน
“มังกรอยู่บนห้องเหรอ” เขาเอ่ยถามร่างบางที่กำลังเดินสวนลงมาจากชั้นบนของบ้าน
“ครับ ผมจะเล่านิทานให้ฟังแต่ว่าเขาไล่ผมลงมา”
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง นายไปพักเถอะ” พูดจบ อีกฝ่ายก็วิ่งขึ้นไปบนห้อง ถึงตอนนั้นภคมนจึงรีบเข้าไปหาอะไรกินในครัวเพราะเธอเอาแต่ง่วนอยู่กับมังกรทั้งวันจนแทบไม่มีเวลาได้หาอะไรลงท้อง
“ป้าวาดครับ ยังมีอะไรให้ผมกินอีกไหมครับ”
“มี ๆ กับข้าวยังเหลืออีกเยอะเลย ไปกินเถอะ คงจะหมดพลังไปเยอะเลยสิท่า” คำตอบนั้นทำให้เธอยิ้มกว้าง รีบตักเข้าในหม้อแล้วราดแกงจืดด้วยมือที่สั่นเทาเพราะความหิว
“ไม่หมดได้ยังไงป้า มังกรฤทธิ์เยอะขนาดนั้น ขนาดเพิ่งหายเจ็บนะครับ เล่นเอาซะผมหมดแรงเลย”
“จริง ๆ คุณมังกรเธอก็ไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอกนะ กับป้ากับคุณอรเขาก็ยังน่ารักปกติ”
“เขาร้ายแต่กับผมแหละครับ” ภคมนตัดพ้อพลางตักข้าวเข้าปากอย่างปลง ๆ
“คงจะผิดหวังแหละเพราะคุณเฟยเขาสัญญาเอาไว้หลายครั้งว่าจะหาแม่มาให้”
“อย่างคุณเฟยเขาคงหาไม่ยากหรอกครับ แค่เอาปืนขู่ ผู้หญิงก็ยอมแล้ว”
“จะบ้าเหรอตะวัน คุณเฟยเขาไม่ได้บ้าขนาดนั้น ตั้งแต่ที่ป้าเข้ามาทำงานที่นี่ก็เห็นแค่คุณเกวลินนี่แหละที่คุณเฟยรักที่สุด ถึงเธอจะตายจากไปเขาก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลยนะ บ้านหลังนี้น่ะ นอกจากคุณลินกับคุณอรแล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นเคยเข้ามาหรอก” วาสนาอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเจ้านายจะผ่านมาได้ยินเข้า
“เขาไม่พาเข้ามาที่นี่ให้ลูกชายเขาเห็นหรอกป้า ถ้าจะกินก็ต้องไปกินกันที่บ้านเขาแหละ”
“ทำมาเป็นรู้ดีนะเรา รีบกินเถอะจะได้ขึ้นไปพัก” คนสูงวัยค้อนเล็ก ๆ ทำให้ภคมนรีบตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยจากนั้นจึงขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าบนห้อง
มือเรียวถอดผ้าที่พันหน้าอกไว้ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อหายอึดอัดหายใจสะดวกมากขึ้น
ดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวจ้องมองเรือนร่างของตัวเองผ่านเงาสะท้อนในกระจก ตอนนี้ผมที่ซอยสั้นเริ่มยาวระต้นคอแล้ว เธอจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดแต่งมันด้วยตัวเองแม้จะนึกเสียดายเพราะเธอเองก็ยังอยากสวยเหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่เนื่องจากจำเป็นต้องรักษาชีวิตเธอจึงต้องอยู่ในคราบของตะวันแบบนี้ต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“อดทนอีกหน่อยนะ เดี๋ยวก็คงจะได้แต่งสวยเหมือนคนอื่นแล้วล่ะ”
เธอยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาออกแล้วอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมพักผ่อน แต่วินาทีที่ออกไปจากห้องน้ำเธอก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นเฟลิกซ์กำลังนอนอยู่บนเตียงกว้างอย่างสบายใจ
“คุณ เข้ามาทำไม” หญิงสาวรีบกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำแน่นเพราะเธอยังไม่ได้ใส่ผ้าพันหน้าอกไว้
“ฉันขี้เกียจกลับบ้านแล้วอะ เลยคิดว่าจะมานอนด้วย”
“นอนกับผมได้ยังไงคุณ ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องมังกรล่ะ”
“เตียงมังกรเล็กแค่นั้นจะให้ฉันไปนอนเบียดได้ยังไง แล้วอีกอย่างห้องนี้มันก็เป็นห้องของฉันที่เอาไว้ค้างคืนตอนมานอนกับมังกร ทำไมฉันจะนอนไม่ได้” เฟลิกซ์ให้เหตุผลก่อนที่เขาจะขยับตัวไปอีกทางแล้วตบที่ว่างข้างกายให้เธอขึ้นไปนอนด้วยกัน “มานอนนี่สิ”
“จะบ้าเหรอคุณ ผมนอนกับคุณไม่ได้”
“ทำไมจะนอนไม่ได้ เราเป็นผู้ชายแมน ๆ เหมือนกันนะตะวัน รับประกันได้เลยว่าฉันไม่ทำอะไรนายหรอกเพราะว่าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาอธิบายเสียงหนักแน่น ภคมนจึงต้องหาเหตุผลอื่นมาบ่ายเบี่ยงให้เขาออกไป
“แต่คุณยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”
“ฉันอาบมาจากห้องของมังกรแล้ว มานอนเถอะ ง่วงไม่ไหวแล้วเนี่ย”
“งั้นคุณก็นอนก่อนได้เลย ผมขอแต่งตัวก่อน”
“จะใส่ทำไม ถอดเสื้อนอนเหมือนฉันก็ได้ ฉันไม่ถือหรอก” เขาว่าพลางตบลงบนหน้าอกกว้างที่มีรอยสักดูน่าเกรงขามของตัวเองจนภคมนต้องรีบเบือนหน้าหนี
“ผมกลัวปอดชื้นน่ะ คุณนอนก่อนได้เลย” ว่าแล้วเธอก็รีบหอบผ้าเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิด” คิดว่าจะได้นอนสบายไม่ต้องพันผ้าแล้วเสียอีก บ้าจริง”
หญิงสาวใช้เวลาในห้องน้ำอยู่ครู่ใหญ่คิดว่ากลับออกมาเฟลิกซ์คงจะหลับไปแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะยังนอนเขี่ยมือถืออย่างสบายใจ
“จะนอนได้ยัง”
“นอนแล้วครับ” ภคมนตอบอย่างปลง ๆ ก่อนจะหันไปปิดไฟแล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างอย่างระมัดระวัง เธอได้แต่นอนแน่นิ่งแบบนั้นอยู่เนิ่นนานไม่กล้าจะขยับตัวกระทั่งรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหลังกำลังขยับตัวเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รานรดอยู่ตรงต้นคอ
“นายจะเกร็งอะไรขนาดนั้น”
“เอ่อ ผมกลัวนอนเล่นแล้วเผลอถีบคุณน่ะ...” เสียงนั้นเงียบหายไปในอากาศเมื่อเธอหันไปแล้วพบว่าใบหน้าเขาอยู่ห่างกับเธอแค่ไม่ถึงคืบ พอตั้งสติได้จึงรีบขยับตัวลุกจากเตียงทันที “ผมว่าผมไปนอนที่ห้องมังกรดีกว่าครับ”
ไม่รอให้เขาคัดค้าน เธอก็รีบวิ่งออกไปจากห้องเสียก่อนเพราะรู้สึกได้ว่าตอนนี้หัวใจเธอเริ่มเต้นโครมครามขึ้นมาไม่เป็นจังหวะ
พอประตูปิดลง รอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟลิกซ์ ยิ่งนึกถึงอาการตื่นกลัวของเธอเมื่อครู่เขาก็อดขำขึ้นมาเสียไม่ได้
“เหอะ...คิดว่าจะแน่”
ครืด...
ในขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะลุกตามออกไปหรือว่าจะนอนค้างที่นี่ต่อ เสียงมือถือก็ดังขึ้นมากลางดึก
“มีอะไร” ชายหนุ่มรับสายแล้วเอ่ยถามลูกน้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย
(เกิดเรื่องที่บ่อนครับ ลูกค้าอาละวาด ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนของคุณสิงหาส่งมาก่อกวนมากกว่าเลยไม่ได้เรียนคุณอัลโด)
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันไปจัดการเอง” เฟลิกซ์วางสายไปก่อนจะกลับไปที่ห้องของมังกรอีกครั้งเพื่อจะหยิบเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้ทำให้คนที่กำลังจะเคลิ้มหลับอยู่บนโซฟาในห้องต้องเด้งตัวตื่นขึ้นมาอีกรอบ
“คุณ”
“ฉันแค่มาเอาเสื้อ นายกลับไปนอนที่ห้องตัวเองเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกน่ะ” พูดจบเขาก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมลวก ๆ ก่อนจะรีบออกไปเพื่อจัดการปัญหาที่บ่อนด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นภคมนจึงลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วรีบกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองทันที
ข้าวต้มร้อน ๆ ถูกเตรียมไว้ก่อนที่วาสนาจะออกไปทำธุระข้างนอก ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับมังกรเพียงลำพังภายในบ้าน
“ป้าจะออกไปหาหมอ อาจจะกลับค่ำหน่อย ฝากคุณมังกรด้วยนะ”
ภคมนอ่านโน้ตที่ติดอยู่บนตู้เย็นด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ เธอเหลือบมองเจ้าตัวแสบที่กำลังนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เห็นทีวันนี้คงจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามเป็นแน่
“ข้าวต้มมาแล้วครับ” เธอบรรจงตักข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วนำไปเสิร์ฟให้ตัวแสบที่โต๊ะแต่ทว่ามังกรกลับไม่แม้แต่จะหันมาสนใจ
“อยากกินข้าวผัด”
“ว่าไงนะ” หญิงสาวชะงัก อ้าปากเหวอด้วยความตกใจ
“บอกว่าอยากกินข้าวผัด”
“แต่วันนี้ป้าวาดไม่อยู่ กินข้าวต้มไปก่อนนะครับ”
“จะกินข้าวผัด จะกินข้าวผัด” มังกรเริ่มอาละวาดเสียงดังจนเธอต้องรีบนำถ้วยข้าวต้มไปเก็บแล้วลงทุนทำข้าวผัดไส้กรอกง่าย ๆ ให้กิน โชคดีที่พอจะได้วิชาทำอาหารมาจากลำดวนบ้างเธอจึงพอทำได้
“ข้าวผัดมาแล้วครับ”
“ไข่ดาวล่ะ เอาไข่ดาวสุก ๆ กรอบ ๆ นะ” เจ้าตัวแสบบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภคมนจึงรีบกลับเข้าไปในครัวเพื่อทอดให้ใหม่
“นี่ครับไข่ดาว”
“พอเห็นไข่แดงตรงไข่ดาวแล้ว ผมชักอยากกินข้าวไข่เจียวแล้วสิ ผมกินข้าวไข่เจียวดีกว่าครับ” มังกรคลี่ยิ้มจนตาหยี เลื่อนมือผลักจานตรงหน้าออกไปทันที “พี่ตะวันช่วยไปทำข้าวไข่เจียวให้ผมหน่อยสิ”
“นี่มังกรไม่ได้แกล้งพี่ใช่ไหม”
“ไม่ได้แกล้ง ผมอยากกินจริง ๆ”
“ได้...” ภคมนขบกรามแน่น พยายามข่มความเจ็บใจเอาไว้ก่อนจะหันไปทอดไข่เจียวมาเสิร์ฟให้แต่เจ้าตัวแสบก็ยังผลักจานออก
“ผมว่ากินไส้กรอกดีกว่า”
ปัง!
พอพูดจบ ฝ่ามือเรียวก็ทุบลงบนโต๊ะเสียงดังจนมังกรสะดุ้งโหยง
“พอได้แล้วมังกร พี่รู้นะว่าเรากำลังแกล้ง ทำไมถึงคิดอะไรไม่ได้แบบนี้ห้ะ รู้หรือเปล่าว่ามันสิ้นเปลือง ตัวเองมีข้าวมีของอร่อยกินจนล้นก็มาทำทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หัดนึกถึงคนที่เขาไม่มีอันจะกินบ้างสิ”
“ฮือ...พี่ตะวันดุผม” เด็กชายเบ้ปากก่อนที่น้ำใส ๆ จะไหลล้นออกมา
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้เลยนะ คิดเหรอว่าพี่อยากมาทำงานที่นี่นักอะ ถ้าไม่ถูกพ่อมาเฟียเราลากมา พี่ก็ไม่อยากทำหรอก”
“งั้นพี่ก็ลาออกไปสิ” มังกรตวาดกร้าวทั้งที่น้ำตายังไหลออกมาไม่ขาดสาย
“ถ้าลาออกได้พี่ทำไปนานแล้ว”
“ได้ งั้นเดี๋ยวผมจะทำให้พี่ถูกไล่ออกเอง” ว่าแล้ว เจ้าตัวแสบก็วิ่งพรวดออกไปจากบ้าน คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีนั้นเด็กชายจะกระโดดลงไปในสระน้ำที่ลึกจนมิดศีรษะ
“มังกร!ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ผมว่ายน้ำไม่เป็น” เด็กชายพยายามดันตัวเองขึ้นเหนือผิวน้ำ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ภคมนเริ่มตื่นกลัวแต่เธอจะช่วยได้ยังไงในเมื่อตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็นเหมือนกัน
“พี่ตะวันช่วยผมด้วย”
“เอาวะ น้ำคงไม่ลึกมากหรอกมั้ง” หญิงสาวพยายามข่มความกลัวแล้วกระโดดลงไปในสระเพื่อจะช่วยชีวิตมังกร แต่ทันทีที่ลงไป เธอก็รู้สึกได้เลยว่าขาทั้งสองข้างมันเหยียบไม่ถึงพื้น “อึก”
ภคมนสำลักน้ำเข้าไปอึกใหญ่พยายามดันตัวเองขึ้นเหนือผิวน้ำ จนสายตาของเธอเหลือบไปเห็นมังกรกำลังว่ายน้ำไปที่บันไดขึ้นไปนั่งหัวเราะเธอที่ริมสระอย่างสบายใจ
“บ้าจริง โดนอีกจนได้ อึก...” ใบหน้าหวานเหยเกเพราะสำลักน้ำเข้าไป เธอพยายามดีดตัวขึ้นแต่ก็รู้สึกว่ามันแทบไม่ขยับเลยสักนิด “ช่วยด้วย มังกรช่วยพี่ด้วย”
“ไม่ช่วยหรอก อยากเป็นพี่เลี้ยงผมพี่ต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้”
“พี่ว่ายน้ำไม่เป็น...”
เสียงของเธอเงียบหายไปเช่นเดียวกับร่างกายที่ถูกกลืนลงไปก้นสระ ภาพเด็กชายที่กำลังยืนหัวเราะด้วยความชอบใจ ค่อย ๆ อันตรธานหายไปจากสายตาจนเหลือแค่ม่านน้ำที่เข้ามาปกคลุมจนมองอะไรไม่เห็น
วินาทีที่ความเป็นความตายกำลังจะมาเยือน ก่อนวินาทีที่ดวงตาทั้งสองข้างจะปิดลง อยู่ ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่แตกกระเซ็นพร้อมกับร่างหนึ่งที่แหวกว่ายลงมาจับร่างของเธอไว้แล้วพาขึ้นไปเหนือผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย