ยามอิ๋น ร่างสูงตื่นขึ้นมาแล้วเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติแต่งกาย พร้อมทั้งให้สาวใช้แต่งกายให้เหลียนฮวา เรียกสายตาแสนริษยา จากสาวใช้ขึ้นมาอย่างรุนแรง เพราะทุกนางนั้นล้วนเคยปีนเตียงของท่านแม่ทัพมาจนครบครันแล้ว แต่ไม่มีนางใด ได้เลื่อนฐานะเลยซักคน แม้แต่อนุอุ่นเตียงก็มิอาจเป็นไปได้
ร่างงามถูกขัดสีฉวีวรรณและประดับประดาเส้นผมด้วยไข่มุกแสนเลอค่าจากชายแดนใต้ ผ้าผ่อนแพรพรรณ ล้วนเป็นผืนผ้าชั้นดีทั้งสิ้น ร่างสูงยืนกำกับและช่วยสางผมให้นางอย่างเบามือ ทำให้บรรดาสาวใช้มิอาจทำสิ่งใดที่กระด้างกระเดื่องได้
ในจวนนี้มิเคยมีหญิงใด ผ่านเข้ามาแล้วอยู่ได้จนข้ามคืน แม้แต่สาวใช้ยังต้องระมัดระวังกิริยาในหลายส่วน เมื่อเห็นดังนี้ บรรดาสาวใช้ จึงรีบสงวนท่าทีหลบสายตาลงต่ำไป หลายนางมีหยาดน้ำตาที่ในตา น้อยใจในวาสนาต้อยต่ำของตนนัก ชะรอยว่า แม่นางผู้นี้คงมีบางสิ่งสำคัญกว่านางใดๆ เมื่อครบเครื่องแต่งกายของนางแล้ว ท่านแม่ทัพก็โบกมือให้สาวใช้นั้นออกไป
"เหลียนฮวา ข้าจะพาเจ้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าองค์หลี่หวาง เจ้าจะไปในนามคู่แฝดน้องของหลินเหลียนฮวา"
" ข้าจะทูลองค์หลี่หวางว่า ตระกูลหลินปกปิดเจ้าไว้ในเงามืด เพื่อเป็นตัวแทนของกันและกัน ยามนี้หลินเหลียนฮวาคนพี่นำร่างตนเองเข้าสู่ดินแดนบูรพาแล้ว จึงมิต้องมีเงาหลินเหลียนฮวาอีกต่อไป ข้าพบเจ้าในวิหารบูรพา เมื่อยามไปรบ และเจ้าก็จะเป็นหลินเหลียนฮวาแห่งสกุลหลินต่อไป"
"พูดให้น้อย ตอบให้น้อย แย้มรอยยิ้มของเจ้ามากๆ เพราะหากเจ้าพูดมากองค์หลี่หวาง อาจพบว่าเจ้าหลอกลวงเบื้องสูงได้ เมื่อเข้าเฝ้าแล้วจงยอบกายเจ้าลงเพียงช้าๆมิต้องรีบเร่ง สกุลหลินนั้นสูงส่งนัก ราชสำนักจึงเกรงใจในหลายส่วน "
ร่างหนาจัดท่าทางอีกทั้งการเดินของนางให้ สอนท่าทางกรีดกรายขึ้นมาเหมือนสตรีอย่างชัดเจน
"ท่านแม่ทัพ ข้าสงสัยว่า ท่านไปจดจำท่าทางเช่นนี้ ของหญิงสาวมาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ"
ร่างน้อยใช้พัดปิดใบหน้าหัวเราะ แล้วถามออกมาเบาๆ ร่างสูงเพียงปรายตาขึ้นมาเล็กน้อย และตอบอย่างเฉยเมยขึ้นมา
"ข้ามักใช้ร่างของหญิงสาว เพื่อการสอดแนมเหล่าข้าศึก"
ร่างน้อยหัวเราะคิกคัก แล้วใช้พัดปิดใบหน้าแล้วแสร้งพัดเบาๆขึ้นมา
"หากเจ้าจดจำกิริยาได้ดีเช่นนี้ ข้าก็คลายกังวลแล้ว ไปกันเถอะท่านหญิงหลิน "
ร่างหนาถือพัดมือหนึ่งเช่นกับชายหนุ่มเจ้าสำราญ แล้วประคองกอด เหลียนฮวา อุ้มเหลียนฮวาขึ้นไปที่บนรถม้าคันโต
"ท่านแม่ทัพ ข้าว่า...."
"ลู่เจ๋อ "
"ลู่เจ๋อ ข้าว่า "
"เหลียนฮวา จงแทนตัวเองต่อข้าว่าเหลียนฮวา"
"ท่านลู่เจ๋อ เหลียนฮวาว่า เอ่อเหลียนฮวาจะรอดมั้ย"
"ข้าบอกเจ้าแล้ว แค่แย้มยิ้มเพียงน้อยนิด ทุกสิ่งก็จะง่ายดาย"
ขณะที่ทั้งสองนั้นกำลังพูดคุยกัน จู่ๆรถม้าก็ตกหลุมขึ้นมา มือหนาจึงคว้าร่างบางมาแนบไว้ในอกไว้ได้ในทันที
"อุ๊ย"
"นั่งบนตักของข้า เจ้าจะปลอดภัยกว่า "
ร่างโปร่งส่งเสียงแหบพร่า ทำสายตาระยิบระยับ ส่งให้มือไม้อยู่ไม่สุข
"ลู่เจ๋อ ท่าน "
"หนทางนั้นยังอีกยาวไกล ขอให้ข้าชื่นใจซักเล็กน้อย "
ริมฝีปากอุ่นซุกไซร้ลงมาที่ใบหูน้อยๆ ซุกไซร้แนบชิด มือไม้ลูบไล้ไปมาตามเอวบาง ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นมา
"ลู่เจ๋อ เดี๋ยวผ้ายับ“
"เจ้าจงอย่าวิตกไป ข้าเชี่ยวชาญพอนะ แพศยาน้อย”
ร่างหนาทำดวงตาอย่างเจ้าเล่ห์ ส่งเสียบแหบพร่าขึ้นมา
"เพี๊ยะ “
"เจ้าตีข้า!!!"
ร่างหนาส่งเสียงดังจนคนขับรถม้าสะดุ้งขึ้นมา องครักษ์กับคนขับรถม้ามองหน้ากันไปมาและคิดหมั่นไส้ขึ้นมาในใจ
"ท่านแม่ทัพ ท่านจะจะแสดงอาการมากไปหรือไม่ ขนาดท่านโดนหอก โดนหลาวแทงไว้จนคาอก ท่านยังเดินเหินได้เหมือนผีดิบเลยท่าน แค่สาวตีคราหนึ่งท่านร้องจนเสียงหลง ท่านจะแสดงออกมากไปหรือไม่ !!!"
คนขับรถม้าและองครักษ์ทั้งหลายกู่ร้องขึ้นมาก้องในใจ
จนผ่านไปหลายเค่อ รถม้าก็มาหยุดลงที่หน้าพระราชวัง ร่างหนาหยุดมือลงและจัดท่าทางของร่างงามให้เรียบร้อย ใบหน้าหวานดวงตาฉ่ำเยิ้มจากการรุกรานเล็กๆน้อย ลู่เจ๋อปรายตามองนาง แล้วฉกริมฝีปากแดงบดขยี้ลงไปอย่างร้อนแรง มือน้อยขืนดันลงไปที่อกแกร่งเบาๆ ใบหน้าแดงซ่านขึ้นมา
"ไปเถอะ ถึงวังหลวงแล้ว แม่นางหลิน"
ร่างหนาผละกายออกไป แล้วจัดเสื้อผ้าตนเองให้เข้าที่ เปิดเผยเนื้อหนังมัดกล้ามซักเล็กน้อย ร่างน้อยมองตามด้วยสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา
"โอ๊ย นี่มันคาสโนว่าตัวพ่อเลยนี่ ”
ร่างสูงโปร่งเดินลงไปจากรถม้า โดยเหยียบหลังคนขับรถม้าเดินลงไป จากนั้นจึงกางมือมารอรับร่างบาง อุ้มนางลงไปจากรถม้า ร่างน้อยทำตามไปอย่างว่าง่าย แล้วลงมายืนคอตั้งถือพัดปิดหน้าแบบนางพญา ไล่ความประหม่าออกไปยังไม่ทันที่จะออกก้าวเดิน เหล่าบรรดาสาวงามกลุ่มใหญ่ก็ส่งเสียงมาแต่ไกล
"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ ท่านแม่ทัพ..."
"อร๊าย ข้าหน้ามืด ท่านแม่ทัพ อุ้ย"
" ข้าจะล้มแล้ว ท่านแม่ทัพเจ้าคะ"
" ท่านแม่ทัพ "
เสียงเจื้อยแจ้วเหมือนนกกระจอกแตกรังและบรรดากองทัพสาวงามก็ขยับมาจนล้นเต็มทาง แต่ล่ะนางล้วน มือไม้อ่อนกระปลกกระเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ปล่อยผ้าเช็ดหน้าร่วงหล่นจนเป็นกองลงไป ร่างน้อยปรายสายตามองความป็อปปูล่าของท่านชายแห่งยุค แล้วเอาพัดปิดหน้าของนาง แอบแบะปากนิดๆออกไปไม่ให้คนเห็น
ร่างหนาแสร้งทำสายตาแข็งกร้าว แล้วเดินต่อไปแบบเย่อหยิ่ง ปล่อยให้ขบวนสาวงามนั้นยิ้มค้างอยู่ตามทาง เหลียนฮวาเดินตามท่านแม่ทัพไปช้าๆ ค่อยๆปรายตาชมนกชมไม้แบบขอไปที แสร้งพัดทีเยื้องกรายที ดวงตาทำท่าเลียน แบบนางพญาหงส์ เดินตามไปเรื่อยๆจนไปถึงท้องพระโรง นางทำทีไม่สนใจสายตาริษยาอาฆาตใดๆ
.....แต่แอบร่ำร้องขึ้นมาในใจ...
"ท่านจะป็อปปูล่าอะไรขนาดนี้ !!!"
ในท้องพระโรงท่านแม่ทัพพาเหลียนฮวาเดินไปที่มุมหนึ่ง และเหลียนฮวาได้พบกับชายแก่สูงอายุถือไม้เท้า น้ำตาของเหลียนฮวาไหลลงมาในทันที ที่มองเห็นใบหน้าของชายชราอย่างชัดเจน
"ปู่ ฮรือ “
เหลียนฮวาโผเข้าไปกอดชายชรา ที่ยืนค้างอยู่อย่างทำอะไรมิถูกนัก
"ฮวาเอ๋อร์ อย่าร้องไห้เลย ปู่อยู่ที่นี่แล้ว"
ชายชรารู้ว่า บางสิ่งนั้น ชะตาลิขิตมาแล้ว เหลียนฮวาของตระกูลหลินนั้น มิใช่สตรีช่างเจ้าน้ำตา นางมิใช่นางพญา หรือเด็กสาวที่สดใสแต่นางกลับมีใบหน้าที่เฉยเมย เหลียนฮวานั้นในวิหาร มิค่อยยินดียินร้ายต่อสิ่งใด นางเหมือนตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต หากเปรียบเสมือนว่ามีร่างกาย เหลียนฮวาแห่งวิหารบูรพานั้น มีเพียงร่างกายแต่ซึ่งจิตใจ แต่เหลียนฮวาคนนี้ช่างมีชีวิตชีวานัก นักพรตเฒ่าน้ำตาไหลริน มือไม้สั่นไหวขึ้นมา
"หลานข้า เจ้าช่างแสนงดงาม"
"ปู่ เหลียนฮวาคิดถึง คิดถึงปู่ คิดถึงมาก"
ร่างบางกอดกระชับนักพรตเฒ่าที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะมีเสียงของขันทีขานการเสด็จขึ้นมา
"องค์หลี่หวางเสด็จ ”
เสียงขันทีประจำท้องพระโรงตะโกนก้องขึ้นมา หนึ่งหลานหนึ่งปู่จึงหยุดฟูมฟาย ทุกสิ่งนั้นล้วนอยู่ในสายตาของขุนนาง ไปทั้งท้องพระโรงนั้น
"ลู่เจ๋อ เจ้าเก่งกล้านัก ชัยชนะครั้งนี้ช่างน่ายินดี เจิ้นจะประกาศเฉลิมฉลองเป็นเวลาเจ็ดวันและจะให้รางวัลเจ้า สำหรับชัยชนะที่เจ้านำมาสู่เรา เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มเติมหรือไม่ ปรารถนาสิ่งใดจงบอกเจิ้นมาเถิด เจิ้นจะให้เจ้าโดยมิรั้งรอเลย “
"กราบทูลหลี่หวาง การไปปราบกบฎต้าไห่ในครั้งนี้ กระหม่อมได้พบเจอร่างของท่านหญิงหลินเหลียนฮวา แห่งวิหารบูรพา ท่านหญิงหลินเหลียนฮวาป่วยด้วยไข้ป่า สละร่าง ไว้ในน้ำแข็งพันปีแห่งบูรพา แต่มีบางสิ่งที่น่าตกใจ กระหม่อม พบหลินเหลียนฮวาอีกคนที่สระเยว่เสวียน บนภูเขาลูกถัดมาพะยะค่ะ"
"หลินเหลียนฮวา ท่านหญิงสกุลหลินสละร่างแล้วอย่างนั้นหรือ ”
"พะยะค่ะ นางสิ้นชีพแล้ว เหลือเพียงร่างสละของนางไว้เฝ้าวิหารบูรพา และกระหม่อมได้พบหลินเหลียนฮวาอีกคน หนึ่งที่สระเย่วเสวียน "
"ผู้เฒ่าหลิน ท่านจงบอกเจิ้นมาเสีย ว่าเหตุใด จึงมีหลินเหลียนฮวาอีกคนนึงได้"
" มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ ท่านจงบอกเจิ้นมาเดี๋ยวนี้“
องค์หลี่หวางทรงตรัสถามท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ออกไป ท่านผู้เฒ่าโค้งคำนับอย่างงดงามแล้วกราบทูลต่อองค์หลี่หวางออกไป
"กราบทูลหลี่หวาง เดิมทีนั้นข้ามีหลานสาวฝาแฝด มีหลินเหลียนฮวาอยู่สองคน นางทั้งสองเกิดมาภายใต้คำทำนายแห่งวิหารบูรพา หนึ่งในนั้นคือหลินเหลียนฮวาแห่งวิหารบูรพา ที่เหลือเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ อีกหนึ่งนั้นคือหลินเหลียนฮวาที่มีร่างกายและจิตใจ ที่ยืนอยู่ข้างข้า นามของนางก็คือหลินเหลียนฮวาเฉกเช่นกันทั้งคู่"
"เดิมข้าคิดว่าจะเก็บนางไว้เป็นตัวตายตัวแทนกัน หากว่าเกิดอาเพศใดๆขึ้นมาในวิหารบูรพา แต่บัดนี้ เมื่อหลินเหลียนฮวาคนพี่สละร่าง หลินเหลียนฮวาคนน้อง จึงมิต้องหลบอยู่ในวิหารบูรพาอีกต่อไป "
"น่าตกใจนักเป็นฝาแฝดกันเช่นนั้นหรือ"
หลังจากองค์หลี่หวางทรงรำพึงรำพันขึ้นมาแล้ว ก็พลันมีเสียงอื้ออึงขึ้นมาทั้งท้องพระโรงดังขึ้นส่งเสียง ฮือฮาขึ้นมา
"แต่งตั้งหลินเหลียนฮวาคนน้อง เป็นหลินเหลียนฮวาแห่งต้าหลี่ "
"ขอบพระทัยเพคะ"
สิ้นเสียงพระราชทานนามของนาง ร่างน้อยยอบกายลงช้าๆ ลงคารวะองค์หลี่หวางและสะดุ้งเล็กน้อยที่เสียงทุ้ม แทรกขึ้นมาที่กลางท้องพระโรงนั้น
"กราบทูลหลี่หวาง ในการปราบกบฎครั้งนี้ กระหม่อมได้ไปพบ ท่านหญิงหลินเหลียนฮวาที่สระเย่วเสวียนและบังเอิญล่วงเกินเข้า และกระหม่อม แม่ทัพหลี่ลู่เจ๋อยังมิมิชายาเอก ขอองค์หลี่หวางทรงพระราชทานสมรสแด่ลูกกับ ท่านหญิงสกุลหลินด้วยพะยะค่ะ"
"ฮ่าฮ่า ลู่เจ๋อ เจ้าว่าจะให้เจิ้นพระราชทาน สมรสพระราชทานให้เจ้าเช่นนั้นหรือ"
ร่างโปร่งสบตาองค์หลี่หวางแล้วทำสายตาระยิบระยับ องค์หลี่หวางทรงสรวลดังสนั่นท้องพระโรงขึ้นมา
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเหนือ ความคาดหมายเจิ้นที่สุด เจิ้นเกิดมามิเสียเที่ยวแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า "
"ออกราชโองการออกไป เจิ้นพระราชทานสมรสให้ องค์ชายหลี่ลู่เจ๋อ แม่ทัพใหญ่แห่งต้าหลี่และท่านหญิงหลินเหลียนฮวาแห่งต้าหลี่ ผู้น้องสาวของหลินเหลียนฮวาแห่งวิหารบูรพา ถ่ายทอดออกไปอย่าให้ตกหล่นและเฉลิมฉลองใหญ่ เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน พระราชทานที่ดินผ้าไหมแพรพรรณร้อยพับ ไข่มุกร้อยชั่ง ทองคำร้อยหีบ ขนจิ้งจอกหิมะ บัวหิมะพันปี และจะจัดพิธีขึ้นมาที่วังหลวง"
"เลิกประชุมได้!!!! "