ภายในห้องทำงานสุดหรูบนตึกสูงตระหง่าน ร่างหนึ่งกำลังเดินไปมาด้วยความร้อนใจ เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออยู่หลายครั้งก่อนจะตัดสินใจขับรถออกไปยังบ้านของเฟลิกซ์
“คุณเฟยไม่อยู่ครับ วันนี้ยังไม่กลับเข้ามาเลย” คำตอบของลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ทำให้เหมยอิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะนับตั้งแต่วันที่มังกรก่อเรื่องไว้จนเธอต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน เฟลิกซ์ก็เงียบหายไปเลย ไม่ติดต่อมาหรือขอโทษขอโพยสักคำ
“คงจะไปขลุกตัวอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกใช่ไหมล่ะ” มือเรียวจับพวงมาลัยรถไว้แน่น รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังเล็กที่ตั้งห่างออกไปทันที
เมื่อมาถึงเธอก็รีบตรงเข้าไปในบ้านก่อนจะพบกับมังกรที่กำลังระบายสีอยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง
“มังกรครับ มังกร” เหมยอิงเอ่ยเรียกเด็กชายแผ่วเบา เจ้าตัวแสบจึงหันมาวูบหนึ่งแล้วจึงหันไปสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าต่อ หญิงสาวจึงขบกรามแน่น ข่มความโกรธเอาไว้แล้วปั้นหน้ายิ้มแย้มเดินเข้าไปทรุดกายนั่งลงเคียงข้าง “มังกรทำอะไรอยู่เหรอครับ”
“ซักผ้าครับ” เด็กชายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาแต่อย่างใด
“ซักผ้าได้ยังไงก็เห็นอยู่ว่าเรากำลังระบายสี”
“ป้าก็เห็นแล้วนี่ครับแล้วจะถามทำไม” คำตอบนั้นทำให้ภคมนที่ผ่านมาได้ยินเข้าพอดีจึงต้องกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดงแล้วแอบมองดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ
“อีเด็กนี่ ฉันพูดด้วยดี ๆ มาเรียกฉันว่าป้าได้ยังไง”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ครับหรือจะให้เรียกยาย”
“หยาบคาย รู้หรือเปล่าว่าอีกหน่อย ฉันจะมาเป็นแม่แกแล้วนะ” เหมยอิงแสดงตัวด้วยความมั่นใจแต่กลับถูกมังกรสวนกลับจนหน้าถอดสี
“ผมไม่เอาแม่ใจร้ายหรอกครับ”
“ฉันใจร้ายตรงไหน”
“ก็ตรงนี้แหละ ผมไม่ชอบ” พูดจบเจ้าตัวแสบก็หอบสมุดระบายสีวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ถึงตอนนั้นภคมนจึงต้องออกมาต้อนรับแขกตามมารยาทแม้ว่าเธอเองจะไม่อยากสนทนาด้วยก็ตาม
“คุณมาหาคุณเฟยเหรอครับ”
“ใช่ เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ผมว่าคุณน่าจะรู้แล้วนะครับ ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะถ้าเขาอยู่คุณคงไม่พูดแบบนั้นกับมังกรแน่นอน” หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่ประโยคที่พูดออกไปกลับเชือดเฉือนลงกลางใจคนมาใหม่เข้าอย่างจัง
“นี่แก...แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร”
“ไม่ทราบครับ ไม่อยากทราบด้วย” เธอตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้เหมยอิงยิ่งรู้สึกโกรธจนควันออกหู
“แก...คอยดูสิ ฉันจะบอกให้พี่เฟยเขาไล่แกออก”
“ดีเลยครับ ผมก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ถ้าบอกให้เร็วหน่อยจะถือว่าเป็นพระคุณมาก” พูดจบเธอก็หิ้วตะกร้าผ้าในมือขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านแต่วินาทีที่เดินผ่านเหมยอิงไป อีกฝ่ายกลับจิกผมที่ซอยสั้นของเธอเต็มแรงจนภคมนแทบจะหงายหลังล้มตึง
“แกด่าฉันขนาดนี้แล้วจะไปง่าย ๆ เหรอ”
“อย่ามายุ่งกับผมนะ ปล่อย...เดี๋ยวก็หาว่าผมรังแกผู้หญิงอีก”
“แกรู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว” เหมยอิงจับเรือนผมนั้นไว้แน่นเพื่อจะฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าของเธอ “ฉันหมั่นไส้แกตั้งแต่คราวที่แล้วแล้วนะ แม่ขอสักทีเถอะ”
“ก็เอาสิ ถ้าคุณทำผม ผมจะฟ้องคุณเฟย ทีนี้อย่าว่าแต่เป็นเมียเลย แม้แต่บ้านเขาก็ไม่ให้คุณเข้ามาแน่”
“ก็ลองฟ้องสิ เขาจะเชื่อขี้ข้าอย่างแกหรือว่าฉันที่เป็นว่าที่คู่หมั้น”
“ถ้าพูดปากเปล่าเขาก็คงไม่เชื่อหรอก แต่ถ้ามีหลักฐานจากกล้องก็ไม่แน่” ภคมนกระตุกยิ้มอย่างคนชนะ พลางชี้ให้ดูกล้องวงจรปิดที่เฟลิกซ์ติดเอาไว้เพื่อดูความปลอดภัยของมังกร
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ด้วย” วาสนาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็รีบวิ่งออกมาห้ามไว้ ทำให้ภคมนยิ่งได้ใจเพราะเป็นคนถือไพ่เหนือกว่า
“เอาไงดีล่ะ ป้าวาดเป็นคนเก่าคนแก่ที่นี่ด้วย ถ้าป้าวาดเป็นพยานอีกคน มันจะเป็นยังไงน้า”
“เหอะ ฝากไว้ก่อน ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่” มือเรียวออกแรงผลักศีรษะเล็กออกไปก่อนจะเชิดหน้าเดินไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดไว้หน้าบ้าน
“นี่แน่ะ” วาสนาเข้ามาตบแขนเรียวของภคมนทันทีที่อีกฝ่ายเดินออกไป “เราน่ะไปยั่วอะไรคุณเหมยเขาหรือเปล่า”
“เปล่านะป้า ถ้าป้าได้ยินสิ่งที่ยัยนั่นพูดกับมังกรล่ะก็ ป้าไม่เข้าข้างยัยนั่นแน่”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรไปกระตุกหนวดเสือแบบนั้น คุณเหมยอิงเขาเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ เราไม่กลัวเขาจะเล่นงานหรือไง”
“ป้ารู้จักยัยนั่นด้วยเหรอ”
“ก็ไม่หรอก ได้ยินพวกคนใช้ที่บ้านใหญ่กระซิบกันตอนไปเอาผักน่ะแหละ”
กริ๊ง...
ในขณะที่วาสนากำลังอธิบายอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นมาทำให้หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายไปรับสายด้วยสีหน้าบึ้งตึงเพราะมีแค่คนเดียวที่มักจะโทรมาสั่งงานทางนี้
“ว่า!” เธอกระแทกเสียงใส่ทันทีที่รับสาย
(ฉันเป็นเจ้านายนายนะ กรุณาพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย)
“มีอะไรไม่ทราบครับ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะประชดใส่เขาไปอีกหนึ่งที
(ฝากบอกมังกรด้วยว่าคืนนี้ฉันมีงานด่วนคงไม่ได้ไป ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยเล่านิทานก่อนนอนให้เขาด้วย)
“เล่าน่ะเล่าได้ แต่มังกรจะยอมหรือเปล่าเรื่องนั้นผมไม่รับปากนะ” ภคมนชิ่งตัดสายไปด้วยสีหน้าสุดเซ็ง มังกรไม่ชอบหน้าเธอขนาดนี้ อย่าว่าแต่เล่านิทานเลยแค่เดินเฉียดยังไม่มองหน้าด้วยซ้ำ
หญิงสาวเหลือบมองโทรศัพท์อีกครั้งก่อนจะเบ้ปากใส่ จินตนาการว่ามันคือใบหน้าของเฟลิกซ์ที่เธอเกลียดเป็นที่สุด
“ทำตัวเป็นเจ้านาย แต่ไม่ถามสักคำว่าฉันอยากเป็นลูกน้องหรือเปล่า ไอ้คิงคองยักษ์”
พอได้ระบายอารมณ์จนรู้สึกดีขึ้น เธอก็หอบหิ้วตะกร้าผ้าขึ้นไปบนห้องก่อนจะไปหามังกรในตอนสองทุ่มเศษเพื่อเล่านิทานตามที่เฟลิกซ์สั่งไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มังกรครับ คืนนี้ป๊ะป๋าไม่ได้มา ให้พี่เข้าไปเล่านิทานให้ฟังเอาไหมครับ”
“ไม่ต้อง !” เป็นแบบที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดเพราะคนตัวเล็กตะโกนกลับออกมาทันทีที่พูดจบ
“งั้นก็หลับเองนะ พี่จะไปนอนแล้ว” ว่าแล้วเธอก็หมุนตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงกลับไปที่ห้องของมังกรอีกครั้งแต่ไม่ได้เคาะประตู
“พี่ตะวันเข้ามาทำไม” เจ้าของห้องเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นเธอเข้ามาในห้อง “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาเล่าให้ฟัง ผมไม่อยากฟังนิทานของพี่”
“ใจเย็นก่อนสิ พี่แค่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงไม่ชอบคุณเหมยอิงล่ะ เขาสวยขนาดนั้น เขาเป็นแม่ของมังกรได้นะ” ภคมนเอ่ยถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้อีกครั้งด้วยความแปลกใจ
“ผมรู้ว่าป้าเหมยใจร้าย ขนาดพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำต้มยำหกใส่ ป้าเหมยยังตีพี่เลย แล้วถ้ารู้ว่าผมเป็นคนดักขาพี่ ป้าเหมยคงจะตีผมด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง คิดว่ามังกรจะชอบผู้หญิงทุกคนซะอีก”
“ผมอยากได้แม่เหมือนแม่ลิน ป๊ะป๋าบอกว่าแม่คำนวณนใจดี ผมอยากได้แม่ใจดี” เด็กชายตอบด้วยความไร้เดียงสา “ถ้าพี่เป็นผู้หญิงก็คงจะดี ถึงผมไม่ชอบพี่แต่ผมก็รู้ว่าพี่ตะวันใจดี”
“ทำไมต้องไม่ชอบพี่ล่ะ ในเมื่อเราเป็นพวกเดียวกันนะ”
“ยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ ผมไม่ชอบพี่ เราจะเป็นพวกเดียวกันได้ไง” มังกรเกาหัวแกรก ภคมนเห็นโอกาสจึงจับมือเล็กไว้แน่นเพื่ออธิบายในสิ่งที่เธอต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“ฟังพี่นะ มังกรไม่ชอบพี่ ไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่ ส่วนพี่ก็ไม่อยากทำงานที่นี่เหมือนกัน ลองคิดดูสิ เราสองคนมีความต้องการเหมือนกันอยู่นะ”
“พี่จะหลอกใช้ผมเหรอ” คนตัวเล็กสวนกลับอย่างคนรู้ทัน
“พี่ไม่ได้หลอกใช้นะ พี่แค่ต้องการความช่วยเหลือจากมังกร ช่วยให้พี่หนีออกไปจากที่นี่ทีได้ไหม” หญิงสาวพยายามอธิบายหาเหตุผลสารพัดมาหว่านล้อม ถึงจะดูเหมือนว่าเป็นการหลอกใช้ก็ตาม “ลองคิดดูสิ ถ้าพี่ออกไป ป๊าของมังกรอาจจะขี้เกียจหาพี่เลี้ยงคนใหม่ แล้วตัดสินใจแต่งงานกับใครสักคนมาเป็นแม่ของมังกรแทนก็ได้นะ”
“ถ้าป๊ารู้ ป๊าคงโกรธผม”
“มังกรฉลาดอยู่แล้ว พี่เชื่อมือมังกร”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงบ้างล่ะ” เด็กชายเอ่ยถาม แววตาและน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ได้ยินว่าป๊ามังกรไม่ได้มาคืนนี้ พี่เลยจะหนีออกไปทางเดิมเพราะตรงนั้นกล้องยังเสียอยู่ พอป๊ามังกรกลับมา มังกรก็แค่ช่วยถ่วงเวลาให้พี่หน่อย ถึงตอนนั้นพี่คงไปได้ไกลแล้วล่ะ”
“ก็ได้ครับ มังกรจะลองดู แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมังกรไม่รับผิดชอบนะ”
“ตกลงครับ” ภคมนคลี่ยิ้มอย่างมีความหวังเมื่อมังกรรับปาก เธอจึงส่งเด็กชายเข้านอนแล้วรีบกลับมาเก็บเสื้อผ้าในห้องของตัวเอง คิดเอาไว้ว่ายังไงคืนนี้จะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ” คนตัวเล็กพยายามปลอบใจตัวเองในขณะที่วิ่งออกจากบ้านมาหยุดที่รั้วใหญ่ในตอนกลางดึกประมาณเที่ยงคืนเศษด้วยการอาศัยแค่แสงจันทร์คอยส่องสว่างนำทางเท่านั้น