ตอนที่ 1 ชื่อตอน หลินเหลียนฮวา
หลินเหลียนฮวาสาวน้อยร้อยชั่ง ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำในเวลาพระอาทิตย์หม่นแสงลงไปแล้ว เธอมีเอวบางร่างน้อยและหวงห่วงผิว แต่ชอบเล่นน้ำทะเลเอามากๆ ชุดตัวโปรดของเธอคือบิกินี่หลากสีสัน เธอเป็นสาวมั่นที่มีผมประบ่า มีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ดูสดใส มีศิลปะป้องกันตัวหลากหลายแขนง
ในวันแห่งชีวิตของเหลียนฮวา เธอพายเรือยางลงไปเล่นในทะเลรอบเกาะในน้ำตื้นๆ แต่เจ้ากรรมคลื่นที่ซัดผ่านมามันมีขนาดจนเกินไป เรือของเธอจึงพลิกคว่ำกอปรกับเป็นเวลาย่ำค่ำแล้ว ผู้คนจากเธอไปจนหมดแล้ว มีคนมากมายได้เรียกให้เธอขึ้นไปบนบก เพราะลมทะเลในเวลาเย็นนั้นแรงขึ้นแล้ว แต่เธอไม่ฟัง ยังคงดื้อดึงพายเรือยางไปมา โดดขึ้นโดดลงเกาะเรือยางตีขาอย่างสนุกสนาน
จนเมื่อเธอเหนื่อยล้า จึงขึ้นไปนั่งบนเรือยางแล้วเอนกายพักหายใจไปซักครู่ พักเดียวลมทะเลก็พาคลื่นลูกมหึมาซัดเข้ามาดังตู้ม พาเธอหล่นลงจมลงไปในทะเล ความรู้สึกสุดท้ายของเธอคล้ายว่ามันเลือนลาง หมุนคว้างไปในทะเลกว้าง เหลียนฮวารู้สึกว่าตนเองได้ยินเสียงเพรียกหา เหมือนเสียงใบไม้ไหวและเสียงสั่นกระดิ่งดังขึ้นอยู่รายรอบ เธอรู้สึกคล้ายกำลังเดินทางไปในที่หนึ่ง ในใจเสียใจอย่างบอกสิ่งใดไม่ได้
ในความมืดมิดและหนาวเหน็บ เหลียนฮวาไม่รู้ว่าเป็นความฝันหรือความจริง เธอพยายามขืนกายของตนเองให้ตื่นขึ้นมา เหลียนฮวารู้สึกว่ารอบกายนั้นหนักอึ้ง ร่างกายคล้ายขยับเขยื้อนไปมิได้ ในหูคล้ายมีเสียงเรียกอยู่ซ้ำๆ
"ฮวาเอ๋อร์ ฮวาเอ๋อร์ !!! "
ร่างบางคล้ายรู้สึกว่าตนเองนั้นอยู่ในห้วงอากาศ รอบกายคล้ายกับว่ามันช่างไร้น้ำหนัก กายของนางนั้นปวดร้าวไปจนทั้งสิ้น ในความฝันคล้ายดำเนินต่อไปอย่างยาวนานนัก คล้ายร่างของนางผ่านกระแสแห่งกาลเวลา ได้ยินเสียงเพรียกเสียงร้องโหยหวลของสรรพสัตว์
คล้ายร่างของเธอนั้น กำลังเคลื่อนย้ายไปในที่ต่างๆมากมายนัก รอบกายร้อนสลับหนาว คล้ายมิได้อยู่ในช่วงเวลา หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เหลียนฮวาพยายามที่จะลืมดวงตาตื่นขึ้นมา ตามเสียงร้องเรียกชื่อของเธอ แต่ทว่าในเวลาถัดมานั้นก็คล้ายมีเสียงหัวเราะของเด็กชายหญิง คล้ายเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นอยู่รอบๆกายของเธอ
ในขณะที่เคลิ้มฝันครึ่งหลับครึ่งตื่นได้มินานนัก เหลียนฮวาก็คล้ายได้ยินเสียงของหญิงสาว ร้องเรียกนางไปมาและคล้ายเด็กสาวเหล่านั้นกำลังหัวเราะ และวิ่งไปมากันอย่างสนุกสนานนัก
หลินเหลียนฮวาอาศัยอยู่กับครอบครัวขนาดใหญ่ ครอบครัวของเธอนั้นมีประวัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน คล้ายว่าที่ต้นสกุลนั้น เป็นโหราจารย์ในทางการทรงเจ้าหรือประกอบพิธีกรรมให้กับแคว้น แต่ทว่าเหลียนฮวาก็ไม่แน่ใจชัดได้มากนัก เกี่ยวกับความเป็นมาที่ผ่านมาในอดีต
เพราะว่ายุคสมัยนี้มันก็เปลี่ยนไป และเหลียนฮวานั้นก็ไม่ค่อยจะเชื่อกับเรื่องผีหรือวิญญาณใดๆ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะไร้สาระมากจริงๆ สำหรับคนอย่างเหลียนฮวา
สาวน้อยที่ทันสมัย แก่นและเปรี้ยวอย่างเธอ หากให้มาถือประคำหรือไม้ปัดรังควาญ เธอคงจะถูกเพื่อนหัวเราะเยาะแน่ๆ เหลียนฮวาเลยไม่ค่อยจะเชื่อ เรื่องที่คุณปู่ของเธอ นั้นชอบเล่าในวัยเด็กมากมายนัก
พอคุณปู่เล่าอะไร เธอก็จะเปิดเพลงฟังและเต้นไปด้วย เหลียนฮวาชอบแกล้งคุณปู่ และเธอรักคุณปู่ของเธอที่สุด โดยแท้แล้วในชีวิตของเธอนั้นไม่มีอะไรมากนัก ก็แค่เด็กมหาลัยคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ในชีวิตนี้เหลียนฮวาไม่เคยกลัวหรือกังวลอะไร ถึงเธอไม่มีพ่อแม่แล้ว แต่คุณปู่นั้นรักเธอมาก มากเสียจนเหลียนฮวานั้นไม่ขาดอะไร ทั้งในบ้านของเธอก็มีลูกพี่ลูกน้องกัน คอยเล่นอยู่เป็นเพื่อน ทั้งคุณป้า คุณลุงทุกคนนั้น รักเธอจนเธอไม่คิดว่า การเป็นเด็กกำพร้าของเธอจะมีปมด้อยใดๆต่อไปได้อีกเลย
ความทรงจำในหัวสมองของเธอ ที่อยู่ในวัยเด็กหลั่งไหลมาช้าๆ เธอมักจะมีความทรงจำที่ดีกับพี่สาวน้องสาวจำนวนมาก บางครั้ง เธอก็นึกไม่ออกว่า ญาติของเธอมีมากมายเท่าใดกันแน่นะ แต่ในความจำในวัยเด็กนั้น เธอมักจะพบว่า มีคนมากมายมาเล่นอยู่กับเธอ
เสียงหัวเราะและใบหน้าของทุกคนคล้ายๆกันไปหมด ทุกคนมักจะเรียกเธอและให้เธอวิ่งไล่ตามอยู่ตลอด เหลียนฮวาพยายามนึกว่าความทรงจำนั้นเกิดขึ้นในตอนไหน แต่เธอก็นึกไม่ออกว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือว่ามันเป็นความฝันไปกันแน่
เหลียนฮวารู้สึกทรมานในอก คล้ายว่ากายนั้นกำลังจะมอดไหม้ กลางอกนั้นแสบร้อน จมูกและปากนั้น คล้ายมีบางสิ่งกำลังไหลทะลักเข้ามา เธอเริ่มขาดอากาศหายใจจนมากขึ้น กายของเธอคล้ายกำลังจะฉีกออกไปแล้วในตอนนี้ความร้อนที่กลางอกกำลังพวยพุ่ง ความมืดมิดร้องเรียกหาเธอดังขึ้น ดังขึ้นมาเรื่อยๆ
"เหลียนฮวา เหลียนฮวา มาเถิด มาเถิด "
เสียงเพรียกหาเริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆ เหลียนฮวากำลังดิ้นไปมา ร่างกายนั้นหนาวเหน็บขึ้นมาเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนกายกำลังจมดิ่งลงไปในน้ำลึก ยิ่งดิ่งลงและหนาวเหน็บ จนกายนั้นแทบจะทานทนมิได้อีก คล้ายมืดมิดและมีแสงสว่างสลับกันไป ใต้เปลือกตานั้นความรู้สึกคล้ายกับว่า ดวงตาของเหลียนฮวานั้นเห็นแสงที่ลอดเข้ามาสลับสีต่างๆไป
เสียงเรียกเริ่มดังขึ้น ดังขึ้นช้าๆ รอบกายคล้ายๆมีหมอกควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา ความหนาวสลับไปมากับความร้อน ร้อนจนกายแทบจะมอดไหม้ ลมหายใจเริ่มขาดห้วงลงไปอีกคราหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสแสนนุ่มคล้ายอบอุ่นและเสียวซ่านระคนไป มีบางสิ่งนั้นกำลังรุกรานอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ ตวัดพันและหยอกล้อปลายลิ้นนุ่ม จนร่างบางรู้สึกชื่นชอบไปกับมัน ร่างบางคล้ายกำลังไขว่คว้าบางสิ่งให้มากขึ้น พยายามยกมือเหนี่ยวรั้งและกอดรัด บดเบียดเนื้อนุ่มเข้าหา เธอสุขสมและเริ่มคล้ายจะร้องครวญครางออกไป
"อรือ อร่า"
ในความที่รู้สึกคล้ายมิรู้สึกกายอยู่นั้น หลินเหลียนฮวากลับกอดรัดบางสิ่งในอ้อมแขนและแอ่นกายขึ้นหาอย่างมิรู้ตน ความอุ่นและแข็งแกร่งทาบทับลงมา บางสิ่งที่หนาหนัก เหลียนฮวาพยายามปรือตาให้ตื่นจากความฝันให้ได้ แต่ก็คล้ายยากลำบากอยู่มิน้อยเลย
"อือ....อือ "
เสียงลมหายใจร้อนๆดังขึ้นมาที่ที่ข้างหู เหลียนฮวาอยากรู้ว่าเสียงนี้คืออะไรกันแน่ เธอกำลังฝันในสิ่งใดกันและเธออยากตื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้ ร่างบางพยายามฝืนกายให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ในหัวสมองนั้นอื้ออึงไปหมด ดวงตาพร่าเลือน ก่อนที่จะคล้ายมองเห็นบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คล้ายเป็นเส้นผมของใครซักคน และใบหน้าที่ลางเลือน เธอจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างยากลำบากมาก
"อือ....ใคร...ใครกัน"
เหลียนฮวาพร่ำเพ้อส่งเสียงเรียกออกไปอย่างรู้ตัว อีกต่อไปแล้ว