หญิงสาวตอบเจ้านาย พร้อมกับหันไปถามเมวิกาน้ำเสียงติดรำคาญ เพราะคนเพียงคนเดียว กำลังทำให้การแคสติ้งที่กำลังเคร่งเครียดวุ่นวายขึ้นมาทันตา
เมวิกาสืบเท้าเข้าไปใกล้อีกนิด เธอตอบเสียงแผ่วๆ ยิ้มกร่อยๆ ให้กับทุกๆ คนที่จับตามอง
“เมวิกาค่ะ จากสกายโมเดลลิ่ง”
พริสซิร่ายิ้มแยกเขี้ยว หล่อนกลอกตามองบน ก่อนจะหันมาตอบเจ้านาย
“ตามกฎ เราจำเป็นต้องตัดหล่อนค่ะ...เพราะแค่รักษาเวลายังทำไมได้ ดังนั้นการทำงานร่วมกับคนอื่นก็คงไม่ได้เช่นกัน”
แต่ดูเหมือนเจ้านายไม่ได้สนใจ “หืมมม...เรียกหล่อนมานี่ซิ” ชายหนุ่มพยายามเก็บอาการที่สุด เพื่อไม่ให้ใครในที่นี้จับพิรุธได้ แต่...คีรินลืมไป...ทุกคนรู้นิสัยเขาดี ดังนั้นการที่เขาแหกกฎจึงเป็นที่จับตามอง
พริสซิร่างงๆ แต่ก็ยอมทำตามความต้องการของเจ้านาย เมื่อเขาเป็นคนเดียวที่มีสิทธิสั่งทุกคนในที่นี้
“มานี่ซิ!!” หล่อนหันไปโบกมือเรียกเมวิกา
หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตนเอง ใบหน้าเหลอหลา แต่เมื่อถูกเร่งจึงรีบเดินเข้าไปหาแบบไม่ต้องคิดซ้ำ
“เธอนั่นแหละ เร็วๆ เดี๋ยวบอสฉันเปลี่ยนใจ”
พริสซิร่าเร่ง เมื่อเมวิกาเดินมาถึง และหลังมองสำรวจอีกครั้ง รอยยิ้มของครีเอทีฟสาวจึงแต้มมุมปาก พร้อมกับคิดชมเจ้านายในใจ ‘ตาถึง’
แม้เมวิกาจะอยู่ในสภาพโทรมสุดขีด เมื่อใบหน้าหล่อนมันย่อง มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง และอยู่ในชุดที่น่าจะเป็นการวิ่งออกกำลังกายมากกว่าการมาแคสติ้งเป็นนางแบบ กางเกงวอร์มสีเทาหลวมๆ เสื้อยืดโปโลคอปกสีฟ้า กับรองเท้าผ้าใบไนกี้
สาวๆ ที่รอการคัดกรองชะเง้อคอมอง แอบเบ้ปากไปตามๆ กัน เมื่อคู่แข่งเปิดตัวแบบไม่ทันได้คาดคิด แถมยังได้เผชิญหน้ากับหัวหอกตัวเอ้ของเบลิสต้า แบบประจันหน้าตรงๆ และหากไม่เอาอคติมาบดบังความคิด ก็ต้องยอมรับว่า...ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างน่าสนใจ ใบหน้าหล่อนคมขำ รูปร่างสูงโปร่งและคงเป็นไซน์มาตรฐาน อกไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไป เอวคอดกิ่ว สะโพกผายตึง ลักษณะแบบนี้ใส่อะไรก็สวย
“พริส...หาชุดให้หล่อนเปลี่ยน 10นาที แล้วให้หล่อนเดินมาตรงนี้นะ”
คำสั่งง่ายๆ แต่หลายๆ คนอ้าปากหวอ...เพราะเท่ากับคีรินยอมรับหล่อน โดยมองข้ามกฎเกณฑ์ของตัวเอง
“10นาที!!”
ชายหนุ่มย้ำ เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่หยุดการเคาะนิ้วบนโต๊ะ หันมานั่งกอดอกนิ่งๆ แทน
หลายคนพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ความกดดันก่อนหน้านี้จางหายไปเกือบหมด ไม่มีความกดดันนั้นหลงเหลืออยู่เพราะคนที่สร้างความกดดันนั้น รู้สึกว่าเขาจะผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนที่มาล่าสุดนั้น...จะเป็นตัวแปรสำคัญ เมื่อทีท่าเคร่งขรึมของคีรินจางหายไปเกือบหมด แม้เจ้าตัวจะไม่ทันรู้ตัว แต่คนรอบข้างรับรู้ด้วยสัญชาตญาณ
เมวิการีบเปลี่ยนชุด เธอถอดเสื้อยืดสวมชุดเดรสสีขาวที่พริสซิร่านำมาให้ สะบัดกางเกงวอร์มออกจากช่วงล่าง สลัดรองเท้าไนกี้ออก ถลาไปหยุดหน้ากระจก ควานหาตลับแป้งเพื่อบรรเทาคราบมันๆ บนหน้า เธอมองหาลิปสติก เมื่อหาสีได้ถูกใจก็บรรจงวาดบนเรียวปาก ก่อนจะเม้มย้ำเกลี่ยร่องรอยให้เรียบเนียน...ดินสอเขียนคิ้วเป็นอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายที่เธอใช้ เพื่อให้ใบหน้าดูคมเข้มขึ้น
“อืม...ใช้ได้ ดีกว่ายัยเพิ้งคนเมื่อกี้หน่อย” เมวิกาพอจะยิ้มออก เวลาสั้นๆ แค่นี้ เธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วล่ะ
เมื่อชำเลืองมองนาฬิกาที่ข้อมือเวลาเธอใกล้หมดลงแล้ว หญิงสาวกวาดตามองหา ‘รองเท้า’ เธอขมวดคิ้ว เมื่อไร้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เธอชั่งใจอยู่ชั่วครู่ เมื่อเบลิสต้าเปิดโอกาสให้เธอแล้ว แต่หากอุปสรรคแค่นี้จะทำให้เธอถอดใจ...เขาประเมินเธอต่ำไป...
เธอตัดสินใจดันประตูออกมา พร้อมกับเชิดหน้าเดินมาเผชิญหน้ากับกรรมการทั้งหมด รวมทั้งคู่แข่งที่นั่งมองกันหน้าสลอน โดยที่เธอ ...เดินเท้าเปล่า...
“ช่างกล้า!!”
“งี้ล่ะ คนไม่รักษาเวลา”
“น่าอายแทน...สงสัยคงโดนเขี่ยทิ้ง”
สารพัดคำพูดที่ลอยมาเข้าหู เมวิกาข่มความอาย เธอเชิดหน้าขึ้น เดินเหมือนที่พื้นปูพรมแดง สายตาเธอมองตรงไปเบื้องหน้าแค่นั้น พยายามปิดหู ไม่ฟังเสียงแทรกของคนอื่น เมื่อเสียงเหล่านั้นอาจทำให้เธอหมดกำลังใจ...และเธอพลาดงานนี้ไม่ได้
คีรินกระตุกยิ้ม...ลักษณะของ ‘หล่อน’ ผ่านตามเกณฑ์ ใบหน้าสวยซึ้งนั่นโดดเด่นขึ้นมาแบบไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เปลี่ยนชุดที่สวมใส่ แววตาของหล่อนทำให้เขาลืมหายใจ เผลอจ้องมองหล่อนจนกระทั่งเมวิกาเดินมาถึง...
“พริส...” เขาโบกมือเรียกลูกน้องสาว ที่มีอาการไม่ต่างกับคนอื่นๆ ที่พากันอึ้ง!!
“คะ...” พริสซิร่าถลาเข้ามาหาเจ้านายหนุ่ม
คีรินป้องปาก เขาสั่งบางอย่างกับลูกน้องสาวๆ หล่อนทำหน้างงๆ แล้วก็หมุนตัวกลับ วิ่งฉิวจากไป และกลับมาพร้อมกับกล่องสีน้ำตาลทึบๆ ในมือ
“ใส่นี่สิ!!”
พริสซิร่ายื่นกล่องที่ถือมาให้กับเมวิกา เธอคาดคะเนขนาดมา และหวังว่าคนตรงหน้าคงใส่ได้พอดี
หญิงสาวยืนมือมารับ เธอกะพริบเปลือกตาปริบๆ เมื่อเปิดกล่อง ในนั้นคือรองเท้าส้นสูงสีขาวโปร่งๆ รูปลักษณ์สวยเฉี่ยว จนแม้แต่คนไม่ใคร่จะแต่งตัวอย่างตนเองยังนึกหลงรัก มันเหมือนรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่า...สวย และน่าหลงใหล
เหมือนเวลาจะหยุดเดิน...เมื่อเมวิกาสวมรองเท้านั่น หล่อนเดินช้าๆ มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าทุกๆ คน พร้อมกับยิ้มหวานในแบบของตัวเอง
“อ่า....”
คีรินคราง...หัวใจเข้าเต้นรัว!! ...ดวงตาพร่ามัวมองไม่เห็นใครในที่นี้สักคน...นอกจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“เออ...” เมวิกายืนนิ่ง เธอเผยอปากเหมือนอยากถาม แต่... ผู้ชายที่ทำให้เธอหัวใจแทบหยุดเต้น ตอนครั้งแรกที่เผลอตัวสบนัยน์ตาของเขา ดันตัวลุกขึ้นยืน จนเก้าอี้ล้มกระแทกพื้นดังๆ
โครม!!
“พริส!!” เป็นอีกครั้งที่คีรินเรียกพริสซิร่า หญิงสาวยกมือทาบอก หลุดออกมาจากอาการตาค้าง รีบวิ่งมารับคำสั่งแบบลุกลน
“ฉันกลับล่ะ...ที่เหลือก็ตัดสินใจกันเอานะ แต่คนนี้... ฉันเอา”
ชายหนุ่มกระซิบบอกสั้นๆ เขาเสหลบตาพริสซิร่า โหนกแก้มร้อนฉ่า เมื่อรีบก้าวเดินจากมาก่อนที่จะหลุดพิรุธออกมาจนทุกคนจับได้
“ค่ะๆ” หญิงสาวรับคำแบบงงๆ “เอาล่ะค่ะ ต่อๆ ได้ ส่วนเธอมากับฉันนี่”
พริสซิร่าปรบมือดังๆ เรียกสติตัวเอง พร้อมกับเรียกสติคนอื่นๆ ด้วย เพราะดูเหมือนแต่ละคน คงงงไม่ต่างจากตนเองสักเท่าใด
เมวิกานั่งก้มหน้า เธอถูกพามาทิ้งไว้ในห้องห้องหนึ่ง โดยผู้หญิงที่ชื่อ ‘พริสซิร่า’ คนนั้น หล่อนมองเธอแบบแปลกๆ และไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรอีก ได้แต่บอกให้เธอ...รอ
มือเย็นเฉียบ ยังไม่เท่ากับความรู้สึกสับสน!!
เมื่อยังไม่รู้ชะตาตนเอง...เธอผ่าน หรือไม่ผ่าน ไม่อาจรู้ได้...
ตืดๆ ... สัญญาณโทรศัพท์สั่นเตือน เมวิการีบเหลียวมองหา เธอเห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืน เธอเดินไปเมียงๆ มองๆ ไม่กล้าแตะต้องสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมนั่น กลับสั่นไม่หยุด
“ขอโทษนะคะ ขอเมรับแทน เผื่อเขามีธุระร้อน”
หญิงสาวเปรย เพราะคนปลายสายกดโทร. มาติดๆ กัน แม้ไม่มีใครรับ คนคนนั้นก็ยังไม่หยุด แสดงว่าเขาอาจจะมีธุระสำคัญ
“พริส!! หายหัวไปไหนมา ทำไมเพิ่งรับ!!”
เสียงเข้มตวาดดังผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมา เมวิกาผงะ!! เธอเบนหน้าออกห่างๆ กำลังชั่งใจว่าจะกดวางหรือจะสนทนาด้วยดี
“ที่สั่งไว้ จัดการให้ฉันยัง” คีรินตะคอกเมื่อลูกน้องสาวเงียบกริบ
“ขอโทษค่ะ คือเมเสียมารยาทเอง ให้เมเอาโทรศัพท์นี่ไปให้คนที่คุณต้องการคุยด้วยมั้ยคะ”
หลังเรียบเรียงคำพูดอยู่นาน เมวิกาจึงกลั้นใจตอบกลับไป
ชายหนุ่มอึ้ง เสียงหล่อนหวานสมหน้าตา จนชายหนุ่มนึกอยากเห็นหน้าหล่อนใกล้ๆ แทนการฟังแค่เสียงเสียเลย
“ใคร... เปิดกล้องซิ เธอเป็นใคร? ทำไมมาใช้โทรศัพท์พริสซิร่าได้!!” ความคิดผุดขึ้นในสมอง ปากของชายหนุ่มก็สั่งการตามความคิดนั่นทันที
“เมไม่ใช่ขโมยค่ะ แค่เห็นว่าคุณโทร. มาไม่หยุด...เลยเสนอหน้ารับแทนให้ค่ะ” หญิงสาวแย้ง