ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบกายอีกครั้งเพื่อจะดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้สังเกตเห็นเพราะเธอแอบย่องมาทางหลังบ้านส่วนลูกน้องที่เฟลิกซ์ส่งมาก็ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน ด้วยคิดว่าเธอจะเข็ดหลาบจากบาดแผลที่ถูกเขายิงวันก่อน พวกลูกน้องที่เฝ้าจึงตายใจคิดว่าเธอคงไม่กล้าหนีไปไหนได้อีก
“สาธุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา ช่วยพาหนูหนีรอดปลอดภัยด้วยเถิด” มือเรียวกระพุ่มไหว้บนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะปากระเป๋าเป้ข้ามกำแพงไปแล้วตัวเองก็ปีนตามไปทีหลัง
ตุบ
ร่างบางกระโดดลงมาจนเท้ากระแทกพื้นรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเพราะคำนวณความสูงผิดไปหน่อย แต่พอตั้งหลักได้เธอก็รีบวิ่งฝ่าความมืดออกไปแบบไม่คิดชีวิตคิดว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้หนี
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ” เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะด้วยความเหนื่อยล้าเพราะวิ่งมาไกล เธอไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่ากิ่งไม้ใบหญ้ามันจะบาดโดนผิวกายจนเจ็บแสบไปหมด สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือการหนีไปให้พ้นจากคนใจร้ายอย่างเฟลิกซ์เท่านั้น
สองเท้ายังคงเหยียบย่ำไปบนพื้นหญ้าเปียกชื้นเพราะฝนที่ตกลงมาห่าใหญ่เมื่อตอนเย็น ออกแรงวิ่งไปไม่เท่าไหร่เธอก็สังเกตเห็นสายฟ้าและเมฆสีดำเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาบดบังพระจันทร์จนมองอะไรแทบไม่เห็น
“ไม่นะ...ขอร้อง อีกนิดเดียว” เธอได้แต่ภาวนากับสายลมเมื่อความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมพร้อมกับสายลมเย็น ๆ ที่บอกให้รู้ว่าอีกไม่นานฝนอีกระลอกกำลังสาดเทลงมา หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจพายุลูกใหญ่ก็โหมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
“บ้าจริง ฉันไม่ได้ชั่วขนาดนั้นทำไมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่ปกป้องฉันเลย” ภคมนโอดครวญ เธอยังคงวิ่งฝ่าสายฝนและลมที่กระโชกแรงจนได้ยินเสียงต้นไม้ล้มหักอยู่ไม่ไกล สองเท้าที่เริ่มอ่อนแรงยังวิ่งไปข้างหน้าทั้งที่ตัวเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างหน้าเป็นอะไร อาศัยใช้มือคอยนำทางเท่านั้น
“กรี๊ด ! ” เสียงร้องดังลั่นขึ้นมาเมื่อเธอวิ่งสะดุดรากไม้เข้าอย่างจังจนล้มลงบนพื้นหญ้าเปียก ๆ ก่อนจะกลิ้งตกลงไปบนเนินสูงคล้ายหน้าผา แม้จะพยายามหาที่ยึดเกาะแต่พื้นที่กำลังลื่นมันกลับทำให้ร่างของเธอร่วงตกลงไปทำให้ศีรษะกระแทกกับอะไรต่อมิอะไรจนเธอหมดสติไป
“ไอ้หนุ่ม ไอ้หนุ่ม” เสียงหนึ่งดังขึ้นปลุกภคมนให้ตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน หลังจากที่นอนสลบไปกลางป่าตั้งแต่เมื่อคืน พอฟื้นขึ้นมาเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัวเหมือนกระดูกมันหักไปหลายสิบท่อน
“อา...เจ็บจัง”
“ไอ้หนุ่ม เป็นใครมาจากไหนล่ะเนี่ย ถึงได้มานอนที่นี่ได้” คู่สามีวัยหกสิบปลาย ๆ เอ่ยถามทันทีที่หญิงสาวประคองตัวลุกนั่ง
“เอ่อ...ผมหลงทางน่ะครับ” เธอตอบพลางยกขึ้นนวดขมับ “ตากับยายช่วยผมหน่อยสิครับ”
ดวงตาที่ยังพร่าเลือนกวาดมองไปรอบกาย เห็นทุ่งนาอยู่ล้อมรอบมีถนนให้รถแล่นผ่านอยู่ไม่ไกลนัก
“แล้วเอ็งจะไปไหนล่ะ”
“ผมจะไปสถานีขนส่งครับ จะไปหาญาติที่ต่างจังหวัด” หญิงสาวโป้ปดเพราะเป็นทางเดียวที่เธอจะหนีไปจากที่นี่ได้
“งั้นเหรอ แล้วเอ็งน่ะมาจากบ้านไพศาลบดินทร์หรือเปล่า ทำไมถึงวิ่งมาทางนั้น”
“ผมเดินหลงมาจริง ๆ ครับ พอคนที่นั่นเห็นเขาเลยไล่ผมออกมาทางนี้”
“งั้นไปพักที่บ้านก่อนก็แล้วกัน ดูท่าแล้ววันนี้เอ็งคงจะไปต่อไม่ไหวหรอก” อีกฝ่ายเสนอเพราะเห็นสภาพเธอในตอนนี้ดูไม่จืดเลยสักนิด
“ผมไปไหวครับ ผมต้องรีบไป”
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น เกิดไปตายระหว่างทางก็ไปไม่ถึงจุดหมายพอดี” ว่าแล้วทั้งสองก็ช่วยประคองเธอกลับไปที่บ้าน จัดการเอาข้าวเอาน้ำให้กินอย่างเอาใจ
“กินข้าวกินน้ำซะก่อนเถอะ แล้วค่อยไป”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ภคมนรีบหยิบน้ำขึ้นมากระดกเข้าปากอย่างหิวกระหายก่อนจะกินข้าวคลุกกับปลาปิ้งอย่างเอร็ดอร่อย
“จะอาบน้ำก่อนไหม ดูสิ เนื้อตัวเลอะเทอะมอมแมมเชียว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะไปเลย ขอบคุณสำหรับข้าวมากเลยนะครับ”
“เดี๋ยวสิ...จะรีบไปไหนล่ะ” เสียงที่แสนคุ้นหูดังขึ้นทำให้เธอแทบจะสำลักข้าวที่กินเข้าไป
“คุณเฟย ! ” ภคมนอ้าปากเหวอด้วยความตกใจ ยังไม่ทันได้ออกแรงวิ่งเขาก็เข้ามาโอบรัดเอวบางไว้แล้วออกแรงโอบอุ้มขึ้นมาแนบกายด้วยมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น
“จะหนีไปไหน”
“นี่มันอะไรกัน คุณมาได้ยังไง ปล่อยผมนะ” มือเรียวออกแรงทุบลงบนแขนแกร่งพัลวันในขณะที่เขาลากเธอขึ้นมาที่รถแล้วสั่งให้ลูกน้องรีบปิดประตูขังเธอไว้ข้างใน ส่วนเขาก็นำธนบัตรจำนวนหนึ่งไปให้สองผัวเมียภรรยาคู่นั้น
“นี่ครับ ค่าตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โทรบอกผม”
“ขอบคุณนะคุณเฟย” อีกฝ่ายรับเงินไปพร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้คนในรถตระหนักได้ในทันทีว่าตากับยายก็คงจะเป็นคนของเขาที่แอบโทรไปรายงานในตอนที่เธอไม่ทันสังเกตเห็น
“บ้าที่สุดเลย” มือเรียวกำเข้าหากันแน่น พอเฟลิกซ์กลับขึ้นมาบนรถเธอก็ระรัวทุบลงบนแผงอกกว้างของเขาเต็มแรง “ผมเกลียดคุณที่สุดเลย เมื่อไหร่จะปล่อยผมไปสักที ไอ้บ้า”
“ฉันไม่ได้บ้า แต่นายโง่เองต่างหากที่หนีไม่พ้น ไม่รู้หรือไงว่าที่ดินแถวนี้เป็นของฉันทั้งนั้น ตากับยายก็เป็นคนของฉันเพราะว่าฉันยกที่ดินให้ทำกิน เขาเลยไม่กล้าทรยศฉันเหมือนนายไงล่ะ”
“แต่คุณไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับผมนี่” ภคมนตัดพ้อด้วยเสียงสั่นเครือ
“ก็ฉันปกป้องชีวิตนายอยู่นี่ ยังไม่ใช่บุญคุณอีกหรือไง”
“ปกป้องด้วยการกักขังผมแบบนี้น่ะเหรอ ให้ผมตายไปยังจะดีกว่าอีก”
“นายหลอกใช้ลูกฉัน นายได้ตายสมใจแน่” ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขาจับมือเรียวเอาไว้ตลอดเวลา บีบแรงขึ้นจนหญิงสาวรู้สึกเหมือนกระดูกจะหัก
“ผมเจ็บนะคุณเฟย ปล่อยผม” เมื่อมาถึงบ้าน เขาก็กระชากลากถูร่างบางลงจากรถ ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าตัวเธอจะเจ็บช้ำแค่ไหน ตอนนี้เขาโกรธมาก มากจนอยากจะฆ่าเธอให้ตายสมใจเสียด้วยซ้ำ
“ทำไม อยู่ที่นี่แล้วมันไม่สุขสบายหรือไง ทำไมถึงได้หาเรื่องให้ฉันนักหนาห้ะ” เฟลิกซ์เหวี่ยงร่างบางเข้าไปในห้องของเธอเต็มแรงด้วยอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากอยู่ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ป๊า...อย่าทำอะไรพี่ตะวันนะครับ” เสียงมังกรดังแว่วมาพร้อมกับเจ้าตัวที่เข้ามาขวางเอาไว้ “เป็นความผิดของมังกรเอง มังกรเป็นคนไล่ให้พี่ตะวันออกไป ถ้ามังกรไม่ใจร้ายพี่ตะวันก็คงไม่หนีหรอก”
“ทีอย่างนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ” ชายหนุ่มลดน้ำเสียงให้ต่ำลงเล็กน้อยเมื่อหันมาพูดกับลูกชาย
“ป๊าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถึงจะเป็นมาเฟียแต่ก็ไม่ทำร้ายใครมั่ว ๆ”
“แล้วมังกรจะแน่ใจได้ยังไงว่าพี่ตะวันของมังกรจะไม่หนีอีก”
“มังกรจะใจดีกับพี่ตะวันครับ ถ้ามังกรใจดี พี่ตะวันก็จะไม่หนี” เจ้าของดวงตาสุกใสให้คำมั่นสัญญาโดยที่ภคมนเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมังกรถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
“แน่ใจนะมังกร”
“ครับ” มังกรตอบเสียงหนักแน่น คนที่กำลังร้อนอกจึงค่อย ๆ เย็นลง
“โอเค โอเค...ป๊ายอมแล้วมังกร คราวนี้ป๊าจะยอมปล่อยพี่ตะวันไปอีกทีก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก ก็รับโทษไปทั้งสองคนเลยก็แล้วกัน”
เฟลิกซ์กำชับอีกครั้งก่อนจะออกไปจากห้องโดยไม่ลืมทิ้งลูกน้องให้เฝ้าประตูไว้อย่างแน่นหนา พออยู่กันตามลำพัง หญิงสาวจึงเอ่ยถามคนตัวเล็กขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“เกิดอะไรเกิดมังกร ทำไมถึงช่วยพี่ล่ะ”
“เมื่อคืนมังกรกลัวว่าป๊าจะโกรธ ก็เลยเปลี่ยนใจจะมาบอกพี่ว่ามังกรไม่ช่วยแล้ว แต่ไม่ทันเพราะว่าพี่ดันออกไปซะก่อน” เด็กชายอธิบาย ยิ่งทำให้ภคมนแปลกใจเพราะคำเอ่ยเรียกแทนตัวเองที่เปลี่ยนไป เธอเข้าใจดีว่ามังกรจะเรียกชื่อตัวเองในการสนทนาก็ต่อเมื่อเขาได้คุยกับคนที่เขาชอบเท่านั้น
“ถึงยังไงพี่ก็หนีไม่รอดอยู่ดี” เธอตอบด้วยสีหน้าปลง ๆ พลางทรุดกายนั่งลงบนเตียงกว้างอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
“แล้วพี่ไม่อยากรู้เหรอว่ามังกรเจออะไร”
“เจออะไรครับ” หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เห็นอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วหยิบผ้าอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้ขึ้นมาส่งให้เธอ “นี่ไงครับ มังกรเจอไอ้นี่อยู่บนชั้นในห้องน้ำ”
“มังกร” ภคมนอ้าปากเหวอรีบแย่งมาจากมือน้อย ๆ แทบไม่ทัน ยิ่งได้ยินคำถามของคนตัวเล็ก เธอก็ยิ่งช็อกจนพูดอะไรไม่ออก
“พี่ตะวันเป็นผู้หญิงใช่ไหมครับ”
“พูดอะไรแบบนั้นมังกร พี่จะเป็นผู้หญิงได้ยังไง” หญิงสาวรีบปฏิเสธ ยกมือเรียวขึ้นปิดปากเล็กไว้แต่มังกรก็ยังส่ายหน้าหลบ
“มังกรรู้ว่าพี่เป็นผู้หญิง มังกรเคยเห็นคนรับใช้ที่บ้านใหญ่ซื้อมา พวกพี่เขาบอกมังกรว่าสิ่งนี้ผู้หญิงเอาไว้ใช้ ผู้ชายใช้ไม่ได้”
“มังกร...อย่าเสียงดังสิ” เธอยกมือขึ้นปิดปากเล็กไว้อีกครั้งเพราะกลัวว่าจะมีคนได้ยินเข้า
“ยอมรับแล้วใช่ไหมครับว่าพี่เป็นผู้หญิง”
“อือ...แต่มังกรห้ามบอกใครนะ ไม่งั้นพี่ตายแน่” ภคมนพยักหน้ายอมจำนนต่อหลักฐาน
“แม้แต่ป๊าก็บอกไม่ได้เหรอ ป๊าจะได้แต่งงานกับพี่ พี่จะได้มาเป็นแม่ของมังกรไง”
“ตายแล้ว พี่เป็นไม่ได้หรอกนะ” ภคมนอ้าปากเหวอด้วยความตกใจ “พี่ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับป๊าของมังกรเสียหน่อย”
“แต่มังกรว่าป๊าคิด ไม่งั้นป๊าคงไม่พาพี่เข้ามาที่นี่หรอก”
“ไม่เอานะมังกร ห้ามพูดเรื่องแม่อีก ยังไงพี่ก็เป็นแม่ให้เราไม่ได้ แล้วก็ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครด้วย”
“ได้ครับ ถ้าพี่ไม่หนี มังกรก็จะไม่บอกใคร” เด็กชายให้คำมั่นสัญญาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“นี่แสดงว่า มังกรแปรพักตร์ไปอยู่ข้างป๊าแล้วใช่ไหม ไม่อยากให้พี่หนีแล้วสิ”
“มังกรอยากให้พี่ตะวันเป็นแม่ มังกรจะเฝ้าพี่ตะวันแทนป๊าเอง”
“บอกแล้วไงว่าเป็นไม่ได้ แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ชื่อตะวันด้วย”
“แล้วพี่ชื่ออะไรครับ มังกรจะได้เรียกถูก”
“พี่ชื่อพะแพง รู้แล้วก็เหยียบไว้ด้วย ไม่งั้นพี่หนีไปอีกแน่” เธอกำชับอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่คิดว่าความลับจะมาแตกเพราะเด็กแค่ห้าขวบ
“ครับ งั้นต่อไปถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นมังกรจะเรียกพี่ตะวันว่าพี่ แต่ถ้าอยู่กันสองคนมังกรจะเรียกแม่แพงนะครับ”
“ไม่เอามังกร...” ยังไม่ทันที่เธอจะร้องห้าม เจ้าตัวแสบก็วิ่งหายออกไปจากห้อง คนที่ถูกกักบริเวณอย่างเธอจึงไม่สามารถตามออกไปได้ นอกจากทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอีกครั้งราวกับคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต