บทที่3

1898 คำ
บทที่ 3 เช้าวันนี้นับว่าขวัญข้าวตื่นสายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา ดวงตาแห้งผากและบวมเป่งจากการร่ำไห้ของเธอยังจับจ้องไปยังผนังด้านปลายเตียงนิ่ง อาการปวดเมื่อยตามร่างกายทำให้เธอไม่อยากขยับตัวแม้แต่น้อยทั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมานานแล้ว และเมื่อย้อนไปถึงสาเหตุของอาการปวดเมื่อยทางร่างกาย ดวงตาสีดำก็มีแววสั่นระริกขึ้นมา ขวัญข้าวลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ก้าวลงจากเตียงสลัดชุดนอนบางเบาที่สวมใส่คว้าผ้าขนหนูสีฟ้าอ่อนมาถือแล้วเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องอย่างเร่งรีบ แม้จะเป็นห้องน้ำที่ทำไว้ในห้องนอนเพื่อความสะดวกสบายของผู้อาศัย แต่มันเป็นการต่อเติมขึ้นใหม่ตามใจของเธอเอง บ้านหลังเดิมนั้นมีห้องน้ำแค่ห้องเดียวเยื้องไปด้านหลังใกล้กับครัว ส่วนห้องนอนนั้นมีสองห้อง หนึ่งห้องใหญ่ที่พ่อทำให้เธอนอนกับยาย และห้องนอนเล็กของพ่อกับแม่ เมื่อพ่อกับแม่เสียชีวิตไปขวัญข้าวก็อยู่กับยายมาตามลำพัง แต่ยังนอนร่วมกันในห้องเช่นเดิม และเมื่อเธอเริ่มทำงานมีเงินเดือน ขวัญข้าวจึงกั้นแบ่งห้องน้ำขึ้นในห้องนอนเพื่อความสะดวก เวลายายลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ ดื่นๆ ห้องน้ำเล็กจึงมีแค่ความสะดวก ไม่ได้หรูหราสวยงามเช่นห้องน้ำในห้องนอนของพวกเศรษฐีมีเงินทั่วไป ฝักบัวที่แขวนติดผนังปล่อยน้ำเป็นฝอยสาดกระเซ็นเข้าเต็มใบหน้าอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจ เธอปล่อยให้สายน้ำราดรดผ่านใบหน้าลงไปยังเรือนร่างเปลือยเปล่า อยากให้มันชำระล้างสิ่งที่ติดมากับตัวเธอเมื่อคืนออกไปให้หมด แม้เมื่อคืนจะอาบน้ำมาสองรอบแล้ว ที่โรงแรมเกิดเหตุรอบหนึ่ง ตอนกลับเข้าบ้านมาก็อาบอีกครั้งหนึ่ง แต่เธอยังมีความรู้สึกว่า ร่างกายอันแปดเปื้อนของตนเองยังไม่สะอาดพอ และอาจไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอีกเลย เมื่อคิดถึงใบหน้าอาติณณ์การลูบไล้เนื้อตัวของขวัญข้าวจึงรุนแรงขึ้น เธอไม่ต้องการให้คราบเหงื่อไคลหรือกลิ่นกายของเขาแทรกซึมอยู่ในทุกอณูเนื้อของตนแม้แต่น้อย ขวัญข้าวยังใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำอีกนานถ้าไม่ได้ยินเสียงกริ่งที่หน้าประตู หญิงสาวปิดฝักบัวคว้าผ้าขนหนูมานุ่งกระโจมอกแล้วออกไปจากห้องน้ำ เสียงกริ่งที่ดังแว่วๆ ชัดขึ้นเมื่อมาอยู่กลางห้องนอน ขวัญข้าวเดินไปแหวกม่านสีฟ้าหนาทึบตรงช่องหน้าต่างที่มองไปยังหน้าบ้านได้ชัด ร่างสูงๆ แสนคุ้นเคยของพีรัชกำลังชะเง้อมองข้ามประตูรั้วเหล็กดัดสีขาวเข้ามา มือเขายังคาอยู่ที่กริ่งซึ่งก็ยังกดมันอยู่เป็นระยะๆ ขวัญข้าวคิดว่าเพราะเธอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือเขาจึงไม่ได้โทรเข้ามาเหมือนเมื่อก่อน ตอนเคยไปมาหาสู่กัน “จะมาทำไมแต่เช้า” เธอปิดม่านลง พร้อมพึมพำกับตนเอง ก่อนรีบแต่งตัวไหนๆ เขาก็มาแล้ว จำเป็นที่เธอต้องออกไปต้อนรับอยู่ดี พีรัชไม่ได้นอนค้างที่คอนโดฯ ของอินทุอรเช่นทุกวัน เพราะฝ่ายหญิงกลัวพี่ชายคนเดียวจะไปหา แล้วความลับที่ว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานจะแตก อันที่จริงเขาและอินทุอรก็มีความสัมพันธ์กันตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว อินทุอรเป็นเด็กสาวที่ถูกตามใจร้องขออะไรพี่ชายคนเดียวก็ทูนหัวทูลเกล้าให้เสมอ แม้การส่งไปร่ำเรียนที่เมืองนอกเมืองนาเพราะสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองไทยไม่ได้ ซึ่งเธอก็ไม่ได้เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อินทุอรใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเฝ้าเขาเสียมากกว่า แค่รู้จักกันโดยบังเอิญในสถานเริงรมย์ อินทุอรก็ติดเขาแจ ยินยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา ชวนเขาย้ายมาอยู่ด้วยกันกับเธอ แล้วติดตามเขาไปทุกแห่ง เวลาเขาเข้าเรียนเธอยังอุตส่าห์ไปนั่งรอที่มหาวิทยาลัย เฝ้าจนเขาไม่อาจสลัดเธอหลุดได้ จนต้องกลับมาพร้อมกัน มาอยู่ที่คอนโดฯ หรูของเธอจนถึงทุกวันนี้ แต่เรื่องทุกอย่างอินทุอรห้ามให้รู้ถึงหูพี่ชายของเธอเป็นอันขาด ทุกครั้งที่ทราบข่าวว่าพี่ชายของเธอจะเข้ามาในกรุงเทพฯ เขาต้องย้ายตนเองกลับไปอยู่บ้านบิดามารดาเสียทุกครั้ง เช่นเดียวกับเมื่อคืนนี้หลังงานฉลองหมั้น เมื่อเชยชมอินทุอรที่ดูสวยกว่าทุกครั้งอย่างสมใจแล้ว เขาก็เก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกมาจากห้องพักในคอนโดฯ ของเธอ กลับไปนอนที่บ้านของบิดา เช้านี้เขาจึงมีเวลาเป็นส่วนตัวมาหาขวัญข้าวได้ เขายังจำติดตากับขวัญข้าวในชุดสีแดงร้อนแรงที่เดินเข้ามาในงานเมื่อคืนนี้ ซึ่งแตกต่างจากขวัญข้าวที่เขาเคยเห็นมา แม้ขวัญข้าวจะเป็นคนสวยแต่เธอชอบแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีน หายากยิ่งที่จะเห็นเธอแต่งตัวสวยและเซ็กซี่เหมือนเมื่อคืน และนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้เขากลับมายืนอยู่หน้าบ้านของเธอตอนนี้ เพราะเขามั่นใจว่าขวัญข้าวยังมีเยื่อใยจึงตั้งใจแต่งตัวไปยั่วยวนเขาถึงในงานหมั้น คงหวังให้เขาเสียดายที่สลัดรักเธอไป ซึ่งมันก็จริงอย่างนั้น เขารู้สึกเสียดายนักถ้าจะมีใครได้เชยชมเรือนร่างของเธอก่อนเขา หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาเริ่มเบื่อรสชาติจำเจและของตายเช่นอินทุอรเสียแล้วกระมัง พีรัชชะเง้อมองเข้าไปยังบ้านชั้นเดียวของขวัญข้าว สายจนแดดแรงป่านนี้ถ้าวันทำงานขวัญข้าวคงไปทำงานแล้ว แต่วันนี้มันเป็นวันหยุดของเธอ ขวัญข้าวน่าจะอยู่ในบ้าน ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบบ้านที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยของอดีตคนรักเก่า จะมีเปลี่ยนบ้างที่สีบ้านใหม่ขึ้น แต่บ้านเงียบลงเพราะญาติผู้ใหญ่ของเธอเสียชีวิตไปหมดแล้ว บ้านหลังนี้และที่ดินรอบๆ บริเวณจึงตกเป็นทรัพย์สินของขวัญข้าวเพียงผู้เดียว ซึ่งก็นับว่าไม่น้อยเลยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวมีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับอินทุอร มรดกของขวัญข้าวก็เทียบไม่ได้กับเศษเงินของอินทุอร ที่พี่ชายคนขยันของเธอช่างเก่งกาจทำให้เงินกองมรดกนั้นงอกเงยขึ้นมาอย่างมากมายมหาศาล และนี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาไม่อาจสลัดอินทุอรออกไปจากชีวิตได้ และยังต้องเร่งที่จะผูกพันกับเธอทางกฎหมายให้เร็วมากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ พีรัชยิ้มออกมาเมื่อเจ้าของบ้านเดินออกมาเปิดประตูให้ ขวัญข้าวอยู่ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตเข้ารูปแขนยาวพับถึงข้อศอกและกางเกงสี่ส่วนสีขาว เธอยิ้มตอบเมื่อเขาส่งยิ้มให้ แม้จะเป็นยิ้มที่ดูเหนื่อยล้าอย่างไรชอบกล “สวัสดีค่ะ พี่พี” ขวัญข้าวกระพุ่มมือไหว้เขา เช่นทุกครั้งที่พบกัน แม้ในตอนที่คบหาดูใจกันจะพบกันบ่อยเพียงใด เธอก็ไหว้เขาในทุกครั้งที่พบ และไหว้ลาทุกครั้งที่แยกจากกัน ไหว้บ่อยจนบางครั้งพีรัชเองเป็นฝ่ายบอกให้เธอหยุด ไม่ต้องไหว้เขาบ่อยขนาดนั้น แต่ก็ไม่เป็นผล ทุกครั้งที่พบกันขวัญข้าวก็ยกมือไหว้ทักทายเขาอยู่ดี แม้กระทั่งวันที่เธอไปรับเขาที่สนามบิน และเห็นว่าอินทุอรเดินเคียงข้างกับเขา ขวัญข้าวยังยกมือไหว้ลา เมื่อพูดจาตัดสวาทกันเข้าใจแล้ว “สวัสดีจ้ะ พี่มารบกวนหรือเปล่า” พีรัชรับไหว้ แล้วพูดออกตัว “ไม่หรอกค่ะ เชิญพี่พีเข้ามาข้างในก่อนสิคะ” เธอจำต้องต้อนรับเขาตามมารยาทของเจ้าบ้านที่ดี หญิงสาวเปิดประตูรั้วเหล็กดัดสีขาวให้เขา เห็นรถคันหรูของพีรัชจอดดับเครื่องยนต์อยู่ แน่นอนเขาคงไม่คิดจะเอารถเข้ามาจอดด้านใน เพราะทางเดินจากประตูรั้วไปถึงตัวบ้านนั้นปูด้วยอิฐตัวหนอนกว้างแค่เมตรกว่าๆ สองข้างก็ปลูกหญ้าญี่ปุ่นที่ออกจะรกเพราะไม่มีเวลาตัดแต่ง ไหนจะเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาทับถมเน่าเปื่อยอยู่ใต้โคนต้น และบริเวณใกล้เคียง “รกไปนิดนะคะ ข้าวไม่ค่อยมีเวลาเลย เมื่อก่อนตอนคุณยายยังอยู่ คุณยายชอบกวาดเศษใบไม้มาเผาตรงใต้โคนบอกว่าจะทำให้มีลูกดก แล้วคนโบราณก็ชอบก่อไฟตอนหัวค่ำ เพื่อไล่สิ่งชั่วร้าย พอคุณยายเสียไป บ้านข้าวก็รกอย่างที่เห็น” เธอออกตัวอีกครั้งเมื่อพาเขาเดิน มานั่งที่ม้าหินอ่อนตรงชายคาบ้าน “นั่งตรงนี้ดีกว่านะคะ ดีกว่าเข้าไปในบ้าน” “ตรงไหนก็ได้จ้ะ” พีรัชนั่งลง เก้าอี้หินอ่อนชุดนี้ เขาเคยนั่งมาจนชินในสมัยยังเรียนอยู่ แล้วมาช่วยติวตำราให้ขวัญข้าว เพียงแต่ตอนโน้นมันวางอยู่กลางสนามใต้ต้นมะม่วงใหญ่ ไม่ใช่วางใต้ชายคาบ้านเช่นตอนนี้ “พี่พีทานอะไรมาหรือยังคะ เอากาแฟไหม” เธอถามเขาไป แต่ไม่ใช่โดยมารยาท เพียงแต่เธอเองก็ยังไม่ได้รับประทานอะไร หากเขาจะรับประทานเป็นเพื่อนกันก็ย่อมดีกว่าให้นั่งรอเธอ หรือไม่เธอก็ต้องแขวนท้องรอให้เขากลับไปก่อน ซึ่งมันไม่เป็นการดีแน่ “ข้าวละ ทานอะไรหรือยัง” พีรัชย้อนถาม เพราะจากที่เห็นขวัญข้าวเดินไปรับเขาทั้งที่ผมยังหมาดๆ แสดงว่าเธอเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จใหม่ๆ น่าจะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเช่นกัน และก็เป็นจริงอย่างเขาคาด เจ้าของบ้านสาวสั่นศีรษะช้าๆ พีรัชจึงรับไมตรีจากเธอ “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอกาแฟก็ได้จ้ะ จะได้กินเป็นเพื่อนข้าวด้วย” “รอสักครู่นะคะ ต้องต้มน้ำร้อนก่อน แต่ไม่นานหรอกค่ะ พี่พีอ่านหนังสือพิมพ์รอไปก่อน เอ...ว่าแต่วันนี้เด็กมาส่งหนังสือพิมพ์หรือยัง” ขวัญข้าวบอกพลางชะเง้อไปยังทางที่เดินเข้ามาอีกครั้ง เพราะปกติเด็กส่งหนังสือพิมพ์จะโยนมาวางไว้แถวทางเดิน ซึ่งเธอจะรับเฉพาะฉบับวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดของเธอเท่านั้น วันปกติก็ไปอ่านที่ทำงาน แถมในบางครั้งก็หยิบของที่ทำงานติดมือกลับมาอ่านที่บ้านโดยการส่งเสริมของคิมห์เจ้านายและเพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง “ยังไม่เห็น อีกประเดี๋ยวคงมา พี่พีรอแป๊บนะคะ ข้าวไปต้มน้ำชงกาแฟก่อน” เธอขอตัวกลับเข้าไปในบ้าน ติดเตาแก๊สต้มน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟสำหรับตนเองและแขกที่มาเยือนแต่เช้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม