พีรัชนั่งรำลึกถึงความหลังระหว่างที่เขาคบหาเป็นแฟนกับขวัญข้าว บ่อยครั้งยามมาที่บ้านแล้วพบกับยายของขวัญข้าว คุณยายที่คุยสนุกและทำอาหารอร่อย ทุกครั้งที่มาขากลับคุณยายจะยัดเยียดของในสวนกลับไปฝากมารดาเขาทุกที ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล หรือผักที่คุณยายบอกเองว่าปลูกกับมือ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีใดๆ รับประทานได้สนิทใจไม่ต้องกลัว เวลานั้นเขาจำต้องรับมาอย่างเสียไม่ได้ แต่คุณยายหรือขวัญข้าวไม่รู้หรอกว่า ของทุกอย่างไม่เคยถึงมือแม่เขา เขาทิ้งมันข้างทางก่อนถึงบ้านเสมอ เพราะขนไปก็เปล่าประโยชน์ แม่เขาไม่ปลื้มของพวกนี้อยู่แล้ว และแม่ก็มีส่วนทำให้เขาเลือกอินทุอรมากกว่าที่จะพิสูจน์รักแท้กับขวัญข้าว
ไม่ถึงสิบนาที กาแฟหอมกรุ่นสองถ้วย พร้อมด้วยขนมปังกรอบก็วางลงบนโต๊ะ และคนเสิร์ฟก็นั่งลงตรงข้ามเขา
“มีแค่ขนมปังกรอบนะคะ ไส้กรอก ไข่ แฮมหมด ข้าวไม่ได้เข้าห้างฯ มาร่วมสองสัปดาห์แล้ว” เธอออกตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นพีรัชมองอาหารเช้าแบบง่ายๆ บนโต๊ะ
พีรัชมองหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มให้ นึกสงสารและเห็นใจผู้หญิงที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพัง วันทำงานปกติขวัญข้าวคงไม่มีปัญหา เลิกงานแล้วกินมาเสร็จสรรพก่อนกลับเข้าบ้าน หรือไม่ก็ซื้อติดมือมา แต่วันหยุดนี่สิถ้าไม่มีของสดติดตู้เย็นเธอจะออกไปซื้อที่ไหน เท่าที่ไปมาหาสู่ขวัญข้าวในอดีตแถวนี้ยังเหมือนเดิม เพื่อนบ้านของเธอปลูกบ้านกันห่างๆ เพราะต่างปลูกบ้านในสวนของตนเอง บางคนปลูกผักไว้ทั้งกินและขาย ควบคู่ไปกับการทำสวนผลไม้ ส่วนขวัญข้าวที่ทำงานออฟฟิศจะมีเวลาที่ไหนมาปลูกผักกิน แล้วผลไม้ในสวนของเธอจะมีใครช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิต เขานึกห่วงอดีตคนรักเก่าขึ้นมาเสียทันที...คล้ายกับยังมีเยื่อใย
“ปกติวันหยุด ข้าวทำอาหารกินเองไหม”
“ค่ะ ทำอาหารง่ายๆ เมื่อก่อนข้าวเคยช่วยยายทำ พอทำกินเองกันตายได้ล่ะค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ จิบกาแฟแล้วกัดขนมปังกรอบตาม
“แล้วตลาดสดอยู่ไกลไหม หรือข้าวซื้อของมาจากที่ไหน” เขาถามอย่างสนใจ โดยไม่แตะต้องกาแฟและขนมปังแต่อย่างใด
“ส่วนมากข้าวจะซื้อมาจากห้างใกล้ๆ ที่ทำงานค่ะ ถ้าขาดเหลือก็ซื้อจากตลาดสด ก็ไกลพอสมควร”
“แล้วข้าวไปยังไง” พีรัชถาม เมื่อกวาดตามองจนทั่วไปเห็นว่าจะมีพาหนะให้เธอได้ใช้สอย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขาเห็นมีจักรยานเก่าๆ อยู่หนึ่งคัน
“มอเตอร์ไซค์รับจ้างค่ะ มีขาประจำ โทรปุ๊บมาปั๊บ” ขวัญข้าวยิ้ม ก่อนเลื่อนถ้วยกาแฟไปตรงหน้าพีรัช
“จะเย็นจนเสียรสชาตินะคะ”
พีรัชรีบยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ รสชาติของกาแฟกลมกล่อมและคุ้นลิ้น เป็นรสที่เขาโปรดปราน น้อยคนนักที่จะชงได้กลมกล่อมโดนใจ เขาชำเลืองมองขวัญข้าวอย่างประเมิน รสชาติกาแฟที่เขาชอบขวัญข้าวยังไม่เคยลืม เธอชงได้อร่อยถูกปากเขา แสดงว่าอย่างอื่นในตัวเขาเธอก็คงยังไม่ลืมเช่นกัน ช่วยไม่ได้ที่พีรัชจะคิดเข้าข้างตนเอง และให้น้ำหนักในความคิดที่ว่าขวัญข้าวยังไม่ลืมเขา และยังรักเขาเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
“มอเตอร์ไซค์รับจ้างพวกนั้น ไว้ใจได้แน่หรือข้าว” เขาแสดงความห่วงใยด้วยน้ำเสียงและสีหน้า
“ยิ่งข้าวอยู่บ้านคนเดียว ถ้ามันเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมาจะทำยังไง พี่เป็นห่วงนะ”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ แต่คนละแวกนี้รู้จักกันหมด พวกมอเตอร์ไซค์ก็คนแถวนี้หารายได้พิเศษนอกเหลือจากเก็บเกี่ยวผลผลิตจากสวน หรือไม่ก็พวกนักเรียนนักศึกษาที่ขับรถรับจ้างหลังเลิกเรียน เด็กพวกนี้ก็เห็นกันมาแต่เด็กไม่มีอะไรน่ากลัว”
“ข้าวไว้ใจคนง่ายเกินไปเหมือนเดิม” พีรัชไม่ได้ตั้งใจสะกิดแผล หรือตำหนิหญิงสาว แต่มันกลับทำให้ขวัญข้าวเจ็บจี๊ดขึ้นมาในหัวอก ใช่เธอไว้ใจคนง่าย โดยเฉพาะผู้ชายตรงหน้า เชื่อใจเมื่อได้ยินข่าวระแคะระคายว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่ตอนที่เขายังเรียนปริญญาโทอยู่เมืองนอก เมื่อเขาปฏิเสธว่าไม่มีใครเธอก็เชื่อ และสุดท้ายเขาก็พาผู้หญิงคนนั้นกลับมา และประกาศหมั้นอย่างใหญ่โต มีงานเลี้ยงเอิกเกริกเมื่อคืนที่ผ่านมา
มือที่จับหูถ้วยกาแฟบีบแน่นจนแก้วสั่นเมื่อคิดถึงเรื่องค่ำคืนอันเลวร้ายที่ผ่านมา ทว่าพีรัชที่มองเห็นกิริยาอาการของเธอกลับคิดว่า ขวัญข้าวโกรธเขา
“ข้าวพี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าข้าว เพียงแค่เป็นห่วงในฐานะคนเคยคบหากันเท่านั้น” เขาเอื้อมมือมากุมมือเธอ ที่วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะแล้ว
ขวัญข้าวดึงมือออกจากมือเขาอย่างช้าๆ ไม่ให้เขาคิดว่าเธอรังเกียจ เพราะเธอไม่มีวันรังเกียจความห่วงใย ที่ถ่ายทอดมาจากฝ่ามืออบอุ่นของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักคนแรกและคนรักคนเดียวของเธอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปนานเท่าใด
พีรัชกุมมือขวัญข้าวแน่นขึ้นเมื่อรับรู้ว่าเธอกำลังดึงมันออกไปช้าๆ แต่เขาไม่ทันพูดอะไร เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ดังขึ้น เขาจึงต้องปล่อยมือขวัญข้าวแล้วมาล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นชื่อหน้าจอ พีรัชก็กดรับทันที
“ว่ายังไงค่ะ”
เสียงเขาเบาแทบจะไม่ได้ยิน แต่ขวัญข้าวก็รู้ดีจะมีใคร ที่ทำให้พีรัชพูดจาจ้ะจ๋าอ่อนหวาน แล้วลุกเดินเลี่ยงออกไปเสียไกล เขากลัวเธอแอบฟังการจู๋จี๋กับคู่หมั้นนะหรือ ไม่ต้องกลัวเลย แค่เห็นเขายืนเคียงข้างกันเมื่อคืน เธอก็เจ็บปวดหัวใจแทบจะขาดรอนๆ อยู่แล้ว มีหรือยังอยากได้ยินคำพูดคุยอ่อนหวานให้หูอื้อ ตาลายอีก
กว่าห้านาทีพีรัชจึงกลับมานั่งที่เดิม ดื่มกาแฟที่เหลือในถ้วยจนหมด แล้วขอตัวกลับทั้งที่ยังไม่อยากกลับเท่าไหร่ เพราะเรื่องที่ตั้งใจจะมาถาม ว่าขวัญข้าวหนีกลับมาตอนไหนยังไม่ได้เอ่ยแต่อย่างใด แต่ขัดอินทุอรที่ส่งเสียงมาออดอ้อนไม่ได้ เธอบอกว่าพี่ชายกลับไปปากช่องแล้วโดยไม่ได้แวะไปหาที่คอนโดฯ แต่อย่างใด จึงต้องการให้เขากลับไปเพื่อพาเธอออกไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอก
“พี่รบกวนข้าวนานแล้ว ขอบใจมากสำหรับกาแฟ รสชาติอร่อยถูกปากพี่เหมือนเดิม”
จะพูดประโยคนี้ออกมาทำไมนะ หรือพี่พีต้องการให้เราคิดอะไร ไม่หรอกเขารักคนที่โทรมาตามนั่น แล้วจะรื้อฟื้นความหลังกับเราทำไม...ขวัญข้าวได้แต่คิดตำหนิเขาในใจ
“วันหลังอนุญาตให้พี่แวะมาเยี่ยมอีกนะข้าว” พีรัชกล่าวทิ้งท้ายเมื่อเดินมาถึงรถ
ขวัญข้าวไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแค่ยิ้มส่งตามมารยาท แต่พีรัชก็ยังไม่ยอมขึ้นรถอยู่ดี เขาเดินกลับมาหาเธอที่ยืนอยู่ตรงประตูรั้ว แล้วเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรของตนเองส่งให้
“เบอร์โทรพี่ พี่ยังใช้เบอร์เดิม มีอะไรให้พี่ช่วยโทรหาพี่ได้ตลอดเวลา” เขาหยุดเหมือนชั่งใจจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูด แล้วหันหลังเดินกลับไปที่รถ
ขวัญข้าวคิดว่าพีรัชคงอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอด้วยเช่นกัน แต่เขาจะเอาไปทำไม โทรมาพูดคุยให้เธอลืมเขายากขึ้นไปอีกนะหรือ อย่าเลยไม่ขอนะดีแล้ว เพราะถ้าเขาขอเธอย่อมใจอ่อนแล้วรีบบอกไปเสียทันที ก็เธอปฏิเสธใครไม่เป็นนี่นา ไม่สิ...เฉพาะกับบางคน และในจำนวนนั้นก็มีชื่อพีรัชอยู่ในลำดับต้นๆ เสียด้วย