หลังจากประชุมเสร็จก็ออกมานั่งเคลียร์งานกันยังไม่ทันร้อนก็มีสายต่อเข้ามาที่โทรศัพท์ส่วนตัว เวลานี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ลวงร้อยเพื่อนรัก รักมากจนเหลือกันสองพระหน่อ ก็มโน เพ้อภพ และฝันดีก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว ความโสด ความเหงาก็เลยมาอยู่ที่เขากับเพื่อนทั้งสอง แต่เหงาเหรอ เหงาก็ไปอ่างไม่เห็นยากอะไร แต่ตอนนี้เห็นทีต้องลองของใหม่หน่อยแล้วคืนนี้ ปล่อยให้โทรศัพท์สั่นดังอยู่แบบนั้นนานสองนานอย่างนึกแกล้งคนในสาย แต่แล้วก็ยอมกดรับด้วยความรำคาญ พอรับก็ต้องยกโทรศัพท์ออกห่างหูตัวเองทันที
“ไอ้รัก น้องมึงอยู่ไหน”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงไอ้เพื่อนเวร!” กรอกเสียงโต้กลับไปอย่างนึกขำ
“ไม่เกี่ยว แต่กูอยากรู้” ลวงร้อยโกลับมาอย่างมีอารมณ์
“ไม่รู้สิ แค่นี้แหละ กูต้องเคลียร์งานกลับคอนโดว่ะ”
“กูรู้นะว่ามึงมีอะไรที่คอนโด”
“รู้แล้วไง ก็นั่นแมวขโมยของกู หล่อนเป็นของกู” พูดจบก็กดตัดสายเพื่อนทิ้ง ส่วนคนปลายสายที่โทรมาก็ได้แต่กัดกรามแน่น เมื่อทำอะไรไม่ได้ ลักษณาก็เหลือเกิน ไปทานข้าวกับผู้ชายคนอื่น เดินผ่านเขาไม่คิดจะทักเขาสักคำเลยวันนี้ คิดแล้วแค้น
“ไอ้เชี่ย! รักน้องกูก็ทำเป็นปากแข็ง สมน้ำหน้า! ดิ้นเป็นหมาเลยไอ้ลวง”
บ่นเพื่อนหลังวางสายไปก็หันมาดูงานตรงหน้าว่าเหลือเยอะไหม ก่อนจะกดต่อสายหาเลขาเพื่อเรียกมาสั่งงาน ก่อนจะเร่งทำงานหน้าที่ของตัวเองเพื่อจะได้กลับไปทดลองของเล่น เพราะเมื่อคืนนี้เขาปล่อยให้หล่อนหลับสบายมากแล้ว วันนี้ต้องทำงานชดใช้
เหนือน่านยืนนิ่งไม่ยอมออกไปทำงานตามที่สั่ง เพราะไม่รู้จะถามเจ้านายของตนเองดีไหม จนรักษ์ต้องถามอย่างรำคาญ
“มีอะไรอีกคุณเหนือ”
“ผมถามคุณรักได้ใช่ไหม”
“ถ้าไม่ถามคุณก็จะอึดอัดอยากรู้ยืนจ้องผมแบบนี้ แล้วผมก็จะทำงานไม่ได้ แล้วคิดว่าไงล่ะครับ” รักษ์เลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้าตัวเองต่อ
“คุณป่านทอครับ”
รักษ์วางปากกาในมือทันทีเมื่อได้ยินชื่อของแมวขโมยสาวหลุดรอดออกจากปากของเลขา
“ทำไม?”
“คุณรักไม่สงสารเธอเหรอครับทำแบบนั้น”
หึหึ
เขาทำเพียงขำในลำคอตอบเท่านั้น แล้วฟังเหนือน่านพูดต่อ
“แล้วไง โจรแบบเธอดีแค่ไหนแล้วที่ฉันปรานีให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่อยู่”
“แต่...”
“หรือจะให้ฉันแจ้งตำรวจจับเธอดีล่ะ”
เงียบ!
เหนือน่านจนใจจะพูดให้เจ้านายเปลี่ยนใจ จึงได้แต่เงียบแล้วเดินออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดลาสักคำ ส่วนรักษ์เมื่อลับร่างของเลขาก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วยกมือนวดคลึงขมับของตัวเองทันทีเพื่อไล่ความตึงเครียดก่อนหน้านี้