บทที่2(จบ)

2026 คำ
อาติณณ์เปิดประตูรถเก๋งราคาแพงจากค่ายยุโรปสีดำสนิทให้หญิงสาวที่เดินตามมา แล้วอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่ ก่อนจะกระชากมันออกไปอย่างรวดเร็ว รถคันนี้ได้รับคำบัญชาให้ซื้อจากน้องสาวคนเดียว เพราะอินทุอรยืนกรานไม่ยอมให้เขาขับรถปิคอัพมาหาเธอในกรุงเทพฯ ไม่ว่าปิคอัพคันนั้นจะขับเคลื่อนกี่ล้อก็ตามที แล้วยิ่งถ้ามาร่วมงานฉลองหมั้นของเธอแล้ว อินทุอรทั้งกำชับและย้ำแล้วย้ำอีกในตอนที่โทรฯ ไปบอกเขา ว่าห้ามเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเธอจะอาละวาดและไม่รักพี่ชายคนนี้อีกต่อไป เขาจึงต้องอาศัยเจ้ารถเก๋งคันหรูนี้ตลอดเวลาที่เข้ามาทำธุระในเมืองหลวง ซึ่งไม่บ่อยนักเพราะส่วนใหญ่จะติดต่อธุรกิจกันทางการสื่อสารอื่นๆ จะเข้ามาบ้างเพื่อเยี่ยมน้องสาวและธุระสำคัญจริงๆ เท่านั้น ชายหนุ่มบังคับให้รถหรูวิ่งไปตามทางที่หญิงซึ่งนั่งคู่กันบอก ไม่นานก็มาจอดหน้าประตูรั้วเหล็กดัดสีขาวเก่าๆ หน้ารั้วบ้านเธอมีไฟนีออนเปิดส่องสว่าง เมื่อมองเข้าไปด้านใน หน้าประตูบ้านชั้นเดียวนั้นมีดวงไฟเปิดให้ความสว่างอยู่เช่นกัน ขวัญข้าวเปิดประตูรถเองโดยไม่รอให้เขาทำหน้าที่สุภาพบุรุษเช่นตอนที่ขึ้นมา แม้จะเห็นแล้วว่าเขาก้าวลงไปจากรถแล้ว หญิงสาวหันมาเผชิญหน้าเขาพร้อมกล่าวขอบคุณเบาๆ “ขอบคุณค่ะ” “บ้านเงียบจัง คุณอยู่กับใคร” เขาถาม เมื่อมองเข้าไปในตัวบ้านที่ด้านในมืดสนิท กวาดตามองไปรอบบริเวณ เพื่อนบ้านก็อยู่ห่างออกไปพอสมควร นั่นแสดงว่าอาณาบริเวณบ้านของเธอไม่แคบนักเมื่อเทียบกับบ้านในกรุงเทพ แต่เท่าที่ขับรถผ่านเข้ามา ที่ดินแถวนี้น่าจะเป็นที่ดั้งเดิม คนที่อยู่อาศัยน่าจะเป็นเจ้าของเดิมที่ยังรักษามรดกตกทอดของตนเองเอาไว้ ไม่ขายให้นายทุนเอาไปทำหมู่บ้านจัดสรร เพราะบ้านแต่ละหลังนั้นมีอาณาบริเวณกว้างและตั้งอยู่ห่างกัน ทั้งยังดูครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ถ้าเป็นกลางวันเขาคงจะดูออกว่ามันเป็นต้นอะไรบ้าง แต่นับว่าดีหน่อยที่ตลอดแนวถนนมีไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทั้งสาย จึงดูไม่เปลี่ยวจนเกินไป คำถามอย่างห่วงใยของเขาทำให้ขวัญข้าวคิดไปต่างๆ นานา ก็เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดจากการกระทำของเขามันเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ยังฝากรอยเจ็บปวดบนร่างกายของเธอและฝังลึกในจิตใจเธอ ซึ่งไม่แน่ใจเลยว่าทั้งชีวิตนี้เธอจะลืมมันไปได้หรือไม่ แล้วถ้าเขารู้ว่าเธออยู่เพียงลำพังในบ้านที่เขาบอกว่าเงียบหลังนี้ เขาจะทำบ้าๆ กับเธออีกไหม ไม่ได้ล่ะจะบอกว่าอยู่คนเดียวไม่ได้แน่นอน “เอ่อ...ฉันอยู่กับพี่ชาย ดึกป่านนี้เขาคงหลับไปแล้ว ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” เธอกระพุ่มมือไหว้เขาอย่างเคยชิน เพราะไหว้เขามาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว ก็เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนร่วมชั้นนี่นา อาติณณ์รับไหว้แบบงุนงง ไม่คิดว่าเธอจะมีมารยาทดีถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในห้องของโรงแรม เธอด่าเขาเสียแทบไม่มีความดีติดตัว “ไม่เป็นไร ว่าแต่ คุณชื่ออะไรหรือ” สุดท้ายเขาก็ต้องถามในสิ่งที่คาใจ “ขอบคุณอีกครั้ง” ขวัญข้าวกล่าวขอบคุณเขาแทนการบอกชื่อของตนเอง ก่อนเปิดกระเป๋าล้วงกุญแจออกมาไขประตูเข้าไปด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย ยามเห็นเงาของเขาขยับมายืนซ้อนหลังเธออยู่ ความหวาดหวั่นทำให้คิดไปต่างๆ นานา แต่ก็บอกเขาไปแล้วนี่ว่ามีพี่ชายอยู่ด้วยเขาคงไม่ทำอะไรอย่างที่เธอกลัว ทันทีที่ไขกุญแจเปิดประตูเล็กได้ ขวัญข้าวรีบแทรกตัวเข้าไป ตั้งใจจะปิดประตูลั่นกุญแจให้เร็วที่สุด แต่ทำไม่ได้อย่างใจ เมื่อมือใหญ่ของเขายื่นมาดันประตูเอาไว้ ขวัญข้าวเงยหน้ามองเขา ปกปิดแววตระหนกในดวงตาไม่มิด แต่ก่อนจะร้องถามออกไปว่าต้องการอะไรอีก เสียงนุ่มๆ ของเขาก็ดังขึ้น “แน่ใจนะว่าไม่ต้องการให้ผมรับผิดชอบ” “ไม่ต้อง คุณกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่ชายฉันตื่น” เธอปิดประตูได้สำเร็จเมื่อเขาละมือจากไป แต่เขาไม่ได้หันกลับไปขึ้นรถเสียทันที ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ซึ่งขวัญข้าวไม่อยากใส่ใจผลักไสด้วยคำพูดให้เขากลับไปเสียที เธอพาตนเองเดินลึกเข้าไปจนถึงหน้าตัวบ้านที่เปิดไฟทิ้งไว้ แล้วไขกุญแจเข้าไป ก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง จึงเห็นว่าเขายังมองเธออยู่ไม่ยอมกลับไปเสียที ขวัญข้าวคิดว่าเขาคงต้องการเห็นเธอปิดประตูเสียก่อนจึงจะจากไป หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์ไฟ แล้วจึงปิดบานประตูลง ร่างบางยืนพิงประตูไม่ได้ไปไหนจนได้ยินเสียงรถเคลื่อนออกไปจากหน้ารั้วบ้าน ร่างที่ยืนพิงนั้นก็หมดแรงรูดลงนั่งกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมาเต็มเสียง เสียใจกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดกับตนเอง คอนโดฯ หรูหรากลางกรุงในห้องพักของอินทุอร หลังทั้งสองกลับมาจากงานเลี้ยงฉลองหมั้นที่โรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก พีรัชก็หน้าง้ำเมื่ออินทุอรสั่งให้เขารีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว แล้วกลับไปนอนบ้านบิดาของเขาเสีย “ทำไมล่ะน้องอ่อน” เขาถามเสียงกระเง้ากระงอด เดินเข้ามาสวมกอดคู่หมั้นสาวอย่างประจบ “พี่พีต้องรีบไปก่อนที่พี่ติณณ์จะมารู้เห็นว่าเราสองคนอยู่ด้วยกัน พี่ติณณ์ออกจะหัวโบราณเรื่องแบบนี้ น้องอ่อนไม่อยากถูกอบรมจนหูชา” อินทุอรรู้ดีว่า ถึงพี่ชายจะตามใจ เอาอกเอาใจเธอขนาดไหน แต่อาติณณ์นั้นพร่ำพูดให้ฟังเสมอเรื่องการรักนวลสงวนตัวของหญิงสาว เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวยอมให้อารมณ์ฝ่ายต่ำมาอยู่เหนือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี อาติณณ์จึงหวังให้เธอซึ่งน้องสาวคนเดียว ผู้มีความเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา ทรัพย์สมบัติและการศึกษา มีสิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงานเช่นเดียวกับเจ้าสาวของเขาด้วยเช่นกัน “ไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายน้องอ่อนจะหัวโบราณขนาดนี้” พีรัชพูดอย่างเซ็งๆ เมื่อถูกคู่หมั้นสาวรุนหลังให้เข้าไปเก็บเสื้อผ้า แต่มิวายหันมาท้วง “แต่ว่าดึกป่านนี้แล้ว ถ้าเขาจะมาค้างที่นี่น่าจะมาแล้ว ตอนเลิกงานก็ไม่เห็น คุณอาติณณ์คงค้างที่โรงแรมแล้วล่ะ” “ถึงพี่ติณณ์จะค้างที่โรงแรม แต่ตอนเช้าเขาก็ต้องมา เพื่อความไม่ประมาทพี่พีกลับไปนอนที่บ้านเถอะ” อินทุอรช่วยเขาจัดเสื้อผ้าทั้งหมดลงกระเป๋า เพื่อไม่ให้หลงเหลือเอาไว้ให้อาติณณ์จับผิดได้ “วันนี้น้องอ่อนสวยที่สุดไม่รู้หรือ พี่ไม่อยากห่างน้องอ่อนเลย” เมื่อเขาแน่ใจว่าอาติณณ์จะไม่มาในตอนนี้ พีรัชจึงวางมือจากการจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า หันมาจับมือคู่หมั้นสาวไปกุมแล้วจุมพิต ก่อนจะจูบไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ “ไม่เอาน่าพี่พี” อินทุอรเอียงแก้มหนีเมื่อแฟนหนุ่มจูบไล่มาถึงแก้มของเธอแล้ว แต่ยิ่งผลักเขายิ่งเข้าใกล้จนสุดท้ายเธอก็สงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา บนเตียงนอนที่เคยนอนแนบชิดทุกคืน “ดื้อจริงๆ เชียวพี่พีนี่” อินทุอรประท้วงเบาๆ ในอ้อมกอดของเขา “ก็น้องอ่อนหอมหวานไปทั้งตัวจะให้ไปง่ายๆ ได้ยังไงกัน กว่าจะเช้าอีกตั้งหลายชั่วโมง ค่อยไปก็ยังทัน ตอนนี้ให้พี่ช่วยถอดชุดสวยๆ ของน้องอ่อนออกก่อนดีกว่านะคะ มันเกะกะสายตาเหลือเกิน” พีรัชออดอ้อนใกล้ซอกคอของสาวคนรัก มือของเขากำลังทำตามที่พูดคือปลดชุดสวยของคู่หมั้นสาวออกจากตัว อินทุอรเองก็ช่วยปลดกระดุมและถอดเสื้อผ้าให้แฟนหนุ่ม เมื่อความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าของทั้งสองตรงกัน แต่มิวายกำชับเพื่อความไม่ประมาท “แต่เสร็จแล้วต้องรีบไปนะคะ อย่างอแง น้องอ่อนยังไม่อยากมีปัญหาถ้าพี่ติณณ์เกิดมาไวกว่าที่คิด” ไม่มีเสียงตอบจากพีรัชที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเนินอกของเธอ ก่อนที่อินทุอรจะปลดปล่อยอารมณ์ไปตามการเล้าโลมของแฟนหนุ่ม ลืมเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับพี่ชายคนเดียวเสียสิ้น อาติณณ์ขับรถไปบนถนนที่ค่อนข้างเงียบในกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ของน้องสาว หลังจากส่งหญิงสาวและรอจนเห็นเธอเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เขาอดคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดใครเป็นต้นเหตุทำให้มันเกิดขึ้น แล้วเขาไปพลาดท่าให้ถูกวางยาเอาในตอนไหน ก็เขาอยู่ในงานเลี้ยงฉลองหมั้นของน้องสาวตลอดเวลา หรือมีใครอยากกลั่นแกล้งเขากับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ท้ายสุดเขาก็ยังไม่รู้จักชื่อของเธอ แต่คนที่วางยาเขา ต้องรู้ว่าเธออยู่ในห้องนั้น หรืออาจเป็นคนเดียวกันที่วางยาทั้งเขาและเธอคนนั้น เพื่ออะไร ถ่ายภาพ ถ่ายวีดิโอ ถ่ายคลิป ไว้กรรโชกทรัพย์ หรือเอาไปเผยแพร่ให้เสียหายอับอายผู้คน ทำไมเขาถึงลืมตรวจดูในห้องนั้นว่ามีกล้องวิดีโอแอบซ่อนไว้ตรงไหนหรือเปล่า แต่ห้องนั้นเป็นห้องที่เจ้าภาพเปิดไว้เพื่อพักผ่อนก่อนลงมารับแขก น้องอ่อนเป็นคนบอกให้เขาขึ้นไปพักที่นั่น เมื่อมีอาการมึนงงจากการดื่มสุราเข้าไป ความคิดของอาติณณ์สะดุดลงไปเล็กน้อย หรือว่าน้องอ่อนรู้เห็นในเรื่องนี้ เหตุจูงใจอันใดเล่าที่ทำให้น้องสาววางยาเขากับผู้หญิงคนนั้น ภาพพีรัชพูดคุยกับเธอคนนั้นอย่างสนิทสนมแวบเข้ามา เขาจำแววตาที่น้องอ่อนมองทั้งคู่ได้ หึงหวงอาฆาตแค้น “น้องอ่อน” อาติณณ์คำรามในลำคอ “ทำแบบนี้รู้ไหมมันร้ายกาจมาก น้องทำลายทั้งพี่ตนเองและผู้หญิงคนนั้นเชียวนะ น้องทำได้ยังไง” รถที่เขาบังคับเพิ่มความเร็วขึ้นอีกเมื่อหวังจะให้ไปถึงคอนโดฯ ที่พักของอินทุอรเร็วขึ้น แม้รู้ว่าไปถึงเวลานี้ น้องสาวตัวดีคงหลับไปแล้ว แต่เขาก็ยังต้องการพูดคุยกับอินทุอรก่อนจะกลับปากช่องในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นอยู่ดี ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด... เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น อาติณณ์ชะลอรถเพื่อความปลอดภัยก่อนจอดข้างทาง แล้วล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ไฟหน้าจอยังสว่างพร้อมชื่อคนที่โทรเข้ามายังโชว์หรา “มีอะไรวะ รัฐ” “ขอโทษที่โทรมากวนดึกๆ นะพี่ แต่มันจำเป็น ผมไม่รู้จะปรึกษาใคร” เสียงปลายสายออกตัวอย่างเกรงใจ “เออ มีอะไรว่ามา” อันที่จริงก็ไม่นับว่ากวนหรือปลุก เพราะเขายังไม่ได้นอนนั่นเอง และเมื่อเสียงปลายสายกรอกกลับมา สีหน้าและแววตาของอาติณณ์ก็เคร่งขรึมขึ้น ก่อนจะส่งเสียงอือออกลับไปสั้นๆ แล้วกดปิดสัญญาณ ชายหนุ่มถอนหายใจลึกๆ เมื่อเก็บเครื่องมือสื่อสารราคาพอประมาณเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วออกรถในทันที แต่ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ของอินทุอรตามที่ตั้งใจไว้ในทีแรก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม