หลิ่งซือเป็นอิสตรีที่ไร้ประโยชน์ ร่างกายอ้อนแอ้น ร่างนางอ่อนบางอ่อนไหวไปตามลม เอวบางดั่งกิ่งหลิว นางถูกบิดาจับขึ้นเกี้ยวเพื่อไปแต่งกับบุรุษคราวทวดเพื่อไปเป็นอนุ บุรุษนั้นเป็นเจ้าของสตรีในทุกยุคทุกสมัย หลิ่งซือมิอาจปริปากบ่น นางขึ้นเกี้ยวโดยไร้มารดามากล่าวลา เพราะบิดาเมาหยำเป มีมิแม้คำใดๆ มีเสียงขวดสุรากลิ้งส่งนางดังไปเป็นทอดๆ ใบหน้าของนางเย็นชามิสนทนาใดๆกับแม่สื่อและสาวใช้ที่ติดตามมา หลังจากเดินทางคลอนแคลนมาพักนึง ขบวนหยุดลง แล้วสาวใช้ก็เปิดม่านมาพูดคุยด้วยกับนาง ได้ยินว่าหนทางไปบ้านเจ้าบ่าวของนางนั้น ต้องผ่านทางลัดไปทางหุบเขา เพราะหมอกลงหนาและมีหินตกลงมาปิดทางหลัก ขบวนจะเดินฝ่าหมอกช้าๆ สาวใช้ขอให้นางอดทนรอ
หลิ่งซือมิตอบอันใด มินานผู้คนก็คล้ายเงียบหายไป มิส่งเสียงอันใดอีก จวบจนมีเสียงผู้คนแบกเกี้ยวของนางก้าวลงไปในน้ำ ตัวนางเอียงตกลงในน้ำและเงียบเสียงลง นางมิตกใจหรือมีอารมณ์อันใดเป็นเช่นเคย
นางขยับกายลุกขึ้นมาจากพื้นดินเลนมือจับรากไม้อันหนึ่งเดินดุ่มๆไปผู้เดียวมิสนใจโลกรอบกาย ชุดสีแดงโดดเด่นในสายหมอก อากาศเย็นชื้นลงเรื่อยๆ นางเดินไปเรื่อยๆแล้วไปหยุดร้องไห้ผู้เดียวเมื่อพบว่านางเจอผู้ใดอีกเลย
"ฮือ ฮือ ฮือ"
"ร้องไห้ทำไมเล่าพี่สาว "
เด็กน้อยในชุดขาวขยับมากระซิบข้างๆนาง หลิ่งซือเร่งปาดน้ำตาในเร็วพลัน นางนิ่งเงียบไม่ไหวติง เด็กน้อยจึงเอ่ยสนทนากับนางอีกครั้ง
"ข้าว่าพี่สาวกำลังหลงทางอยู่ ข้าจะพาท่านไปพบพี่ชายของข้าดีหรือไม่เล่า"
"ไม่ ข้ามิต้องการพบกับบุรุษเพศ"
"มิได้หรอกพี่สาว ท่านหลงทางมาไกลเสียแล้ว หากท่านมิไปพบพี่ชายผู้นั้น ท่านจะมิมีวันกลับออกไปได้อีกเลย "
"เจ้าก็บอกทางให้ข้าซิ ข้าจะเดินลงไปเอง อาศัยลำน้ำของป่านี้หากเจอหมู่บ้านข้าก็คงรอดแล้ว"
"รอดแล้วท่านจะไปวิวาร์หรือ พี่สาวท่านใส่ชุดวิวาร์อยู่นี่นะ "
"ไม่...!!! "
"สตรีมิมีบุรุษคอยปกป้อง พี่สาวย่อมมิอาจมีชีวิตได้เป็นแน่แท้ "
"เจ้ายังอยู่ได้ผู้เดียวในที่น่ากลัวเพียงนี้ เหตุใดข้าจึงต้องกลัวไปใยเล่าสาวน้อยเอ๋ย "
หลิ่งซือจับปอยผมของเด็กสาวเบาๆ จับจูงมือน้อยให้ความอบอุ่น มิคาดมือของเด็กน้อยหนาวเย็นยิ่งนัก มินานหลิ่งซือต้องชักมือกลับ แล้วนำมากอดรัดกายของตนเองมิให้หนาวสั่นแทน เดินมาเรื่อยๆนางพบว่าทางข้างหน้าเป็นดินโคลนชื้นแฉะ เด็กน้อยเดินบนตะไคร่น้ำลื่นๆบนต้นไม้อย่างไร้น้ำหนัก หลิ่งซือหนาวจนสั่นขึ้นมา เอ่ยถามเด็กน้อยออกไปหน้าซีดปากคอสั่นขึ้นมา
"อีกนานหรือไม่ที่ข้าจะพบพี่ชายของเจ้าหน่ะเด็กน้อย "
"มินาน มินาน เดินลงน้ำไปเรื่อยๆก็จะเจอพี่ชายที่ฟากนั้น "
หลิ่งซือคล้ายเริ่มหนาวสั่นและเริ่มมีไข้ขึ้นมาช้าๆ อากาศหนาวเย็นจนดวงตาเริ่มพร่ามัว นางกอดกายของตนเองแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ มิรู้ตนว่าเดินมาจนสุดหน้าผา เด็กน้อยผลักนางเบาๆ ในขณะที่นางนั้นสติหลุดลอยออกไปเสียแล้ว
"ตู้มมมมมม "
"เจ้านำอะไรมาให้ข้าอีกภูติต้นไม้ ข้ามิชอบหญิงสาวเจ้านำมาทำไม "
ร่างหนาชะงักยามมีเสียงตกน้ำตูมใหญ่ หันไปไต่ถามภูติต้นไม้ ก่อนจะมองเห็นชุดเจ้าสาวสีแดงในอากาศขุ่นมัว อากาศที่นี่หนาวนัก ราชาพรายมิใคร่ชอบและยังควบคุมมันมิใคร่ได้ ร่างหนาถอนหายใจแล้วกรอกดวงตาขึ้นฟ้าไปหนึ่งครา มิอยากดำลงน้ำลึก เพราะตนเองจะกลายร่างเป็นปลาที่มีหน้าตาประหลาดๆ แขนขาแปรเปลี่ยนมิสมชายชาตรี
ร่างหนาส่งเสียงฟึดฟัดและจำใจดำน้ำลงไป มิคาดว่าน้ำหนักของชุดเจ้าสาว ถ่วงร่างของสตรีจนดำดิ่งลงไปอย่างว่องไว ลงลึกไปในใต้น้ำ ร่างหนาว่ายตามนางไม่ทัน เร่งรับสะบัดปลายหางจวบจนคว้าจับนางมาได้และถอดหมวกเจ้าสาวของนางออกไปแล้วใบหน้าของนางก็แน่นิ่งมิไหวติงอีก
ร่างหนาจึงจำใจบรรจงจุมพิตถ่ายเทอากาศสู่ร่างของนางอย่างมิค่อยพอใจ
มิคาดความหวานล้ำจากอิสตรีในยามแรกสัมผัสนั้นช่างเย้ายวน กระตุ้นเลือดในกายขึ้นมาจนเดือดพล่าน จนหลงลืมที่จะพานางขึ้นไปบนผิวน้ำ ปากอุ่นๆคอยส่งผ่านอากาศให้นาง จวบจนร่างของทั้งสองไหลลงสู่อุโมงค์ใต้น้ำ อย่างมิทันตั้งตัว ร่างหนาผวาคว้านางไว้ในอ้อมแขนจนแน่นในทันที
"เพ๊ย อันใดเนี่ย"
"ตู้มมม !!!"
สองร่างมาโผล่ในสถานที่ส่องสว่างมีสายรุ้งพาดผ่านแสนสวยงาม บนเชิงผามีจวนที่ใหญ่โต ตามหินผามีฟองน้ำเรียงรายเฉกเช่นที่บิดาของตนเองนั้นชอบนอนอยู่เสมอ มีนางพรายมากมายหัวเราะคิกคัก ขยับกายมายั่วยวนบดเบียดข้างๆกายจนร่างหนาตวาดลั่นออกไป
"ออกไป!!! "
"คิก คิก ท่านเจ้า ท่านนำสตรีมาทดลองเบิกพรหมจรรย์เสียแล้วหรือเจ้าคะ ข้าช่วยท่านได้นะเจ้าคะ "
"คิกคิก "
กายสีขาวโบยบินขึ้นบนท้องฟ้ากว้างอย่างอ้างว้างเดียวดาย อิสตรีมนุษย์มีอายุไขสั้นนัก ยามเฝ้ามองนางมีชีวิตจวบจนนางแก่เฒ่าผ่านพ้นจากไปนั้น เสมือนเพียงแค่เพียงฝันเพียงหนึ่งตื่น ชีวิตมังกรฟ้ายืนยาวมากกว่ามนุษย์ เมื่อพบความรักเป็นแค่เพียงแค่ความฝัน ก็ยากที่จะทานทนมิให้น้ำตาหลั่งรินลงไปได้เลย
ยามที่นางมีบุตรยังคิดว่าบุตรนั้นจะออกมาเป็นเช่นตัวอันใด ครรภ์ของนางจะรับมังกรฟ้าตัวใหญ่โตได้หรือไม่ มิคาด นางตั้งครรภ์เช่นสตรีมนุษย์ยามปกติ
ยามบุตรของตนนั้นเกิดมาร้องไห้จ้า บุรุษมังกรฟ้าเพ่งมองใบหน้าน้อยๆ
หัวเราะขบขันเด็กน้อยของตนที่มีผมสีเงินยวงมีเขี้ยวน่ารัก ที่บนหน้าผากมีบางสิ่งที่คล้ายเขาอันเล็กนั้น เหมือนคล้ายเด็กน้อย สะดุดล้มหัวปูดโปนนิดๆ
ยามที่เด็กน้อยกำเนิดมีงูสีขาวมาเยี่ยมเยือนที่รอบบ้านบ่อยครั้งจนข้ารับใช้ต่างขวัญผวา หวาดกลัวว่านายน้อยของตนจะถูกงูขาวกลืนลงท้องไปเสียก่อนที่จะเติบโตแล้ว
เด็กน้อยน่ารักอวบอ้วนดวงตาใสแจ๋วเพ่งมองบิดาตนหัวเราะคิกคัก บิดามองเด็กน้อยแล้วอุ้มชูเบาๆ แอบพาขึ้นไปบนฟ้าทะยานไปสู่เมืองมังกร ในเมืองมังกรผู้คนขยับไหว ยามที่มังกรฟ้าครอบครองผืนฟ้า แม่ทัพมังกรตัวสีดำมะเมื่อม ขยับตนร่อนลงมาให้มังกรฟ้าเหยียบบนเขา เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก
"หืม เด็กมนุษย์น้อยๆนี้ ท่านได้แต่ไรมาหรือท่านจ้าว "
"เป็นบุตรของข้ากับสตรีมนุษย์ผู้หนึ่ง "
มังกรดำตกตะลึงและหันมองมนุษย์น้อยอีกคราหนึ่ง มนุษย์น้อยอ้าปากกว้างขบฟันลงที่หัวมังกรดำอย่างรุนแรง
"อ๊าก ท่านมนุษย์น้อยกัดข้า ท่านจ้าวได้โปรด นำท่านมนุษย์น้อยออกไปให้ข้าด้วย ข้าเจ็บนัก "
มังกรฟ้าเพ่งมองดีๆใช้นิ้วเขี่ยฟันของบุตรน้อยๆแล้วบีบปากออกมาเบาๆเอ่ยอย่างยินดีขึ้นมา
"อา ช่างดียิ่ง ยามปกติฟันมนุษย์นั้นมิอาจจะระคายผิวมังกรได้ บุตรของข้าคงมิใช่มนุษย์น้อยๆเสียทีเดียวแล้ว แค่เพียงคันเหงือกยังขบเขี้ยวเจาะทะลุหนังมังกรดำได้เช่นนี้ ขุนศึกมังกรคงแย่เป็นแน่แท้ หึ หึ "
ร่างหนาหอบหิ้วบุตรมนุษย์ขึ้นไปบนตำหนักริมผา รื้อค้นหาหยกประจำกายของตนนำมาให้บุตรสวมใส่ในขณะที่กำลังหลงลืมบุตรตน เด็กน้อยคลานไปมาช้าๆ ตบพื้นตำหนักดังเปาะแปะและร้องเรียกบิดาของตนเบาๆ
"ป่าป๊า ป่าป๊า อ้า...อ่า....อุ้..."
ร่างน้อยๆร่วงหล่นลงไปจากตำหนักริมผาอย่างรวดเร็ว โดยที่มิมีผู้ใดพบเห็น คราที่มังกรฟ้าหันกลับมานั้นบุตรมนุษย์ก็ตกลงมาแล้ว มังกรฟ้าตื่นตกใจเร่งกลายร่างทะยานลงมา เพื่อหวังจะช่วยบุตรของตนให้ได้
มิคาด เด็กน้อยกลายร่างเป็นมังกรสีขาวตัวจ้อย หัวเราะคิกคัก บินสลับไปมาบนอากาศ มังกรฟ้าใบหน้าเปลี่ยนสี มีรอยยิ้มประดับขึ้นบนใบหน้าที่เคยแข็งกร้าวอย่างชัดเจน มังกรด้านล่างโห่ร้องดีใจขึ้นมาส่งเสียงดังจนผืนฟ้าสะเทือน
เฮ!!!!!!!!
ร่างหนาจุมพิตบุตรของตนเบาๆและเร่งนำพาบุตรของตนเองนั้นกลับไปสู่จวนของมารดาทันที ยามที่นางเริ่มแก่เฒ่า นางพร่ำบ่นว่านางมิสวยงามอีกต่อไปแล้ว นางกังวลกับใบหน้าของนาง และหันมองมาที่มังกรฟ้าเสมอ
ข้ารับใช้ของนางเริ่มรู้สึกแปลกประหลาด เมื่อบุรุษผู้เป็นสามีของนายตนนั้นมิเคยแก่เฒ่า และบุตรของนางที่เติบโตได้ช้านักดั่งเป็นบุตรของปีศาจ คนรอบจวนเริ่มซุบซิบว่าสามีและบุตรของคุณหนูลี่เจียวคือปีศาจภูเขาที่มิแก่มิตาย ลี่เจียวขยับมานั่งใกล้บุรุษของตนพิงไหล่แกร่งและเอ่ยถามออกไปเบาๆ
"สามีท่านเป็นตัวอะไรกันแน่หรือเจ้าคะ เหตุใดท่านกับไป่หลงจึงมิแก่มิโต มีเพียงข้าและผู้คนเหล่านี้ที่แก่เฒ่า"
"หากเจ้ารู้ความจริงแล้ว เจ้าจะรังเกียจข้ากับบุตรเจ้า หรือไม่เล่าลี่เจียว "