ตอนที่ 10 ชื่อตอนเครือญาติ 25+

1387 คำ
หลังจากที่หลี่หวางเสด็จออกจากท้องพระโรง เหลียนฮวายังคงหันมองผู้เฒ่าหลิน และกอดรัดไว้จนแน่น มือเหี่ยวย่น บีบมือน้อยๆของเหลียนฮวาเบาๆและเอ่ยออกมาอีกครั้ง "เราไปคุยกัน ในรถม้าเถิดฮวาเอ๋อร์ กระหม่อมขอทูลเชิญองค์ชายสามด้วยพะยะค่ะ" ร่างของชายชราค้อมกายลงให้ท่านแม่ทัพไปเล็กน้อย ท่านแม่ทัพก็เดินนำไปก่อน เหลียนฮวาไม่ได้ฟังสิ่งใด สนใจ แค่คุณปู่ที่พบเจอตรงหน้าเพียงเท่านั้น มือน้อยๆเกาะแขนของคุณปู่เหมือนเด็กเล็กๆ จนชายชราทำท่าลำบากใจขึ้นมา "ฮวาเอ๋อร์ปู่เดินไม่ถนัด เจ้าปล่อยแขนปู่ก่อนได้หรือไม่" "เหลียนฮวาขอโทษค่ะปู่" "สำรวมกิริยาด้วยเหลียนฮวา ที่นี่นั้นคือวังหลวง" ร่างโปร่งพูดขึ้นมาเบาๆ ทำให้ร่างบางหยุดฟูมฟายและเดินตามท่านปู่ของตนเองไปอย่างเงียบๆ โดยมีร่างหนาเดินเคียงข้างชายชราและมีทหารรับใช้เดินตามหลังไปมากมาย จนมาถึงที่บริเวณที่มีรถม้านั้นจอดอยู่ ร่างโปร่งก็ยกร่างเหลียนฮวาขึ้นไป ท่ามกลางสายตาของข้าราชบริพารและผู้คนมากมาย ร่างหนาเหยียบคนขับรถม้าเดินขึ้นไป และยื่นมือรอรับชายชรา ที่เหยียบหลังคนขับรถม้าขึ้นมาอย่างสง่างาม ภายในรถม้าร่างสามร่างนั่งเรียงกัน คราแรกนั้นเหลียนฮวาขยับไปนั่งข้างๆชายชรา และมีสายตาคมคอยจดจ้องมองอยู่ทุกการกระทำ จนเมื่อรถม้า วิ่งออกไปที่นอกวัง ชายชราจึงเปิดปากพูดขึ้นมา "ฮวาเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้านั้นคือผู้เฒ่าพยากรณ์ หลินตงเหลียน" "ปู่...!!" "เจ้ามีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันกับหลานสาวของข้า ที่มีนามว่าหลินเหลียนฮวายิ่งนัก เจ้ามีชื่อแซ่อันใด เจ้าบอกข้าได้หรือไม่" "ปู่ หนูก็ชื่อ หลินเหลียนฮวาไง" "อ้อ เช่นนั้นเอง" ผู้เฒ่าพยากรณ์ หรี่สายตามองเด็กสาวที่ตรงหน้าและพยายามลำดับเหตุการณ์ต่างๆ และเริ่มซักถามเหลียนฮวามากขึ้นมา "เจ้ามาที่สระเย่วเสวียนอย่างไรกันหรือเหลียนฮวา" "หนูก็ไม่รู้คุณปู่ เหลียนฮวาพายเรือยางอยู่ในทะเลรอบๆเกาะเหมยเหมือนทุกที แล้วอยู่ๆพอช่วงเวลาที่น้ำขึ้น มีพายุลูกใหญ่พัดเข้ามา แล้วเหลียนฮวาก็โดนคลื่นซัด คล้ายหนูโดนซัดลงไปบนโขดหิน เจ็บปวดเลือดไหลและหนูร้องหาปู่กับย่า ขอร้องเทพยดาให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ภาวนาขึ้นมาเพราะจมน้ำมืดมิดอยู่คนเดียวและตื่นมาก็อยู่ในสระน้ำพุร้อน ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง แล้วแผลที่เลือดออกหายไหนเหลียนฮวาก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกครั้งก็เจอท่านแม่ทัพแล้ว " "ฮวาเอ๋อร์เจ้าฟังนะ ข้าคือผู้เฒ่าพยากรณ์ อยู่ในโลกใบนี้มานานแสนนานแล้ว หลานของข้าหน้าตาเหมือนกับเจ้า แต่นางนั้นไร้ชีวิตชีวา นางมีร่างแต่ไร้หัวใจ ชีวิตของนางอาภัพและเศร้าซึมนัก เมื่อรู้ว่าจะต้องเฝ้าวิหารอย่างโดดเดี่ยวไปตลอดกาล เจ้าอาจเป็นสิ่งที่นางอธิษฐาน ความหวังของนางอาจเป็นการอยากมีชีวิตอยู่ หรือเป็นห่วงตระกูลหลินก็เป็นได้ ข้าไม่ใช่ปู่ตัวจริง ของเจ้าในภพอื่น แต่พร้อมที่จะเป็นปู่ของเจ้าในภพนี้ หากเจ้าคือหนึ่งในตระกูลหลิน สวรรค์ย่อมส่งเจ้ามาช่วยเหลือพวกเรา อาจจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นมาในไม่ช้า และหากว่าเจ้าไม่มาที่นี่ ตระกูลหลินอาจล่มสลาย ได้โปรดปกป้องเราด้วยเถิดหลินเหลียนฮวา " ร่างบางฟังจบนางน้ำตาไหลลงมาที่หางตาและร้องไห้ออกมาในทันที "เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ นี่ไม่ใช่คุณปู่ของเธอ แต่ว่าเหมือนเหลือเกิน สวรรค์คงส่งเธอมาเป็นหลานของคุณปู่ในอีกหน ถึงแม้ไม่ใช่ แต่ก็ทำให้เธอคลายความคิดถึงบ้านลงไปได้บ้าง เธอไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป "เหลียนฮวาจะทำทุกอย่าง ให้ดีที่สุดท่านปู่ขา" "วันนี้ข้ายังไม่ได้เตรียมเรือน ของเหลียนฮวาเอาไว้ เพราะนางไปอยู่ที่วิหารบูรพาตั้งแต่เกิด เรือนของนางจึงผุพัง ข้าจึงต้องสร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อรอวันเจ้ากลับมาที่สกุลหลิน ดังนั้นเจ้าต้องอาศัยที่จวนขององ์ชายสามไปก่อน แล้วข้าจะไปเยี่ยม ตระกูลหลินนั้นคงต้องเตรียมงานมงคล และตระเตรียมสินเดิมของเจ้าสาว เจ้าเองก็คงต้องเรียนรู้ประเพณี ของพวกเราให้มาก มารยาทในวังหลวง และสิ่งต่างๆต้องฝากท่านสามแล้ว " "อย่าห่วงเลยผู้เฒ่าหลิน ข้าจะดูแลนางเอง" "เช่นนั้นข้าก็เบาใจ เอาล่ะถึงจวนผุพังของข้าแล้ว ข้าคงต้องปรับจวนเสียอีกมากมาย เพื่อตระกูลหลินในวันหน้า เดิมทีข้าคิดว่า สวรรค์จะลบตระกูลหลินออกไปจากต้าหลี่แล้ว จึงมิคิดที่จะซ่อมแซมจวน หลานๆชายตัวน้อยก็มิกล้าส่งให้ไปเรียนในวังหลวง มาบัดนี้แล้ว ข้าคงต้องเป็นฐานกำลังให้ตระกูลหลินในอีกครา " ชายชราเอ่ยแล้วมองไปอย่างเลื่อนลอยและลงจากรถม้าไป โดยมีมีเหลียนฮวามองตามลงไป และป้ายบ้านตระกูลหลินนี้มันคุ้นตายิ่งนัก ทิวทัศน์ที่คุ้นเคย มันคือบ้านของเธอเอง ในยุคที่เธอจากมาในอนาคต มันอยู่ในใจกลางเมือง มีตึกล้อมรอบ แต่หลายสิ่งยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหลียนฮวาน้ำตาไหลลงมาอีกครา "ลู่เจ๋อ ที่นี่คือบ้านของเหลียนฮวาจริงๆ เหลียนฮวามาจากอนาคต ที่นี่ไม่ต่างไปจากบ้านของเหลียนฮวามากนัก มีแค่บางสิ่งที่แตกต่าง ในอนาคตจวนหลังนี้จะอยู่คงเดิมเช่นนี้ไม่เปลี่ยนไป " "มีเรื่องแปลกเช่นนั้นด้วย เช่นนี้แล้วสวรรค์คงนำเจ้ามาเพื่อข้าแล้วล่ะเหลียนฮวา" ร่างหนากระซิบกระซาบลงไปข้างใบหูขาวๆ ยกนางขึ้นมานั่งที่บนตัก เมื่อผู้เฒ่าหลินเข้าจวนไปแล้ว ริมฝีปากหนา จึงฉวยโอกาสในยามที่นางอ่อนแอ บดขยี้สอดลิ้นไล่รุกพัวพันแย่งชิงอากาศหายใจคนในอ้อมแขน ลิ้นร้อนตวัดรุกล้ำในโพรงปากหวาน ลมหายใจหนักหน่วงขึ้น บีบกระชั้นให้ร่างงามนั้นต้องยอมจำนน ลิ้นร้อนๆสอดรุกลิ้นเล็กๆไปมา จนคล้ายมีสะเก็ดไฟประทุขึ้นมาที่ปลายลิ้น จนร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาใช้ลิ้นตนเองตอบรับไมตรี จากลิ้นร้อนๆของอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ จนอีกฝ่ายออกแรงมากขึ้น ร่างกายหนาหนักเบียดชิดบีบรัดเนื้อนุ่มแรงขึ้น มือร้อนๆล้วงไปในสาบเสื้อสีหวาน คลึงเคล้นที่ยอดอกนุ่มหยุ่นลงไป ร่างน้อยสะดุ้งเฮือก กลั้นเสียงครวญครางเอาไวัด้วยความทรมาน นางน้ำตารื้นเต็มหางตา ในขณะปลายนิ้วร้อนๆบดคีบ ยอดอกเล็กๆเบาๆแล้วบดบี้ขยี้ปลายถันนางถี่กระชั้นขึ้น เหลียนฮวาครางเบาๆ ที่ข้างหูท่านแม่ทัพหนุ่มขึ้นมา "อร่า ฮรือ ” "เบาๆซิเหลียนฮวา เดี๋ยวคนขับรถม้าจะได้ยินเจ้านะ" ร่างหนากระตุ้นเชื้อไฟให้ร่างบางอีกนิด ความอายส่งผลให้ร่างน้อยกระตุกเกร็งขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย ยกมือหนึ่งทาบทับมือหนาที่บดขยี้อยู่ที่ยอดปทุมถันสีหวานๆลงไป ในขณะที่มือหนาอีกข้าง ค่อยๆรุกคืบลูบไล้ ไต่ลงไปที่ด้านล่าง ตามรอยแยกของชั้นผ้า ขาขาวๆถูกลูบไล้ไปมาจากต้นขาขาว เรื่อยไปจนถึงรอยแยกที่กึ่งกลางกาย ปลายนิ้วเรียวยาวกรีดไล้ไปตามรอยแยกเบาๆ ถูไถไปหลายคราจนร่างน้อยนั้นบิดเร่า สูดลมหายใจไม่ทั่วท้อง กระซิบออ้อนวอนเบาๆขึ้นไปที่ข้างหูของชายหนุ่ม "อย่า ลู่เจ๋อ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม