ร่างหนาผลักเหล่านางพรายออกไปและอุ้มมนุษย์ขึ้นจากน้ำเย็นเยียบ กายบุรุษเงือกพลันเปลี่ยนเป็นบุรุษเพศ เหล่านางพรายแอบแตะต้องกายแกร่งคนล่ะเล็กล่ะน้อย ร่างหนาส่งสายตาขุ่นมัวส่งไปให้ แล้วเร่งนำนางขึ้นเดินตรงไปที่จวนหลังโต
ภายในมีสิ่งของมนุษย์ครบครัน แต่ทว่ามีแต่สิ่งของบุรุษ และร่างหนาก็มิรู้วิธีเรียกใช้นางพรายให้ขึ้นมาบนบก ที่นี่มิมีสาวใช้ชาวมนุษย์เสียด้วย
ร่างหนาเก้ๆกังๆ สุดท้ายจึงปิดประตูห้องแล้วค่อยๆวางนางลงบนฟองน้ำนิ่ม ค่อยๆเปลื้องชุดเจ้าสาวของนางออกช้าๆจวบจนเหลือเพียงเอี้ยมสีแดงที่ตัดกับผิวขาวราวหิมะของนาง
ใบหน้าบุรุษจึงค่อยเห่อร้อนและพยายามทำใจว่านางคือนางพรายตนหนึ่ง คิดในใจว่านางพรายก็เปลือยกายเช่นนี้ตลอดยาม อย่าคิดอันใดให้มากความ คิดได้เช่นนั้นมือหนาจึงกระตุกเอื้ยมของนางลงไปกับพื้น และค้นพบว่าตนเองนั้นผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อยามพบว่าร่างของนางช่างยั่วยวนในสายตาบุรุษเพศอย่างล้นเหลือ
ยอดอกสีชมพูอ่อนผลิพุ่งชูชันคล้ายว่ากำลังก่นด่าบรรพบุรุษของตน เรือนกายขาวผ่องเอวคอดรับกับสะโพกผายของนาง มองลงไปยันกึ่งกลางกายของนาง มีเส้นไหมอ่อนจางบางๆเพียงนิด มองเห็นกลีบกุหลาบที่ปิดสนิท หัวใจเต้นระส่ำ เผลอไผลขยับกายตนลงก้มดูจะเอานิ้วไปแหวกแยกกลีบเนื้อนางออกดูเสียให้ได้ แต่มิคาดนางขยับตัวขึ้นมาเสียก่อน ร่างหนาที่เปลือยกายจนเคยชินจึงมิทันตั้งตัว
ยามที่นางลืมตาตื่นขึ้นมามีใบหน้าเฉยเมยและดวงตาเฉยชา นางค่อยๆลืมดวงตาขึ้นช้าๆ คราแรกนางใช้ใบหน้าเดิมๆจนเคยชินก็คือความเฉยชา มิคาดเมื่อปรับสายตาจนคุ้นชินแล้ว นางกลับมองเห็นบางสิ่งกำลังที่กำลังชี้หน้านาง ดวงตาเรียวๆเบิกขึ้นช้าๆ ยกมืออุดปากตนแล้วขยับกายหันกายหนี และเมื่อยามหันกายไปแล้วนางก็รู้สึกว่าร่างตนเปล่าเปลือยจึงกรีดร้องขึ้นมาพลัน
"กรี้ดดดดดดดด...."
ร่างหนาอุดหูแทบมิทันต้องขยับกายไปเอามือปิดปากนางลงไปเสีย
"เพี๊ยะๆๆๆๆ อื้ออๆๆๆ "
"เงียบ!!!
"ที่นี่ไม่มีผู้ใดแล้วจะอายไปใย ข้ากำลังจะไปหาอาภรณ์มาให้เจ้า...ข้ามิทำอะไรเจ้าหรอกน่า ให้ตายเถอะ!!! "
ร่างหนาตะคอกและบ่นออกมายาวเหยียด ร่างบางจึงชะงักและทำใบหน้าเฉยชาลงไปเช่นเดิม ราชาพรายจึงค่อยพอใจบ้าง ค่อยๆเดินไปรอบๆรื้อค้นอาภรณ์ของบุรุษมาส่งให้นาง นางค่อนข้างพอใจ แต่งกายไปเงียบๆ โดยที่มีสายตาคม จับจ้องเรือนร่างของนางอย่างมิวางตา และแสร้งหันไปแต่งกายของตนเองบ้าง
"ที่แห่งนี้มีเพียงเจ้าและข้าที่เป็นเพียงมนุษย์ ทุกสิ่งในป่านี้เจ้าล้วนมิอาจย่างกรายออกไปเพียงลำพังได้อีก เด็ก สตรี ผู้ชรา ล้วนเป็นภูติผีและนางพราย ที่กินเนื้อหนังมนุษย์ทั้งสิ้น ยามที่แสงตะวันสาดส่องพวกนางมีร่างกายที่งดงามสดสวย หากแดดร่มลมตกถึงราตรีกาลมาเยือนแล้วเนื้อหนังของพวกนางจะเริ่มผุพังงอกเล็บและฟันออกมา คอยหลบเร้นอยู่ภายใต้ผืนน้ำ"
" อยู่ที่นี่เจ้าจงอย่าห่างข้า จนกว่าข้าจะหาวิธีออกไปได้ ข้าจะนำเจ้าไปส่งคืนที่เรือนของเจ้าเสีย"
"..เอ่อ...."
ร่างหนาชะงักเพราะมนุษย์ปกตินั้น ยามที่สตรีหายไปจากขบวนเจ้าสาวย่อมหมายถึงนางถูกฉุดคร่า และเมื่อยามที่กลับไปพร้อมกับบุรุษหรือหายไปเพียงราตรีเดียวสตรีนั้นย่อมเป็นที่ครหา และสตรีที่เปิดเผยเนื้อหนังแก่บุรุษแล้ว บุรุษนั้นย่อมต้องแต่งนางเข้าจวนในเร็ววัน เพื่อปกป้องเกียรติยศของนาง
"เอ่อ เจ้าคงต้องแต่งกับข้าเป็นแน่แล้ว เพราะข้าเห็นหมดแล้ว ทั้งยอดอก สีชมพูนั่น กลีบเนื้อที่ปิดสนิทนั่น อา "
"กรี้ดดดด....เพี๊ยะ"
ร่างบางกรีดร้องขึ้นมายามที่บุรุษนั่นบรรยายว่า จ้องมองของสงวนของนางโดยมิวางตา บรรยายจนนางมิอาจจะทานทน จะหาที่แทรกแผ่นดินหนีไปให้ได้
ใบหน้าบางเห่อร้อนรุนแรง ขยับกายหนีไปจนชิดติดผนัง ร่างหนาที่โดนตบมีประกายดวงตาแก่กล้าหยดเลือดซิบๆที่มุมปากทำให้เลือดพรายคุ้มคลั่งขึ้นมา ยิ่งเห็นเรือนร่างของนางโผล่พ้นคอเสื้อบุรุษออกมาจนล้นทะลัก ภาพยอดอกสีชมพูหวานยอดน้อยๆ ทำให้ราชาพรายตื่นตัวขึ้นไปทุกส่วน ร่างหนาย่างเท้าเข้าไปหานางในทันที
กายสูงใหญ่เรือนผมสีเงินยวงทาบเป็นเงาทับลงเหนือร่างนาง ร่างบางถูกดึงรั้งเข้าหาแผงอกตึงแน่นของบุรุษเพศ บดเบียดริมฝีปากชิดริมฝีปากของนาง ร่างบางตบตีพัลวัล
บุรุษผู้มิเคยถูกทำร้ายในชีวิตจึงกรุ่นโกรธนางขึ้นมา กระชากอาภรณ์ของนางจนหลุดลุ่ย นางตบตีดิ้นหนีจนสุดแรง แต่ร่างหนานั้นว่องไวนัก
ปลดเปลื้องผืนผ้าของนางจนเปล่าเปลือยในที่สุด
"จงหยุดดิ้นซะแม่นาง อย่างไรเจ้าก็ต้องถูกบุรุษย่ำยี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าบ่าวแก่ชราของเจ้า หรือเป็นข้าที่เห็นเรือนกายของเจ้าแล้ว จงหยุดดิ้นรนแล้วนอนเป็นผักเน่าให้ข้าย่ำยีเสียเถิด แล้วเจ้าจะมิเจ็บตัวนัก "
หลิ่งซือชะงักไปและตัวแข็งดั่งก้อนหิน ร่างหนาขยับเข้าหานางอย่างรวดเร็วแล้วยกแยกขาของนางออกอย่างรุนแรง หลิ่งซือตกใจจนแทบสิ้นสติ ยามที่เรือนกายของนางเปิดเปลือยแบะอ้าแก่สายตาคมกล้าของบุรุษ ร่างหนาก้มลงจดจ้องดูเรือนกายของนางอย่างมิวางตา ใช้นิ้วมือกรีดลงไปที่กลีบดอกไม้นุ่มช้าๆ
"อ...อย่า...."
หลิ่งซือทานทนความอับอายนี้มิได้ ปิดใบหน้าหนีสายตาคมนั้น นิ้วมือหนาๆแบะแยกกลีบเนื้อสาวที่ปิดสนิทของนางออก มองเห็นช่องทางเล็กๆสีชมพูหวานที่มีทางแคบๆน้อยนิดกว่าเรือนกายของตนหลายเท่านัก
มือใหญ่ขยำขยี้ ลงบนเนินเนื้อนุ่มนิ่มของนางแรงๆ แล้วใช้สองมือยกแยกมันออกจากกัน ก่อนจะก้มลงซุกใบหน้าลงตวัดลิ้นกดแทรกลงทางแคบๆสีหวานๆหนักหน่วง ตวัดลิ้นไล้เลียไปมาแรงๆ ดูดกลืนผิวเนื้อนางจนเกิดเสียงดังขึ้นมา นางหวีดร้องลั่นอย่างตระหนกในที่สุด
"อ้า ไม่นะ "
เรียวขางดงามพยายามหนีบปิดกลางกายตน แต่ก็มิเป็นผลอันใด ลิ้นร้อนๆตวัดเน้นไปตามตุ่มไตเล็กๆบนร่างของนางอย่างรุนแรงรุกเร้านางจนแทบคลั่ง
"ราชาของข้าขโมยเจ้าสาวของผู้อื่น มากลืนกินแล้ว..คิกคิก "
"ราชาพรายน้อย ลักพาเจ้าสาวของผู้อื่นมาข่มเหงรังแก "
"ราชาผู้อ่อนหัดหาเจ้าสาวเองก็มิได้ "
เสียงดังจอแจมาจากภายนอกมากมายหลายเสียง เหล่านางพรายเย้าแหย่ราชาน้อยของตนให้อับอายบ้าคลั่งเสียให้เข็ด
ร่างหนาชะงักและหยุดทุกสิ่งลงอย่างรวดเร็ว ขยับกายถอยหนีออกไปก่นด่าเหล่าพรายด้านนอก
นางพรายหัวเราะคิกคัก เข้าไปรุมล้อมลูบไล้เรือนกายของราชาตน พรายสีทองแสนงดงามใช้เรือนกายเย้ายวน ยั่วยุ มือไม้ป่ายปะไปตามแก่นกายบุรุษเพศ ร่างหนาส่งสายตาคมให้ แล้วหลับตานอนแช่น้ำเฉย อย่างสุดแสนจะเหนื่อยใจ เหล่าพรายหัวเราะคิกคัก ปรายตามองราชาน้อยแล้วยิ้มให้กันอย่างร่าเริง
"ตราบใดที่ยังมิมีพลังควบคุมพวกนางได้ ราชาน้อยจะต้องถูกปั่นหัวจนขาดใจตายกันไปข้างหนึ่งก่อน ถึงจะเป็นราชาเหนือพวกนางได้ ฮิ ฮิ “
"หากว่าเจ้ารู้ความจริงเจ้าจะยอมรับข้าและบุตรได้หรือไม่ลี่เจียว "
ร่างหนาถามย้ำซ้ำๆกับสตรีในอ้อมแขนของตน นางกอดรัดบุรุษของตนและน้ำตาหลั่งรินออกมาช้าๆ นางยิ้มออกมาและเอนใบหน้าซบลงไปที่วงแขนแกร่งเบาๆ เอ่ยออกมาอย่างอ่อนหวานอ่อนโยนนัก
"ไป่หลงคือบุตรของเรา และท่านคือดวงใจของข้าเทียนหลง ข้ารักท่านมิเคยเปลี่ยน แม้ว่าเรือนร่างงดงามนี้จะเป็นสิ่งลวงตา ต่อให้ท่านจะเป็นร่างแปลงของปีศาจ ข้าก็ยินยอมให้ท่านกัดกิน หากแม้มันจะทำให้ข้ายังมีท่านอยู่ข้างกายตลอดไป "
วงแขนแข็งแกร่ง รวบนางขึ้นและพานางลอยขึ้นไปบนฟ้า ร่างบางตื่นตกใจและยิ้มพรายออกมาในเวลามิช้าในที่สุด
"วิเศษนัก ท่านบินบนท้องฟ้าได้ ย่อมมิใช่ปีศาจชั่ว "
ไป่หลงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าตามบิดาและแปลงกายเป็นมังกรขาวต่อหน้ามารดาของตนเอง ลี่เจียวมองตามอย่างตกตะลึงในที่สุด นางอุทานออกมาในคำหนึ่ง ร้องไห้ดีใจเป็นอย่างมากนัก
"มังกรขาว!!! "
ร่างหนายกลี่เจียวนั่งบนหลังของมังกรขาว แล้วเปลี่ยนร่างกายของตนกลางท้องฟ้ากว้าง ลี่เจียวยิ้มทั้งน้ำตา กอดรัดมังกรขาวตัวน้อยเอาไว้แน่นหนาในทันที
"อา วิเศษนัก ท่านทั้งสองเป็นสิ่งวิเศษ "
มังกรฟ้าบินขึ้นไปสู่ตำหนักริมผา มังกรน้อยบินไปตามบิดาของตน เมื่อถึงหน้าผาสูงชัน ลี่เจียวมองตำหนักริมผาอย่างตื่นตะลึง ยามฝ่าเท้าของนางแตะลงไปที่พื้นตำหนักก็ไต่ถามขึ้นมาอย่างใคร่รู้นัก
"ที่นี่คือที่ใดกันหรือเทียนหลง "
"ตำหนักแห่งราชันต์มังกรของข้าเอง ราชินีของข้า "