สกายถลาออกมารับ เขายิ้มจนปากแทบฉีก ต้อนเมวิกาจนสาวๆ ที่มองอยู่พากันสนใจ
ใคร?
ใบหน้าของแต่ละคนมีเครื่องหมายคำถามแปะติดอยู่
ไม่มีใครรู้จัก ผู้หญิงสวยคนนี้คือใคร? มีความสำคัญแค่ไหน? ทำไมคนเรื่องมากอย่างสกายถึงถลามาต้อนหน้า ต้อนหลัง...
เพราะความอยากรู้ สาวๆ เกือบทั้งหมดจึงพากันลุกพรึบ!! เมื่อประตูห้องทำงานของสกายปิดงับลง สาวๆ เหล่านั้นจึงพากันแนบหูกับบานประตูเพื่อฟังคำสนทนาของบุคคลในห้อง
ใบบัวกำมือแน่น...จนเล็บจิกลงไปในเนื้อเจ็บแปลบๆ ไปยันขั้วหัวใจ เมื่อรอยยิ้มของเหล่าเพื่อน มันนัยยะบางอย่างซึ่งแปลความหมายไม่อยาก...
“หนูเมเจ้คิดว่าจะไม่มาแล้วเสียอีก...มาๆ มาคุยกันเรื่องไปปารีสดีกว่า เจ้เตรียมเอกสารไว้เพียบ มาศึกษากันก่อน เรามีเวลาแค่2 อาทิตย์เอง”
“ปารีส!! เจ้กายจะไปทำอะไรที่นั่น?”
แอนกระซิบกระซาบ คนที่เหลือพากันส่ายหัว และชำเลืองมองใบบัวแบบสมเพช
หลายคนเจ็บใจแทนสกายเมื่อรู้ข่าวรั่ว เรื่องใบบัวจะตีจากเพราะสัญญาใกล้หมด แต่เมื่อเป้าหมายใหม่ของสกายยิ่งใหญ่กว่า สาวสวยคนใหม่ที่เดินเข้ามา คงเป็นตัวเต็งของสกาย เขาถึงไม่ใส่ใจเรื่องใบบัวสักนิด
“พี่แอน...อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับการประกาศแคสติ้งของ เบลิสต้า!!”
ใครบางคนเปรย ข่าวดังเปรี้ยงขนาดนั้น เมื่อนานๆ ครั้งที่ห้องเสื้อของคีรินจะเปิดรับคนโนเนม หากได้เข้าสังกัดคีรินแล้วละก็...เงินทองที่ฝันไว้ คงไม่ไกลเกินเอื้อม...
“เห้ย!! เรื่องใหญ่เลยนะนั่น ทำไมไม่มีใครรู้บ้างเลย”
แอนอุทาน...ใบเบิกทางอย่างดี ถ้าติดที่นั่น เท่ากับเป็นนางแบบระดับโลก เมื่อ แบรนด์เดออง...วางขายทั่วโลก หากมีงานโชว์ตัว หมายถึงได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ไปทั่วทั้งโลก ไม่ได้เป็นปลาซิว ปลาสร้อย รับงานอีเว้นท์แสนสองแสน
“หล่อนเดาส่งเดช!!”
ใบบัวเบ้ปาก เธอผุดลุกขึ้นยืน ทำเป็นไม่สนใจ แต่หารู้ไม่ ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ เพราะหากเธอไม่ต่อสัญญา เท่ากับว่าโอกาสงามๆ เช่นนี้หลุดมือไปแน่ๆ เมื่อมั่นใจว่าตนเองมีความสามารถพอ
“หึ!! เกร็งพลาด เอาไงดีวะ!!” สาวละอ่อนบ่นพึม นิ่งคิดไปชั่วครู่ ตรึกตรองอย่างหนักว่าจะเอาต่อแบบไหนดี
“บัว...ชัวร์เลย ได้ยินเจ้กายพูดออกมาเต็มปาก แม่คนนั้นกำลังจะไปแคสติ้งที่เบลิสต้า”
เพื่อความสะใจ แอนเดินมาทิ้งตัวนั่งใกล้ๆ ใบบัว เรียวขาเพรียวตวัดฉับ หันมากล่าวเหมือนเรื่องทั่วไป แต่แอบยิ้มเยาะคนข้างกายในใจ เมื่อเจ้าหล่อนคงกำลังหงุดหงิด เพราะหากไม่ฉีกสัญญาทิ้ง คนที่น่าจะมีโอกาสนั่น ก็น่าจะเป็นใบบัวเอง
แต่นั่นคือความคิดของคนไม่รู้ ‘เบลิสต้าโพสิต’ ไม่ได้ส่งเทียบเชิญใคร ทุกคนต้องผ่านการคัดกรอง และเมวิกาบังเอิญโชคดี ผ่านการคัดกรองครั้งนั้น
“พี่แอน?” ใบบัวหันมาพูดจาหวานหู หลังคิดถี่ถ้วน ถ้าเธอต่อสัญญา มีความเป็นไปได้ที่จะได้ร่วมงานครั้งนี้ มันเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่ตัดใจวางไม่ลง
“หือ...” สาวรุ่นพี่คราง เลิกหัวคิ้วที่ใช้แทนคำถาม
“บัวไปคุญกับเจ้กายดีกว่า...” ใบบัวยิ้มหวาน เธอตัดใจผุดลุกขึ้นยืน ความหวังเรืองรองในใจ จนดวงตาพริบพราว
“โธ่!! รีบไปประจบ แต่ขอโทษ...เจ้ไม่ได้โง่!!”
แอนเหยียดยิ้ม เธอก่นด่าตามหลัง...เมื่อเดาสีหน้าของเด็กรุ่นน้องออก
“อีบัวมันคงอยากไป...รอดูเถอะ เดี๋ยวเจ้กายก็ไล่มันออกมา...เขารู้กันทั่วแล้วเรื่องที่มันจะไปอยู่กับโมอื่น” เด็กในสังกัดของสกายอีกนางทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆ แอนพร้อมกับจีบปากพูด
“ก็ไม่แน่...มันกำลังดัง”
แอนแย้ง แม้จะรู้สึกสะใจลึกๆ เมื่อรู้นิสัยของสกายดี
“พี่แอนพูดเหมือนไม่รู้นิสัยเจ้กาย...” หล่อนหันมามองหน้าแอนพร้อมกับยกหัวคิ้วขึ้นสูง
“ก็รู้ไง...แต่ของแบบนี้เดาใจเจ้อยาก...”
ชื่อเสียง เงินทอง...บางครั้งก็พูดลำบาก แม้จะมีความไม่พอใจ แต่หากสิ่งนั้นทำให้มีรายได้ บางทีสกายอาจจะทำเป็นเมิน
“เท่าที่รู้นะพี่แอน...เบลิสต้า ไม่ได้ให้เราส่งไป เขาเปิดออดิชั่นเมื่อปีก่อน...หนูก็ไป แต่ไม่ผ่าน...มันไงหว่า?”
สาวสวยนางหนึ่งเปรย
“เดี๋ยวก็รู้...ไม่ปัง ก็พัง” แอนกล่าวยิ้มๆ สายตาจับจ้องไปที่ประตูหน้าห้องทำงานของสกาย
“อุ้ย!! ขอโทษค่ะ บัวไม่รู้ว่าเจ้มีแขก”
ใบบัวดันประตูห้องทำงานของกายให้เปิดออก เธอแสร้งอุทาน ทั้งที่รู้ดีว่าสกายไม่ว่าง
“เหรอ...” สกายลากเสียงยาว สาวประเภทสองยิ้มเยาะเหมือนรู้ทัน “เข้ามาสิ ไม่ใช่แขกที่ไหน นี่หนูเม กำลังมาเป็นส่วนหนึ่งของสกายโมเดลลิ่ง!!”
“เหรอคะ...ดีจัง หน้าแพงมากค่ะ” ใบบัวแสร้งชม ทั้งที่ในใจริษยานิดๆ เมื่อได้เห็นเมวิกาเต็มตา
“มีอะไรมั้ย? เจ้กำลังติดพันกับหนูเม ถ้าด่วนก็พูดมา ถ้าไม่...ก็รอก่อน”
ใบบัวเหลือบเห็นสัญญาการเป็นเด็กในสังกัดวางอยู่ตรงหน้าคนมาใหม่ เธอยิ้มหยันมุมปาก ก่อนจะรีบปรับสายตา เงยหน้าขึ้นยิ้มกับสกาย
“เรื่องสัญญาของบัวค่ะเจ้”
“อ๋อ...เรื่องนั้น ทำไมเหรอ?” สกายถามกลับ พร้อมกับปั้นหน้าเหลอหลา ทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เด็กสาวตรงหน้า คิดจะทำ
“เอ่อ...พูดตอนนี้จะดีเหรอคะ”
หล่อนแสร้งออกตัว
“ให้เมออกไปก่อนมั้ยคะเจ้” เมวิการู้ตัว เธอรีบเอ่ยปากถาม
สกายหันมายิ้มให้ เขาเดินออกจากที่มาหยุดยืนเบื้องหลังเมวิกา พร้อมกับวางมือบนไหล่ของหญิงสาว พร้อมกับกดแรงๆ เมื่อเมวิกาขยับตัวเหมือนจะลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
สกายตอบเมวิกา เงยหน้าขึ้นยิ้มเย็นชาให้ใบบัว
ใบบัวสะอึก...หน้าชากับคำตอบของสกาย แต่ก็ต้องรับซ่อนความไม่พอใจ เมื่อเธอหวังอะไรบางอย่างอยู่
“อย่างที่เจ้รู้ สัญญาบัวหมดเดือนนี้” หล่อนอารัมภบท
“อืม...ใช่” สกายตอบเหมือนไม่สนใจ
“บัวมาคิดดูอีกที เจ้กายดีกับบัวมาก บัวเลยอยากจะต่อสัญญาค่ะ” ใบบัวกล่าวเสียงหวาน
“หือ...เท่าที่รู้มา เธอจะย้ายไปอยู่กับอีโม่ไม่ใช่เหรอจ๊ะบัว?” สกายติงเสียงเคร่ง ข่าวกรองมาเร็ว และมันเข้าหูเขามาหลายวัน จึงแปลกใจที่ใบบัวเอ่ยแบบนั้น
“เจ้!! ไม่จริงค่ะ พี่โม่ก็แค่มาคุย บัวยังไม่ตกลงเสียหน่อย” ใบบัวรีบตอบเสียงรน เธอมองสบตาสกายด้วยสายตาอ่อนเศร้า เป็นการแสดงละครฉากใหญ่ที่เจ้าตัวคิดว่าเนียน แต่คนผ่านโลกมานานแบบสกายมีหรือจะไม่รู้
“ไม่ต้องมาเสแสร้งบัว...ฉันรู้... รู้มานานแล้วด้วย อยากไปก็ไป ฉันไม่รั้งเธอไว้หรอก”
สกายยิ้มหยัน เขากล่าวออกมาแบบไม่ยี่หระ เมื่อคิดจะตีจาก ก็ไม่ต้องมาแสดงละครเสแสร้งให้เจ็บใจ
“ไม่จริงนะคะ บัวไม่เคยคิดแบบนั้น มันน่าจะเป็นแค่ข่าวลือ”
ใบบัวยังพยายามแก้ตัว
สกายมองหน้าเด็กสาวตรงๆ “เธอคิดอะไร? เปลี่ยนใจเพราะฉันมีหนูเมมาแทนหรือ?”
หนุ่มใหญ่หัวใจหญิงสาวตัดสินใจถามตรงๆ
ใบบัวกระอึกกระอัก “เปล่าค่ะ บัวแค่อยากช่วยเจ้”
หล่อนกลั้นใจตอบ เงยหน้าขึ้นยิ้มประจบ แต่ก็ต้องรีบหลบสายตาคาดคั้นของสกาย
“ช่วย...ช่วยอะไร?” สกายย้อนถาม เมวิกาพยายามไม่สนใจ เธอคว้าหนังสือใกล้มือมาเปิดดูแก้เบื่อ
“อ้าว...บัวได้ข่าวมา เจ้จะส่งคนไปออดิชั่นที่ปารีส บัวเลยคิดว่าบัวน่าจะช่วยได้”
ใบบัวกล่าว เธอแทบกัดลิ้น เมื่อสายตาของสกายมีแต่แววดูแคลน
“อ๋อ...เรื่องนี้เอง ไม่ต้องๆ” สกายโบกมือ เขาหัวเราะขลุกขลัก เดินไปจูงมือเมวิกา ให้มาหยุดยืนตรงหน้าใบบัว “นี่ไง คนที่ฉันจะส่งไป...เธอเองยังว่าแพง!!”
เมวิกายิ้มแหยๆ เธอมองหน้าสกายที ใบบัวที แบบงงๆ
“เด็กใหม่...จะดีเหรอคะเจ้” ใบบัวถามเหมือนหวังดี
“ดีสิ!! ไม่ช้ำ สด...และดูแพง...” สกายตอบ “ไปนั่งเถอะหนูเม ขอเจ้คุยกับใบบัวก่อน”
สกายปล่อยมือ เขาดันหลังเมวิกา ก่อนจะหันมาประจันหน้ากับใบบัวตรงๆ เมื่อคิดจะแตกหัก ไม่คิดถนอมน้ำใจ เมื่อรู้เจตนาของใบบัวถึงแก่น
“เอาล่ะ ตรงๆ เลยบัว ไม่ต้องมาปั้นหน้าอินโนเซ้นต์ ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบที่ไม่รู้อะไรเลย...เธอกับอีโม่เซ็นสัญญากันแล้ว คิดจะฉีกสัญญากับมัน เพราะเรื่องไปฝรั่งเศสงั้นเหรอ?”