บทนำ
ใบสั่งพิศวาส
บทนำ
ในห้องสี่เหลี่ยมที่เปิดไฟสว่างไสว เครื่องปรับอากาศทำงานส่งเสียงดังหึ่งๆ บนเตียงขนาดใหญ่กลางห้อง ร่างชายหญิงนอนเคียงข้าง ดวงตาแห้งผากสีดำจัดสองคู่จับจ้องที่เพดานนิ่ง เพดานขาวสะอาดไม่มีจุดที่น่าสนใจแม้แต่น้อย ทว่าดวงตาสองคู่นั้นยังจับจ้องเหมือนกับคนหลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนถอนสายตา ถอนตัวไม่ขึ้น
พักใหญ่ดวงตายาวใหญ่ ขนตาหนางามงอนค่อยๆ ละจากเพดานเบื้องบน ค่อยๆ เบือนมามองคนข้างๆ อย่างลังเล งุนงง สับสน จนมองใบหน้าข้างๆ ไม่ชัดสักเท่าใด รับรู้แต่ใบหน้านั้นค่อยๆ เบือนมาสบตาเขาเช่นกัน
ดวงตากลมโตที่เปียกชุ่ม มองภาพตรงหน้าพร่ามัวเพราะคราบน้ำตา หยาดน้ำแห่งความเจ็บปวดทางร่างกายที่เพิ่งพานพบ และผ่านพ้นไปไม่นาน ผสานกับความเจ็บปวดตรงหัวใจกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะเจอะเจอกับเรื่องแบบนี้ เรื่องที่เธอคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนไม่อยากพานพบ แต่เธอโชคร้ายประสบกับมันเข้าแล้ว โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงและหวนกลับไปแก้ไข หรือร่ำร้องให้ใครช่วยได้ นอกจากตัวของเธอเอง
“กรี๊ด! ไอ้บ้า ไอ้เลว...”
เสียงกรีดร้องของเธอถูกมือใหญ่ของคนข้างกาย เอื้อมมาปิดเอาไว้อย่างเร่งรีบด้วยอาการตกใจไม่แพ้กัน ก่อนเขาจะขู่เบาๆ
“จะตะโกนให้รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองหรือยังไงนะ เงียบๆ เถอะน่า”
เงียบหรือ? เขาสั่งให้เธอเงียบ ทั้งๆ ที่เธอถูกเขาข่มขืน ไม่มีทางเสียละ นอกจากเธอจะพยายามกรีดร้อง ยังพยายามแกะมือเขาและผลักไสให้ห่างตัวเธอมากที่สุด ทั้งมือทั้งเท้าของหญิงสาวเปะปะไม่ยอมอยู่นิ่ง จึงถูกคนออกคำสั่งข่มขู่อีกครั้ง
“หยุดดิ้นเสียที เหนื่อยนะ”
เขาไม่ได้ตะคอกเปล่า ยังต้องออกแรงรวบร่างที่ดิ้นรนขลุกขลักอยู่บนเตียงนั้นพัลวัน ยิ่งดิ้นผลักไสเขามากเท่าไหร่ แรงทั้งหมดของชายหนุ่มก็โถมเข้าใส่ มือใหญ่ละจากปากมาจับข้อมือตรึงท่อนแขนเธอเอาไว้ ร่างใหญ่โถมทับอยู่บนร่างบางของเธอ ใช้ท่อนขาเขากดทับขาเธอเอาไว้เพื่อให้ผู้หญิงคนนี้ คนที่เขาไม่รู้จักสิ้นฤทธิ์ยอมสงบเพื่อจะได้พูดคุยตกลงทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่เสียที เมื่อมือเขาละมาจับข้อมือ ปากหญิงสาวก็เป็นอิสระ
“จะข่มขืนฉันรอบสองหรือไง ไอ้บ้า ไอ้เลว ไอ้...”
“ถ้ายังไม่หยุด” เขาสวนขึ้นโดยไม่รอให้เธอด่าจนเสร็จ
“โดนรอบสองแน่ เงียบ!”
เหมือนประกาศิตของเปาบุ้นจิ้น หรือของใครก็ตาม แต่มันทำให้ร่างที่ถูกเขาพันธนาการเอาไว้หยุดนิ่ง แม้แต่ปากที่กรีดร้องและผรุสวาทก็อ้าค้างเหมือนขากรรไกรแข็งเสียทันที
ชายหนุ่มเห็นแววสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นในดวงตาของหญิงสาวชัด เขาถอนหายใจเชื่องช้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น
“เราต้องคุยกัน ผมจะปล่อย ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายผม ไม่ร้องโวยวายให้ได้อับอาย ถ้าใครมาได้ยินเข้า ตกลงมั้ย”
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เธอก็ได้แต่พยักหน้าช้าๆ รับรู้ว่าร่างหนักที่ทับอยู่บนตัวเธอค่อยๆ ขยับออก เขาขยับไปนั่งห้อยเท้าที่ริมเตียง เธอรีบลุกขึ้นขยับไปกอดเข่าชิดหัวเตียงอีกด้าน มองแผ่นหลังเปล่าเปลือยของชายหนุ่มอย่างระแวดระวัง แผ่นหลังกว้างของเขาขาวสะอาดผิวเนียนละเอียด และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นตึงแค่มองด้วยตาเปล่า เมื่อไล่สายตาต่ำลงมาเธอก็รีบเบือนหนีไม่อยากเห็นช่วงสะโพกบนที่เปลือยเปล่าของเขา ก่อนหันมาสำรวจตนเองเมื่อนึกขึ้นได้ ว่าทั้งเธอและเขาต่างมีสภาพแบบใด หญิงสาวดึงผ้าห่มที่กองขยุกขยุยอยู่ริมเตียง บางส่วนตกลงไปกองกับพื้นขึ้นมาคลุมตัว พร้อมๆ กันนั้นก็ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดขึ้น
“คุณชื่ออะไร”
คนถูกถามเหมือนจะอึ้งเล็กน้อย เม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เขาถามชื่อเธอ ถามชื่อผู้หญิงที่เขาเพิ่งพรากความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่เธอเฝ้าถนอมมาถึงยี่สิบสี่ปีไปหมาดๆ เมื่อนึกถึงความสาวของตนเองเธอก็หวนคิดถึงคำพูดของเพื่อนหนุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
‘จะเก็บพรหมจารีไว้ให้หมาคาบไปกินหรือไง ยอมๆ เสียทีเถอะ ผมขี้เกียจเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงแล้วนะ ข้าวจ๋า’
ในตอนนั้นคนพูดทำหน้าทะเล้น คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ จึงถูกผลักเสียหน้าหงาย แล้วทั้งกลุ่มเพื่อนของเธอก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่เวลานี้พรหมจารีของเธอยิ่งกว่าถูกหมาคาบไปกิน เพราะหมามันยังจำกลิ่นจำหน้าเจ้าของได้ แต่ชายหนุ่มผู้ฉกฉวยสิ่งหวงแหนที่สุดในชีวิตสาวของเธอไป กลับจำแม้กระทั่งชื่อของเธอไม่ได้
เมื่อไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวร่วมเตียง ชายหนุ่มก็เบือนหน้ามาช้าๆ ครานี้เขาเห็นเธอเต็มตา ผมหยิกเป็นลอนของเธอดูยุ่งเหยิงล้อมรอบกรอบหน้ารูปไข่ที่เปียกชื้น ซึ่งแยกไม่ออกว่าจากคราบน้ำตาหรือเหงื่อไคลกันแน่ แต่ก็คงจะผสมปนเปกันไป ใบหน้าเศร้าปนหวาดระแวงยามมองเขาเหมือนวางอยู่บนกองผ้า เมื่อเธอดึงผ้าห่มสีขาวไปห่อหุ้มกายร่างเอาไว้ เขาเลิกคิ้วเข้มได้รูป ก่อนถามย้ำ
“ว่าไง ชื่ออะไร” เขาจำได้แค่ว่าเห็นเธอในงานหมั้นของน้องสาวคนเดียวของเขาเมื่อหัวค่ำ เวลานี้เมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาตรงเหนือประตู มันบอกเวลาตีสองกว่า
“จะชื่ออะไรก็เรื่องของฉัน” เธอตอบเสียงสะบัด เมินหน้าหนีไม่อยากสบตาเขา เธอกลัวสายตาเขาจะแสดงให้เห็นว่า แม้เธอจะดึงผ้าห่มมาพันกายเอาไว้ แต่ร่างกายเนื้อตัวของเธอนั้นเขาเห็นจนทะลุปรุโปร่งแล้ว จากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ไม่นานนัก
คิ้วเข้มที่เลิกขึ้นเมื่อครู่ขมวดเข้าหากันจนชิด แปลกใจปนระอากับผู้หญิงตรงหน้า หน้าตาใช่ว่าจะสะสวยเสียมากมาย แต่คำพูดท่าที เหมือนตนเองสวยเลิศและเขากำลังตามงอนง้อ ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่บอกชื่อก็ตามใจ แล้วจะเอายังไงกับเรื่องนี้” เขาคงไม่ต้องพูดให้กระจ่างแจ้งว่าเป็นเรื่องอะไร เธอก็คงรู้ และถ้าไม่โง่ก็คงคิดได้ว่าเขาอยากให้เธอเรียกค่าเสียหาย แน่นอนมันย่อมหมายถึงจำนวนเงินที่ชดเชยกับความสาวของเธอ ทั้งที่ตอนแรกเขาคิดว่าเธอคงไม่สนใจในเรื่องเงินทอง ก็ท่าทางยินยอมพร้อมใจของเธอในตอนนั้นทำให้เขาคิดว่าเป็นแค่ผู้หญิงรักสนุกคนหนึ่ง ยอมนอนกับผู้ชายที่พอใจในรูปร่างหน้าตาเป็นครั้งคราวแล้วแยกย้าย ไม่มีอะไรต่อกันซึ่งเขาก็ผ่านผู้หญิงจำพวกนี้มามากแล้ว
แต่เมื่อเขารู้โดยประสบการณ์และสิ่งที่แสดงให้เห็น ทั้งอาการของเธอ คราบเปรอะเปื้อนบนที่นอน รวมถึงเสียงกรีดร้องอาละวาดเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป เขาจึงรู้ว่าเข้าใจผิด เธอไม่ใช่พวกรักสนุก แต่กลับเป็นสาวพรหมจรรย์ เวลานี้เขาจึงไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เปิดบริสุทธิ์ผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่กำลังบอกเขาว่า
“ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ฉันจะไม่ลากคุณเข้าคุก ขอแค่ให้ลืมมันไปให้หมด และหวังว่าคุณคงไม่เอามันไปพูดกับใคร ว่าเอ่อ...เอ่อ...” เธอกระอึกกระอักยากที่จะพูดคำที่ทำร้ายจิตใจและความสาวของเธอออกมาจากปาก
“ผมไม่เลวขนาดเอาเรื่องแบบนี้ไปโพนทะนาหรอก” เขาค้าน จึงได้เห็นดวงตาหล่อนวาวโรจน์ ก่อนเสียงแหลมปานหอกจะทิ่มแทงเข้ารูหู
“ไม่เลว เชอะ! ขนาดข่มขืนผู้หญิงนี่ไม่เรียกว่าเลว แล้วจะเรียกว่าอะไรอีก”
“คิดดูดีๆ สิคุณ ผมขืนใจหรือคุณยินยอมกันแน่ เสื้อผ้าคุณก็ถอดของคุณเอง แถมยังขึ้นมานอนรอบนเตียงเสร็จสรรพ ผมแค่สนองตอบตามที่คุณ...” ใบหน้าคนพูดสะบัด เพราะฝ่ามือของคนฟัง ก่อนเธอจะยืนชี้หน้าเขา มือสั่นอย่างโกรธจัด
“เลว แกไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไอ้บ้า”
ทันทีที่ชายหนุ่มหันหน้าที่ถูกตบจนชาไปทั้งแถบกลับมา ก็หงายหลังลงไปนอนข้างเตียงเมื่อเจ้าของฝ่ามือโถมเข้าหาทั้งตัว และระดมฝ่ามือเข้าใส่อีกไม่ยั้ง
“เฮ้ย! บอกให้หยุด หยุดบ้าได้แล้ว หยุด!” เขายกท่อนแขนกันพายุฝ่ามือของร่างเปล่าเปลือยที่ทับอยู่บนตัว
“คนอย่างแกต้องตบให้ตายคามือ ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้คนเลว” เธอยังระดมฝ่ามือเข้าใส่ แม้ว่ามันจะไม่ตรงเป้าที่เล็งไว้คือใบหน้าขาวๆ ของเขา เพราะท่อนแขนและฝ่ามือเขายกขึ้นมากันเอาไว้ โดยลืมคิดไปสนิทว่าทั้งตัวเธอและชายหนุ่มต่างอยู่ในสภาพใด หญิงสาวมารู้ตัวก็เมื่อเขาใช้มือผลักอกเธอให้ออกห่าง ซึ่งมันสัมผัสเข้ากับทรวงอกกลมกลึงขนาดพอเหมาะของเธอเข้าพอดิบพอดี และดูเหมือนเขาเองก็ชะงักไปทันที
“ไอ้คนฉวยโอกาส” เธอชักมือตนเองมาบดบังหน้าอกเอาไว้ พร้อมต่อว่าเขาดวงตาเขียวปัด
“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” เขารีบแก้ตัว และได้ฝ่ามือเต็มๆ กลับมาบนใบหน้า เพิ่มความชาเป็นทวีคูณ ก่อนที่ร่างบนลำตัวเขาจะลุกขึ้นวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำเล็กๆ ปิดประตูดังโครม
ชายหนุ่มมองตามร่างเปลือยนั้นไปด้วยแววตาสำนึกผิด ตอนเธอผละจากเขาไปเข้าห้องน้ำทำให้เห็นสรีระของเธอเต็มตา นับว่าหุ่นของเธอนั้นสวยงาม ร่างประเปรียวสูงระหงค่อนไปทางผอม แต่มีส่วนเว้าส่วนโค้งและหน้าอกของเธอเต็มไม้เต็มมือเมื่อไปสัมผัสเข้าอย่างไม่ตั้งใจเมื่อครู่ และตั้งใจในก่อนหน้านี้ตอนมีความสัมพันธ์กัน
ความสัมพันธ์ที่เขาเริ่มงุนงง เขาข่มขืนใจเธอหรือ? คนอย่างเขานี่นะหรือจะข่มขืนผู้หญิงที่ไม่ยินยอม ก็ในเมื่อมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างมาเสนอตัวให้ ชนิดหิ้วพวกหล่อนมานอนได้ไม่ซ้ำหน้าถ้าเขาต้องการ แล้วกับผู้หญิงคนนี้ คนที่ด่าเขาปาวๆ ว่าเป็นคนเลว ผู้หญิงที่จะมองมุมไหนก็ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศสำหรับเขา แม้หุ่นเธอจะดีแต่ผิวสีน้ำผึ้งของเธอนั้นทำให้เขาส่ายหน้า เพราะเขาจะมีอารมณ์ทางเพศกับผิวขาวๆ ของสาวๆ ที่เข้ามาพัวพันเท่านั้น แล้วอย่างนี้เขาจะอยากได้ตัวเธอขนาดลงมือข่มขืนเชียวหรือ
ก๊อก! ก๊อก!
“นี่คุณ”
โครม!