“เปิดกล้อง!!” ชายหนุ่มยังย้ำ เขาอยากเห็นหน้าหล่อนชัดๆ
“เพื่อความสบายใจของคุณก็ได้ค่ะ”
เพราะบริสุทธิ์ใจ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนท่ามากอย่างคีริน เมวิกาจึงกดมุมโทรศัพท์สัญญาณภาพแจ่มชัด และคนปลายสายคือคนที่เธอคาดไม่ถึง!!
ใบหน้าเหลอหลาของคนปลายสาย เกือบทำให้ชายหนุ่มยิ้ม เขารีบเก๊กหน้า ทำเคร่งขรึม
“เธอเป็นใคร?” คีรินแสร้งตีเนียน ความจริงเขาจำหล่อนได้ตั้งแต่แวบแรก!! เมื่อเมวิกาคือ...????
“คือ...เม เอ่อ...บอกไปคุณก็ไม่รู้จักหรอกค่ะ เอาเป็นว่าเมไม่ใช่โจรก็แล้วกัน”
ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คน คนนี้เข้าใจ หญิงสาวจึงเลี่ยงที่จะตอบ
“เอะ!! ฉันถามก็ตอบมา มีเบอร์มั้ย กันหลังวางแล้วเธอชิ่ง!” น่าน เอาเข้าไป เรื่องเถเนียนนี่ คีรินโคตรเซียน เขาแสร้งทำเป็นขอเบอร์โทรศัพท์ของหล่อน ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย
เมวิกาย่นปลายจมูก “เมไม่มีเบอร์ค่ะ เมไม่ใช่คนที่นี่ แต่เอาเบอร์คนดูแลของเมไปก็ได้ค่ะ ถ้าหากทำให้คุณสบายใจขึ้น”
ชายหนุ่มย่นจมูก “เอามา” แม้ไม่ได้อย่างที่หวัง แต่ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
หมายเลขโทรศัพท์ของสกาย ถูกบอกผ่านสายโทรศัพท์ คีรินรีบบันทึกไว้ในโทรศัพท์ตัวเอง เขาเร่งหาวิธีที่จะติดต่อหล่อนได้ โดยไม่ต้องผ่านใคร...มีไอเดียบางอย่างผุดขึ้นมาในสมอง และเขาจะเร่งจัดการแบบเร่งด่วนที่สุดด้วย
“จะให้เม เอาเจ้านี่ไปให้คนที่คุณอยากคุยด้วยมั้ยคะ?” หญิงสาวเอ่ยถาม หากเขามีธุระด่วน เธอก็จะนำโทรศัพท์นี่ ออกไปตามหาเจ้าของให้ ด้านนอก...
“ไม่ต้อง...เขาให้เธอรอ...ก็รอเถอะ”
ชายหนุ่มตอบเสียงสะบัด
“ถ้าอย่างนั้น เมวางนะคะ” เธอรู้สึกอึดอัด กับแววตาของเขา แม้ชายผู้นี้จะหล่อเหลาจนอดเคลิ้มไม่ได้ เธอรู้สึกว่าคุ้นหน้าเขาพิกล โครงหน้าแบบนี้เหมือนเธอเคยเจอกับเขามาก่อน หญิงสาวนิ่งคิด เธออ้าปากเหวอ ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าคีริน ผ่านหน้าจอมือถือ... “คุณ”
เขาคือผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ทำให้เธอมานั่งอยู่ตรงนี้เอง
“เธอน่ะตาไม่มีแวว ไม่รู้รึว่าฉันเป็นใคร?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงห้วน มองหน้าของเมวิกาด้วยความรู้สึกปั่นป่วนเพิ่มขึ้น
หญิงสาวยิ้มแหยๆ เธอมองเขาตาปริบๆ แม้จะเคยเห็นหน้า แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเขาคือใคร?
คีรินเบ้ปาก “สักวันเธอจะรู้ แต่ห้ามวางสาย... จนกว่าพริสซิร่าจะกลับเข้ามาล่ะ”
เวลานี้คีรินนั่งเอนๆ อยู่ตอนหลังรถยนต์ เขานึกดีใจที่ไม่ได้เป็นคนขับรถยนต์คันโปรดด้วยตัวเอง เมื่อตนเองรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงจำใจต้องเป็นสารถีจำเป็น เขานั่งกระสับกระส่าย แต่มือดันไพล่ไปกดต่อสายหาพริสซิร่าโดยบังเอิญ แต่นั่นอาจจะเป็นความตั้งใจของเขาก็ได้ แต่แสร้งทำเป็นไม่ตั้งใจ เพื่อแก้หน้าให้ตัวเอง และมันช่างเป็นการโชคดี ที่คนรับคือ...เมวิกา
“ก็ได้ค่ะ...ดีเหมือนกันค่ะ” เมวิกายิ้ม เธอไม่รู้ว่ายิ้มนั้น ทำให้หนุ่มสุดฮอตสตั้นไปชั่วขณะ
หญิงสาวถอนลมหายใจแรงๆ เธอเงยหน้ามองประตู ลุ้นระทึก รอให้คนที่พาเธอมาทิ้งไว้ กลับเข้ามาเสียที
“เธอเป็นคนที่ไหนนะ?” เสียงของคีรินดึงเธอกลับมาจากความหวาดหวั่น
“บอกไป...คุณจะรู้จักมั้ยคะ...เมมาจากประเทศเล็กๆ โซนเอเชีย บ้านเมเป็นเมืองร้อน เมเลยไม่ค่อยชินกับอากาศเย็นๆ ที่นี่เท่าไหร่” ไหนๆ เขาก็ชวนคุย หญิงสาวเลยตอบเสียยาวเหยียด เพื่อตัวเองด้วย เพราะการมีเพื่อนคุยเวลานี้ ทำให้เธอพลอยลดความตื่นเต้นลงไปด้วยนั่นเอง
“เธอรู้เรื่องการมาแคสติ้งนี่ได้ยังไง?” ชายหนุ่มลองสุ่มถาม
“เมไม่รู้อะไรเลยค่ะ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปออดิชั่นทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนไหน มีจดหมายเรียกตัวเมมาค่ะ เจ้กาย เอ่อ...คนที่ดูแลเมน่ะค่ะ เขาเลยเสนอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้...เมก็เลยมา” หญิงสาวรีบชี้แจงเพิ่ม เมื่อชายหนุ่มขมวดคิ้ว เหมือนไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มันไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ อาจจะเป็นชะตาฟ้ากำหนด เมื่อเขาเองก็ไม่รู้ขั้นตอนการเปิดรับเท่าใดนัก เมื่อโปรเจคนี้เพิ่งคิดได้ อาจจะเป็นทีมงานของเขาที่แพลนไว้ล่วงหน้า แต่ก็เป็นโชคดีอย่างหนึ่ง...ที่เขาได้พบเจอกับหล่อน!!
“คุณเป็นกรรมการด้วยนี่คะ?” หญิงสาวถามกลับเสียงอ่อยๆ
คีรินยิ้มกว้าง...หล่อนคงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มาแคสติ้งกับ ‘เบลิสต้า’ แต่กลับไม่รู้จักตัวเจ้าของ เขาอยากหัวเราะ แต่มันก็เป็นการดีไม่ใช่เหรอ ชายหนุ่มคิดในใจครึ้มๆ หากหล่อนรู้เข้าภายหลัง หล่อนจะทำหน้ายังไง เมื่อรู้ว่าคนที่หล่อนคุยด้วยเป็นวรรคเป็นเวรนั้น เป็นผู้ชี้เป็น ชี้ตายให้กับตัวเอง...
“ใช่...ทำไม? เธอคิดจะติดสินบนฉันหรือไง?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง เอนตัวพิงพนักเบาะนุ่ม ยกมือขึ้นรองใต้ท้ายทอย มองเมวิกาผ่านหน้าจอโทรศัพท์ด้วยทีท่าแสนสบายเหมือนคุยกับเพื่อนสนิทสักคน
“ปะ เปล่าค่ะ คือการแคสติ้งยังไม่เสร็จนี่ค่ะ เมเห็นยังรออีกหลายคนเลย”
หญิงสาวรีบตอบ เธอมาสาย แถมยังทะเล่อทะล่าเข้ามา ไม่ได้ แคสติ้งตามหมายเลข เธอเลยไม่ใคร่แน่ใจ หากต้องแบกความผิดหวังกลับบ้านไป
ชายหนุ่มอมยิ้ม นัยน์ตาสีเขียวพราวฉ่ำ จนคนมองผ่านหน้าจอโทรศัพท์ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะหากเผลอตัว เธออาจตกบ่วงเสน่ห์ของเขาก็เป็นได้ เมื่อเมวิกามั่นใจ ผู้ชายตาสวย ชนะใจเธอไปกว่าครึ่ง ผู้ชายตรงหน้าเธอนั้น รูปงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอเกรงว่า... ในวันที่เดินทางกลับ หัวใจตนเองจะไม่ยอมกลับไปด้วยนี่ซิ
เพราะความคิดซุกซน ดวงตาของเมวิกาก็ไม่ต่างอะไรกับดวงตาของคีริน ผลของความพริบพราวนั่น ทำให้หัวใจแกร่งกล้าดวงหนึ่ง โอนเอนอ่อนไหวไปด้วยเช่นกัน
“ฉันมีธุระ!!” ชายหนุ่มตอบปัดๆ ความจริงแล้ว งานนี้จบตั้งแต่เขาเลือก...เธอ คนอื่นแทบไม่มีความสำคัญ
ยังไม่มีใครรู้ แฟชั่นวีคครั้งนี้ คีรินไม่ได้จ้องจะตีตลาดเสื้อผ้า ที่เขาเน้นเลย...คือ...รองเท้า...
รองเท้าที่เขาให้พริสซิร่านำมาให้เมวิกาสวม นั่นคือตัวเอกของงานแฟชั่นวีคนี้ ในฤดูกาลต่อไป...เขาเล็งเห็นถึงความลงตัว เมวิกาสวยสง่า และคงสะกดสายตาคนดูได้อย่างชะงัด คงมีผู้ชายอีกหลายร้อย หลายพันคน ที่ยอมลงทุนควักกระเป๋า เพื่อซื้อรองเท้าคู่นั้น ไปให้คนที่เขาพึงใจ
“อ่อค่ะ...” หญิงสาวพยักใบหน้าหงึกหงัก
“สมมุตินะ” ชายหนุ่มเอ่ยต่อ “ถ้าเธอผ่าน...จะดีใจมั้ย?” เป็นคำถามง่ายๆ แต่หากถามคนอื่น คีรินแน่ใจ เขาคงไม่ได้เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้แน่
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนยกมือปิดปากเขาได้ยินเสียงร้องวี๊ดเบาๆ “หูยคุณ...ไม่น่าถามเลยค่ะ ที่เมมา เมก็อยากผ่านค่ะ แต่ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร เมทำผิดขั้นตอนเอง เอาเปรียบคนอื่นด้วย...มันสุดวิสัยนี่คะ เจ้กายแกเป็นลม ให้เมทิ้งเจ้ แล้วมานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่เจ้กำลังแย่ก็คงไม่ได้...หากเมพลาดหวังครั้งนี้ ครั้งหน้าเมจะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ”
คีรินมองหล่อนตาลอย สีหน้าของเมวิกาเปลี่ยนไปตามคำพูด ปรับเปลี่ยนตามความคิด เมื่อมันคือความจริงใจ สีหน้าแบบนั้นเขาไม่เคยเห็นจากคนใกล้ตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องใกล้ชิด หรือคู่ขาที่นอนครางอยู่ใต้ร่าง ไม่มีสีหน้าแบบนั้นให้เขาเห็น ไม่ว่าจะความกังวล สลดเศร้า หรือดวงตาไม่ยอมแพ้คู่นั้น
“อืม...” ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากบอกเมวิกาสักนิด เขาอยากเห็นสีหน้าของหล่อนตอนที่รู้ว่าตัวเองผ่านแทบแย่...แต่ว่าเขายังไม่อยากให้หล่อนตื่นตระหนก...หากรู้ว่าเขาเป็นใคร...ตอนนี้
“ขอโทษที ทิ้งนานเลย มาเข้าเรื่องเถอะ” พริสซิร่าดันประตูเปิดเข้ามา เธอร้องทักหญิงสาว สืบเท้าเดินมาทิ้งตัวนั่งตรงหน้า “เหนื่อยโคตร บอสก็ดันมาชิ่งหนีเสียอีก...ไงเรา พร้อมเซ็นสัญญาวันไหนล่ะ?” หล่อนพ่นเป็นชุดไม่ได้สนใจเมวิกาสักนิด คลิปบอร์ดสีสดถูกเสือกวางตรงหน้า โดยที่คนบ่นเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แรงๆ